เข้มชายแดนใต้ อารักขานายกฯ ลงยะลา-ปัตตานี

นายกฯ ลงพื้นที่ยะลา-ปัตตานี เปิดปฏิบัติการแก้จน-ติดตามโควิดชายแดนใต้ "แรมโบ้" ไปล่วงหน้าเตรียมความพร้อมรับเรื่องร้องทุกข์ หน่วยมั่นคงเพิ่มมาตรการ รปภ.เข้ม ป้องโจรใต้ป่วนหลังเพิ่งบึ้มรถไฟ

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดปัตตานี ในวันพุธที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมร่วมประชุมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

โดยกำหนดการช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ อาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมืองฯ จังหวัดยะลา ในมิติงานสำคัญ ได้แก่ การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ผ่านโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” การบริหารจัดการด้านความมั่นคงและชายแดน การบริหารจัดการนำการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และการเตรียมการภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเชิงพื้นที่ในพื้นที่ รวมทั้งการติดตามการปฏิบัติราชการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.)

จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดปฏิบัติการ “การขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ภายใต้กรอบแนวทาง “1 ข้าราชการ ศอ.บต. 1 ครัวเรือนยากจน” และเป็นประธานประชุมการบูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงงานด้านความมั่นคงและด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงบ่ายจะตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการโครงการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมืองปูทะเลโลก ณ กลุ่มเลี้ยงปูดำทะล อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ตามกรอบแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดย ศอ.บต.ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงปูทะเลให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ ร่วมกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนรวมทั้งมีการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่

ที่ศาลากลางจังหวัดยะลา นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ล่วงหน้าพร้อมคณะ เพื่อประชุมเตรียมความพร้อมกับส่วนราชการในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนและกลุ่มมวลชนต่างๆ ที่จะยื่นเรื่องต่อนายกฯ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ยะลา ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ พร้อมประชุมทางไกลกับจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ พัทลุง ตรัง สตูล นราธิวาส สงขลา และปัตตานี เพื่อรับเรื่องร้องเรียนไปในคราวเดียวกัน

โดยนายเสกสกลกล่าวเปิดการประชุม และเน้นย้ำคำบัญชาจากนายกรัฐมนตรี ให้ปฏิบัติหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนและกลุ่มมวลชนต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่ต่อความเดือดร้อนของประชาชนที่ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีกำชับไม่ให้กีดกันกลุ่มมวลชนที่เดือดร้อน ให้ทุกกลุ่มได้ยื่นหนังสือและให้รีบนำสู่กระบวนการแก้ไขโดยเร็วที่สุด และในครั้งนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และศูนย์ดำรงธรรม ได้ประสานขอความร่วมมือจากหน่วยราชการ ทั้งในจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อร่วมลงพื้นที่รับเรื่องราวร้องทุกข์และรับทราบปัญหาของประชาชน เพื่อบูรณาการปัญหาไปแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในคราวเดียวกัน

นายเสกสกลยังกล่าวถึงกลุ่มมวลชนทางการเมืองว่า นายกฯ ลงพื้นที่เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับยะลา ไม่ได้มาเล่นการเมือง จึงไม่อยากให้มีกลุ่มใดๆ มาขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมได้มีกลุ่มชาวบ้านที่เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ทยอยยื่นเรื่องถึงนายกฯ ผ่านนายเสกสกล เช่น ปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งจะได้นำไปเสนอคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของรัฐบาลตามขั้นตอนต่อไป

ด้านนายสมนึก พรหมเขียว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ฝ่ายปกครอง เปิดเผยว่า ได้เตรียมการต้อนรับนายกฯ และประชุมเรื่องคุ้มกันรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะจัดแนวป้องกัน 3 ชั้น ทั้งแนวป้องกันชั้นนอก แนวป้องกันชั้นกลางและชั้นใน แบ่งหน้าที่การทำงาน และแนวป้องกัน รปภ.ของนายกฯ เอง โดยป้องกันอย่างพิเศษ นอกจากนี้เราจัดการป้องกันกลุ่มเป้าหมาย หน่วยราชการ พี่น้องประชาชนที่เตรียมต้อนรับ ทั้งนี้ เรายังอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดอยู่ จึงต้องเข้มตามมาตรการสาธารณสุขด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถไฟขบวนท้องถิ่น ขบวนที่ 452 สุไหงโก-ลก-นครศรีธรรมราช ขณะกำลังมุ่งหน้าเข้าพื้นที่บ้านนิคม อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แรงระเบิดทำให้นายชยพล ยิ้มแก้ว พนักงานขับรถไฟ และพนักงานรถไฟประจำขบวนรถ ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 รายนั้น และยังมีข่าวด้วยว่า กลุ่มคนร้ายพยายามที่จะสร้างความวุ่นวายและสร้างสถานการณ์ในห้วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จังหวัดปัตตานีจึงได้เพิ่มมาตรการเข้มงวด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้ง 3 ฝ่าย นายนิพันธ์ บุญหลวง ผวจ.ปัตตานี, พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.ฉก.ปัตตานี และพล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ต่างเตรียมความพร้อม คุ้มกันเข้มทั้ง 3 ด้านทางบก ทางอากาศ และทางทะเล เจ้าหน้าที่ขับรถและเรือลาดตระเวนตลอดทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้หน่วยข่าวกรองยังพบว่าจะมีกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น และกลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่ม 3 นิ้ว อาจมีการรวมตัวย่างเงียบๆ เพื่อเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกด้วย ซึ่งทุกฝ่ายจึงเตรียมความพร้อมไว้หมดทุกด้านแล้วเช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดโลก!

รัฐบาลเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ จัดฉาย-จำหน่าย-เจรจาธุรกิจ ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ควบคู่พีอาร์ Soft Power ไทย และส่งเสริมการถ่ายหนังต่างประเทศในไทย