ปิยบุตรเห็นธรรม!ลั่นเลิกแตะก้าวไกล

“สหายอ้วน” บอกเคส “ช่อ  พรรณิการ์” ต้องดูเป็นรายกรณี “ปิยบุตร”  ดวงตาเห็นธรรมแล้ว บอกขอเขียนบทส่งท้ายให้ก้าวไกลก่อนเลิกแตะ “ศรีสุวรรณ”   ไม่ปล่อยร้อง กกต.บอกอาจารย์ป๊อกครอบงำ

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กันยายน ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต  น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นเราต้องดูว่าเจตจำนงที่จะควบคุมดูแลนักการเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องไปดูว่าไปละเมิดและมีความเที่ยงตรงได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งต้องไปดูในรายละเอียด

เมื่อถามว่า ที่มีการวิจารณ์ว่ามาตรฐานจริยธรรมที่ออกโดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ มาบังคับใช้กับ   สส.อาจไม่ถูกหลัก นายภูมิธรรมกล่าวว่า  ต้องดูเป็นรายกรณี แต่การอิงศาลรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม  แต่อะไรที่เป็นปัญหามากเกินไป คนในกลุ่มวิชาชีพที่เราเชิญมาหรือรับฟังมาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นคนให้ความเห็นเองว่าเรื่องไหนโอเค หรือเรื่องไหนต้องมีปรับปรุงแก้ไข หากระดมความคิดเห็นได้กว้างขึ้น รัฐธรรมนูญก็จะไม่มีปัญหา  เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับ และผ่านได้ รวมทั้งจะทำให้โอกาสและบรรยากาศของประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก​ส่วนตัว แสดงความคิดเห็นถึงผู้สนับสนุนพรรค ก.ก. ที่ไม่พอใจหลังออกมาโพสต์วิจารณ์ถึงกรณีพรรค ก.ก.ไม่มีท่าทีต่อกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ถูกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งว่า ต้องให้กำลังใจ น.ส.พรรณิการ์ เรื่องนี้เป็นจิตสำนึกส่วนตัวเล็กน้อย อย่างที่ทุกคนทราบว่าเป็นคนชวน น.ส.พรรณิการ์มาร่วมตั้งพรรค อนค.ด้วยกัน ขอให้มาเป็นโฆษกพรรค เมื่อ น.ส.พรรณิการ์มาโดนโทษแบบนี้ ส่วนตัวเสียใจ มีความรู้สึกนึกย้อนไปว่า ถ้าวันนั้นไม่ชักชวนมา น.ส.พรรณิการ์ก็คงเป็นผู้ประกาศข่าวที่มีชื่อเสียง ผลงานก็เป็นที่นิยมของคนจำนวนมาก

“วันนั้น น.ส.พรรณิการ์เด็ดเดี่ยวมากตัดสินใจมาร่วมกันเพื่อผลักดันพรรคการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม วันนี้มานั่งนึกย้อนหลัง ถ้า น.ส.พรรณิการ์ไม่ตัดสินใจมาร่วมกัน การแสดงออกของ น.ส.พรรณิการ์เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมาก็คงไม่มีใครไปขุด ซึ่งต้องยอมรับว่าถูกขุด เพราะบทบาทที่ฝ่ายอนุรักษ์จารีต ฝ่ายความมั่นคงทั้งหลาย รู้สึกกังวลใจพรรคอนาคตใหม่ จนเรื่องมาถึงวันนี้ ผมก็เลยมานั่งคิดว่า วันนั้นถ้าไม่ไปชวน ชีวิตเขาก็อาจไปได้ดี ไม่ถูกใครตั้งข้อรังเกียจ ถูกชังแบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่าผมอาจจะอินเรื่องนี้มากอยู่พอสมควร เพราะด้านหนึ่งของเรื่องนี้มันก็พัวพันกับการเริ่มต้นของผมที่ไปชวนคุณช่อมา” นายปิยบุตร​กล่าว

นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ทราบเรื่องนี้มีคนตำหนิวิจารณ์ บ้างก็ว่าใจร้อนไม่ดูไลน์กลุ่ม ทำไมไม่ส่งไลน์ไป ทำไมต้องมาพูด  ขอน้อมรับคำวิจารณ์ แต่อยากชี้แจงว่าไม่มีโอกาสเข้าไปแนะนำ แนะแนวอะไรในพรรคก้าวไกลหรอก มีคนบ้างก็ให้ไปคุยกับ สส.เงียบๆ สิ แต่ในทางกฎหมายถูกห้ามเรื่องครอบงำ และในความเป็นจริงก็ไม่ได้มีโอกาสแนะนำแนะแนวอะไรเลย เว้นเสียแต่ไปเจอ สส.ก็พูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้ไปสั่งสอนแนะนำอะไรภายในพรรคเลย ดังนั้น สส. 151 คนกับผู้บริหารพรรค จะไปแนะนำอะไร นอกจากสื่อสารผ่านโพสต์กันที่สาธารณะเพื่อเป็นหลักประกันว่า ทุกคนทั้งพรรคและผู้สนับสนุนได้อ่านแน่นอน ดังนั้นจึงวิจารณ์ตรงไปตรงมาอย่างสม่ำเสมอ เพราะส่วนตัวยังเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกลอยู่ แต่ด้วยความเชื่อมั่นแบบนี้ จึงต้องวิจารณ์กันตรงไปตรงมา แต่เมื่อผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พร้อมให้วิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคำวิจารณ์ได้รับยืนยันว่าได้อ่านทั้งหมด จึงได้กลับมาคิดทบทวนว่า ถ้าสถานการณ์ไม่พร้อมให้พูดตรงไปตรงมา นับตั้งแต่นี้ก็จะพยายามไม่พูดถึงพรรคก้าวไกล แต่จะมีอีกข้อเขียนหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อเขียนที่เตรียมไว้นานแล้ว ถึงพรรคก้าวไกล อาจเป็นข้อเขียนสุดท้าย แล้วต่อไปนี้จะไม่พูดแล้ว เพราะรู้สึกว่าพูดแล้วจะมีคนรู้สึกไม่พอใจ ข้อเขียนนี้ก็อยากให้ลองเอาไปพิจารณาดูว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการเมืองไทย และเพื่อนพ้องน้องพี่ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย

“ยอมรับว่าเกิดอารมณ์เบื่อขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อสาธารณะไปทำไม   พูดไปแล้วก็ถูกทัวร์มาจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายความมั่นคง ผู้สนับสนุนเพื่อไทย และผู้สมัครก้าวไกลด้วย โดนหมดทุกทาง ก็เลยเริ่มคิดถึงการพักผ่อนสบายๆ ลดบทบาทในการแสดงความเห็นในที่สาธารณะ ข้อเขียนต่างๆ ก็อาจเขียนเรื่องหนัง เรื่องเพลง ฟุตบอล ไม่พูดเรื่องการเมืองดีกว่า เพราะพูดแล้ว มันมาทุกทาง ไปนั่งคิดถึงตัวเองบ้าง ว่าที่ผ่านมาทำไปทำไม ทำแล้วให้คนเกลียดเรามากขึ้นจากทุกทางด้วย จากนี้จะพยายามไม่พูดถึง แล้วก็ไปทำอย่างอื่น เขียนหนังสือตำราที่ค้างไว้ตั้งแต่เป็นอาจารย์ คิดว่าถึงเวลาจะยุติเรื่องพวกนี้ซะที กลับไปทำงานวิชาการดีกว่า ไปเขียนหนังสือให้มันเสร็จ เรื่องการเมืองก็ให้เขาว่าไป” นายปิยบุตรกล่าว

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวว่า ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตรโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิพรรค ก.ก. ไม่รีบออกมาสื่อสารแบบเป็นทางการ ไม่ว่าจะแถลงหรือวิจารณ์ใดๆ อันรู้สึกได้ว่าไร้น้ำใจกับ น.ส.พรรณิการ์ ซึ่งวันรุ่งขึ้นอีกวัน พลพรรค ก.ก.ออกมาดาหน้ากันคัดค้านและออกแถลงการณ์ช่วย น.ส.พรรณิการณ์กันเป็นแถว อันถือได้ว่าเป็นการชี้นำ ครอบงำ ต้องห้ามตามกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่

“การกระทำของนายปิยบุตร ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรค ก.ก. ดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อ สส.พรรค ก.ก.ถึงขนาดดาหน้ากันออกมาให้สัมภาษณ์ รวมทั้งพรรค ก.ก.ก็ออกมาโพสต์แถลงการณ์คัดค้านคำพิพากษากรณีช่อ พรรณิการ์ กันอย่างเอิกเกริกหลังจากนั้น สอดรับกับการชี้นำของนายปิยบุตรโดยชัดแจ้ง กรณีเช่นนี้อาจถือได้ว่าพรรค ก.ก.และนายปิยบุตรกระทำการอันมีลักษณะเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 และหรือมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ตามบทบัญญัติดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งผู้ที่จะสามารถวินิจฉัย ตรวจสอบ และให้คำตอบได้ดีที่สุดและเป็นไปตามกฎหมาย นั่นคือ กกต. จึงนำพยานหลักฐานมาร้องเรียนและชี้เบาะแสให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบและไต่สวนตามครรลองของกฎหมายต่อไป หากพบเป็นการฝ่าฝืน ก็ให้ดำเนินการลงโทษและหรือเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวต่อไป” นายศรีสุวรรณกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง