ภูมิธรรมมั่นใจแถลงนโยบายไร้ปัญหา รมต.พร้อมแจงหากถูกพาดพิง “อนุทิน” ปลื้มเพื่อไทยบรรจุนโยบายกัญชา “กฤษฎา” ยันแจกเงินหมื่นทำได้แน่ โวไม่มีออกพระราชกำหนดกู้ แย้มอาจขูดเงินแบงก์รัฐ “จุรินทร์” ยันพรรคเตรียม 15 ขุนพลไว้ชำแหละ มีทั้งตัวเองและ “ชวน” พร้อมอภิปราย
เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ก.ย.2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญในวันที่ 11-12 ก.ย.ว่า ในการประชุม ครม.นัดพิเศษ นายกรัฐมนตรีได้มอบเล่มนโยบายให้รัฐมนตรีแต่ละคนไปพิจารณา ซึ่งพรรค พท.ได้วางกรอบหลักไว้ และได้การยอมรับจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งหากนโยบายของพรรคร่วมไม่ได้ขัดกับกรอบหลัก ก็สามารถนำมาปรับเพิ่มเติมได้ หากนายกฯ ได้อ่านแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ก็ถือว่าการแถลงนโยบายจบ แต่ยินดีรับฟังความเห็นจากฝ่ายค้านที่จะอภิปราย
“กรอบนี้เป็นกรอบใหญ่ที่ครอบคลุมทุกประเด็นที่เราหาเสียงไว้ และพรรคร่วมต่างๆ ได้หารือร่วมกัน ไม่ขัดต่อกรอบที่พูดคุยกันไว้ ส่วนรายละเอียดอาจใช้เวลาของสภามากเกินไป จึงคิดว่ากำหนดไว้ในการอภิปราย 2 วันน่าจะเหมาะสม ส่วนรายละเอียดอันไหนขาดความชัดเจนก็ไปสอบถามจากรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงได้ ทุกคนสามารถชี้แจงได้ ไม่มีอะไรน่ากังวล” นายภูมิธรรมกล่าว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) นำนโยบายกัญชาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไว้ในนโยบาย ว่า ต้องขอบพระคุณหัวหน้าพรรค พท. เพราะในช่วงที่เรามีการหารือกัน ทางพรรค ภท.ได้ทำความเข้าใจและอธิบายว่ากัญชาไม่ได้นำมาเป็นสันทนาการ ไม่ได้มอมเมา แต่เอามาเน้นประโยชน์ในด้านการแพทย์ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งนายกฯ และพรรค พท.ก็เข้าใจ โดยยังถามด้วยว่าทำไมก่อนหน้านี้ข่าวที่ออกมาถึงผิดเพี้ยนไปอีกทาง
“ขณะนี้กฎหมายยังไม่ผ่าน ถ้ากฎหมายผ่านสิ่งที่กลัวกันก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยจะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภา เพราะกฎหมายเก่าถือว่าตกไปแล้ว ซึ่งเร็วๆ นี้จะเร่งดำเนินการ โดยจะเสนอร่างพระราชบัญญัติการควบคุมการใช้กัญชาเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งถือว่าต้องนับหนึ่งใหม่ แต่โครงสร้างพื้นฐานมันมีอยู่แล้ว ซึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และนายกฯ ก็คงจะได้พิจารณาเพิ่มเติมอะไรที่เป็นประโยชน์มากขึ้น และหวังว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะได้รับการพิจารณารวดเร็วขึ้น เพราะมีพื้นฐานอยู่แล้ว และในร่างนโยบายของรัฐบาลก็เห็นเนื้อความในด้านนี้ปรากฏอยู่” นายอนุทินกล่าว
ขณะที่ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง กล่าวถึงมาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ที่ผ่านมาได้หารือร่วมกันไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการ ที่คาดการณ์ว่าอยู่ที่ราว 5.6 แสนล้านบาท โดยจะมาจากหลายส่วน เช่น การกู้เงิน แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินมาใช้ในโครงการเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะมีการเสนอร่างกฎหมายเข้าที่ประชุม ครม.ทันที ภายในครั้งที่ 1 หรือ 2 เพื่อดูว่ามีความจำเป็นต้องมีการเกลี่ยงบใหม่หรือไม่ จะมีงบใดมาใช้ได้หรือไม่
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า นอกจากการกู้เงินแล้ว ยังมีแหล่งรายได้ เช่น การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการใช้วงเงินนอกงบประมาณ ภายใต้มาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ โดยในปีงบ 2566 คงเหลืออยู่ราวหมื่นล้านบาทที่อาจนำไปใช้ได้ และคาดว่าจะมีวงเงินทยอยชำระคืนจากส่วนนี้ในปีงบประมาณ 2567 อีกราว 1 แสนล้านบาทที่ยังนำมาใช้ได้เช่นกัน เพราะแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวดีขึ้น ทำให้ไม่มีการใช้วงเงินมาก และบางโครงการที่อาจไม่ทำแล้วก็เฉลี่ยมาใช้ได้
“วิธีการจ่ายเงินดิจิทัลยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งหากต่างคนต่างพูดไปแล้วอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ที่ผ่านมาก็หารือกันในระดับหนึ่งแล้ว มีการคุยกันหลากหลายแนวทาง เช่น กรณีใช้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ ก็มีการพูดกันเป็นออปชันหนึ่ง เป็นช่องทางที่ดี แต่ยังไม่ได้มีข้อสรุปแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ล่าช้า คาดว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นภายในเร็วๆ นี้” นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า งบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันว่าไม่มีปัญหา คิดว่าไปได้แน่นอน ส่วนผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขึ้นอยู่กับว่าการใช้จ่ายเงินจะหมุนไปได้กี่รอบ ส่วนปี 2566 เริ่มเห็นสัญญาณการบริโภคภาครัฐและการลงทุนของเอกชนและรัฐ หลังมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า การจ่ายเงินดิจิทัลสามารถทำได้ไม่ขัด พ.ร.บ.เงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน
ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า พรรคได้รับการจัดสรรเวลาจากฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง 15 นาที แต่ใจจริงอยากได้ 3 ชั่วโมง แต่ได้เท่านี้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เพราะเสียง สส.เราไม่มากนัก และไม่ขัดข้องหมองใจใดๆ โดยพรรค ปชป.จะเน้นอภิปรายทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งมี สส.แจ้งความจำนงอภิปรายมา 15 คน โดยตนเองจะเป็นผู้อภิปรายคนแรกในส่วนของพรรค ปชป.ถัดจากพรรคก้าวไกล นอกจากนั้นจะมีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ สส.ใหม่ของพรรคอีกหลายคนที่ได้เตรียมการไว้
“จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล โดยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา ตามเนื้อผ้า ให้คำเสนอแนะ และตั้งคำถามที่บางนโยบายยังขาดความชัดเจน ซึ่งเป็นการตั้งคำถามแทนประชาชนที่บางเรื่องคลุมเครือและบางนโยบายไม่ตรงปกส่วนจะเน้น ตรงไหน ขอให้รอวันแถลง ยกตัวอย่างบางเรื่องเช่นกรณีที่มีการสัญญาไว้ในช่วงหาเสียง แต่ไม่มีในนโยบาย และไม่มีเยอะด้วย โดยจะให้ความเห็นตามเนื้อผ้าตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชนผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง” นายจุรินทร์ระบุ
นายจุรินทร์ยืนยันว่า จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านอย่างเต็มกำลังความสามารถ เป็นฝ่ายค้านของประชาชน พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาในการทำงานกับพรรค ก.ก.หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ เพราะป็นภาคบังคับ และเป็นเรื่องปกติ บางเรื่องก็เห็นตรงกัน แต่พรรค ปชป.ยังคงจุดยืนเรื่องความแตกต่าง เช่นไม่เห็นด้วยที่จะแตะต้องมาตรา 112 ที่เรายังยึดและประกาศมาตั้งแต่ต้น อะไรที่ต้องทำหน้าที่ร่วมกัน เช่น ตรวจสอบรัฐบาล เป็นหน้าที่ตรวจสอบแทน ประชาชน ซึ่งเข้าใจว่าพรรค ก.ก.ก็จะตระหนักในตรงนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับพรรค ก.ก. เพราะการอภิปรายนโยบายไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกพรรครู้หน้าที่เป็นอย่างดี
เมื่อถามถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่ยังติดปัญหา นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นภารกิจของพรรคก้าวไกล ซึ่งยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกว่าพรรค ปชป.พร้อมที่จะรับตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่ เพราะเป็นสิทธิ์ที่พรรค ก.ก.จะพิจารณาก่อนจนกว่าจะมีข้อยุติ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น จึงไม่ขอตอบประเด็นนี้
ถามต่อถึงการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในพรรคที่ยืนยันไม่มีลับลมคมใน และขอจัดการกันภายในพรรค ซึ่งขณะที่แม้ยังไม่มี กก.บห.ชุดใหม่ แต่ กก.บห.ชุดรักษาการก็มีอำนาจเต็มในการบริหาร แต่ยืนยันว่าไม่ได้อยากอยู่รักษาการไปนานๆ ต้องขอให้มีเวลาบริหารจัดการภายในก่อน ซึ่งเบื้องต้นได้มีการคุยกันภายในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่จะนานแค่ไหนกว่าจะได้ข้อสรุปนั้นยังไม่ทราบ เมื่อถึงเวลาจะเรียนให้ทราบ
นายจุรินทร์กล่าวด้วยว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 16 สส. ไปลงมติเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ หลังจากมีข้อร้องเรียนว่าขัดกับมติพรรคแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยข้อมูล แม้ไม่ใช่เป็นความลับ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค หากมีผลออกมาเป็นอย่างไรก็ดำเนินการไปตามที่ได้ตรวจสอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' เยี่ยมชม ผู้ผลิตโดรนสัญชาติไทย พร้อมแก้ระเบียบกองทัพ เอื้อผู้ประกอบการ
'ภูมิธรรม' เยี่ยมชม ' อาร์ วี คอนเน็กซ์' ผู้ผลิตโดรนสัญชาติไทย ย้ำพร้อมหนุนอุตฯป้องกันประเทศ แก้ระเบียบกองทัพ เอื้อผู้ประกอบการ
ชงวิป3ฝ่ายส่งศาลรธน. ตีความประชามติกี่ครั้ง
"ชูศักดิ์" ชงวิป 3 ฝ่ายส่งศาล รธน.ตีความซ้ำทำประชามติกี่ครั้ง
ไทย-จีนชื่นมื่นลงนาม14ฉบับ
"นายกฯ อิ๊งค์” คุย “สี จิ้นผิง” ชื่นมื่น! สานสัมพันธ์ครบ 50 ปี
ดัน‘สมชัย’ลงชิง ปธ.บอร์ดธปท. จ่อเคาะ28ก.พ.
ศึกชิงดำ! "คลัง" ไฟนอลแล้ว ส่ง "สมชัย สัจจพงษ์" ลงชิงเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
ร่วมมือปราบแก๊งคอล ‘อ้วน’พอใจมาตรการ
"นายกฯ อิ๊งค์" คุย "สี จิ้นผิง" เดินหน้าร่วมกันปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
จำคุก‘พิรงรอง’2ปี ผิดม.157เตรียมล้มยักษ์ทรู ‘ไหม’ชี้เข้าข่ายฟ้องปิดปาก
ศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษาจำคุก “พิรงรอง” 2 ปี ผิด ม.157