ยื่นเชือด‘ปดิพัทธ์-ก.ก.’ วิปฯชงศาล-ปปช.ชี้ขับออกผิดจริยธรรม/ตั้ง35กก.แก้รธน.

วิปรัฐบาลมีมติส่งองค์กรอิสระ-ศาล รธน.ฟัน  "รอง ปธ.อ๋อง" ผิดจริยธรรม ย้ำถูกขับออกไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ก.ก. “ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ "ก้าวไกล-ปดิพัทธ์" ใช้ยุทธศาสตร์แยกกันเดินกอด 2 เก้าอี้ เป็นนิติกรรมอำพรางผิดจริยธรรม ขยี้แผลปมโฆษณาเบียร์จ่อส่งหลักฐานเพิ่ม รองโฆษก ก.ก.รับแยกกันเดินเพื่อเป้าหมายเดียวกันชัดเจน ยันไม่ผิดข้อบังคับ เหน็บ "อดิศร" อยากได้รอง ปธ.อีกตำแหน่ง วิปรัฐบาลริบเก้าอี้ ปธ.กมธ.พรรคส้มเหลือแค่ 10 คณะ เพิ่มให้ รทสช.เป็น 3 คณะ หลัง สส.ลด 1 คน "ภูมิธรรม" ชงนายกฯ ลงนามตั้ง 35 กก.ศึกษาประชามติแก้ รธน.

ที่รัฐสภา วันที่ 2 ตุลาคม นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมวิปรัฐบาลว่า วาระของวิปรัฐบาลที่จะเสนอต่อพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้คือ ญัตติรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งควรนำเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นญัตติด่วน ที่จะพูดถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไป เนื่องจากข้อบังคับข้อที่ 64 (5) ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในการจะขับใครออกจากสมาชิกพรรคนั้น จะต้องมีมติให้ออกเพราะกระทำผิดวินัย หรือผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายอย่างอื่น

นายอดิศรกล่าวว่า การขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรค ก.ก. ในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 1 จึงไม่เป็นไปตามข้อบังคับ และควรต้องนำเรื่องนี้เข้ามาหารือในสภาฯ เราไม่ได้มีเจตนาร้ายเป็นการส่วนตัว เพราะตนเลือกนายปดิพัทธ์มากับมือในนามของพรรค ก.ก. หากนายปดิพัทธ์พ้นจากพรรค ก.ก.แล้ว ตนก็ไม่มีอะไรที่จะผูกพันกับนายปดิพัทธ์ เนื่องจากไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน

เมื่อถามว่า มีการคาดหวังให้โหวตใหม่ใช่หรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า ต้องดูการอภิปรายในสภาฯ เพราะลักษณะเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในสภาฯ ตนไม่อยากพูดว่าอย่าไปอ้างว่าเพราะรัฐธรรมนูญมีความผิด นายปดิพัทธ์จึงต้องทำเช่นนี้  เพราะถือเป็นวาทกรรมที่ไม่ถูกต้อง เมื่อกระดุมเม็ดแรกไม่ถูกต้อง เม็ดที่ 2 และ 3 ก็จะผิดตามมา และไม่ใช่เรื่องภายในของพรรค ก.ก. เพราะข้อบังคับพรรคการเมืองนั้นเผยแพร่โดยทั่วไป ไม่ใช่ว่า พท.ต้องการตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แต่เป็นประเด็นของความสง่างามในการปฏิบัติหน้าที่ของรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ถูกพรรคต้นสังกัดขับออกจากสมาชิกพรรค

 “ที่อ้างว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ผมมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะการขับสมาชิกพรรคไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่ระบุไว้ใน 3 ข้อ ส่วนที่อ้างว่านายปดิพัทธ์ขัดมติพรรค เพราะต้องการนั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คนแยกแยะได้ว่าคือการละคร คือหมอลำ ไม่ใช่เรื่องจริงเหมือนตอนที่ขับ สส.ที่เป็นงูเห่า คนที่ถูกพรรคขับออกถือว่าถูกประหารทางการเมือง และการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมของรองประธานสภาฯ นั้นเป็นสิ่งที่เคารพได้ยาก”

เมื่อถามว่า การหยิบยกประเด็นนี้เข้าไปหารือในสภาฯ หวังผลอะไรหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า หวังผลให้มีความสำนึก ให้มีความเหมาะสมเกิดขึ้นตอนอภิปราย นายปดิพัทธ์ควรจะเป็นรองประธานต่อไปหรือไม่ เพราะไม่ได้มีเจตนาขับออกมาจริงๆ มีความผิดทางจริยธรรมอะไรที่ต้องถูกขับออกจากสมาชิกพรรค และในการอภิปรายญัตติด่วนที่เตรียมเสนอนั้น ขอพรรค ก.ก.อย่าชี้แจงช่วยเหลือนายปดิพัทธ์ เพราะถือว่าไม่ใช่คนของ ก.ก.แล้ว

ภายหลังการประชุมนายอดิศรเปิดเผยว่า จากเดิมมติพรรค พท.จะเสนอญัตติด่วนให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของนายปดิพัทธ์ แต่จากการหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาล มีมติไม่ควรนำเรื่องนี้มาพูดคุยที่ประชุมสภาฯ เพราะอาจโดนครหาเรื่องเสียงข้างมากลากไป จึงมีมติว่าฝ่ายรัฐบาลจะใช้ช่องทางยื่นไปยังองค์กรอิสระแทน เช่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยเบื้องต้นการขับนายปดิพัทธ์ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ก.ก. ข้อ 64 (5) ที่กำหนดว่าจะขับออกได้ก็ต่อเมื่อทำผิดวินัยร้ายแรงหรือผิดจรรยาบรรณ หรือมีเหตุการณ์ร้ายแรงอื่น ซึ่งก็ไม่ได้เข้าเงื่อนไขแต่อย่างใด

ชง ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม

นายอดิศรกล่าวว่า ส่วนจะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องจริยธรรมหรือไม่นั้นต้องขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้ โดยจะให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรค พท.เป็นผู้ศึกษา รวมถึงเรื่องนิติกรรมอำพรางด้วยเช่นกันก็ต้องไปศึกษาข้อกฎหมาย  เพราะทำจากเรื่องที่ไม่ผิดให้เป็นเรื่องผิด โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนพรรคก้าวไกลและนายปดิพัทธ์ สันติภาดา 1.กรณีที่ประชุมร่วมพรรค ก.ก.มีมติขับนายปดิพัทธ์ เพื่อให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ได้ต่อไป และหัวหน้าพรรค ก.ก.จะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ เพื่อให้พรรค ก.ก.สามารถทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ได้ พร้อมกับโพสต์รูปภาพและข้อความว่า "แยกกันเดินเปลี่ยนประเทศด้วยกัน" นั้น ถูกสังคมและโซเชียลตำหนิอย่างรุนแรงว่า เป็นก้าวไกลการละคร นิติกรรมอำพราง เสพติดอำนาจ แผนสมคบคิดกัน หรือเล่ห์ฉล หรือเป็นกลฉ้อฉลทางกฎหมายหรือไม่

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า นอกจากนี้พฤติการณ์หรือการกระทำอาจขัดหรือแย้งต่ออุดมการณ์ของพรรค ความผิดถึงขั้นขับสมาชิกออกจากพรรคนั้นไม่สอดคล้องกับข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ข้อ 119 ประกอบข้อ 121 อาจเป็นทฤษฎีสมคบคิดกันโดยมิได้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่งอันเป็นข้อห้ามของมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ตาม มาตรา 219 ของรัฐธรรมนูญ 2560 จึงมายื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นว่าการกระทำของพรรคก.ก.และนายปดิพัทธ์ เข้าข่ายกลฉ้อฉลหรือนิติกรรมอำพราง อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ อย่างไร หากเป็นการฝ่าฝืนขอให้วินิจฉัยส่งศาลฎีกาเพื่อพิพากษาลงโทษต่อไป    

นายศรีสุวรรณกล่าวด้วยว่า สัปดาห์หน้าตนจะนำพยานหลักฐานกรณีที่นายปดิพัทธ์โชว์กระป๋องเบียร์และโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มายื่นเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเคยได้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบจริยธรรมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยหลักฐานที่สำคัญคือ การที่นายปดิพัทธ์ไปยอมรับสารภาพต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งมีสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธาน และได้เปรียบเทียบปรับจำนวน 50,000 บาท ถือเป็นการยอมรับความผิดของตัวเอง ตนจะยื่นหลักฐานให้ป.ป.ช.เพื่อเป็นการยืนยันว่า กรณีการไปโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจน มีหลักฐานยืนยัน และเข้าข่ายที่เคยร้องความผิดตามประมวลจริยธรรม  

ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ชัดเจนที่สุดตั้งแต่แถลงการณ์ของพรรค ก.ก.แล้วว่า จุดประสงค์ของการให้นายปดิพัทธ์พ้นจากสมาชิกภาพของพรรคเพราะอะไร อยากจะบอกว่าคุณศรีสุวรรณอาจจะไม่ใช่สมาชิกของพรรค ก.ก. อาจจะไม่ได้รู้ข้อบังคับที่ดีพอ การขับหมออ๋องออกจากสมาชิกภาพพรรค เราพูดชัดเจน  หมออ๋องพูดชัดเจน ไม่มีการละคร ไม่มีการตระบัดสัตย์ ไม่มีการทรยศประชาชนใดๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อนายปดิพัทธ์ต้องการจะเป็นรองประธานสภาฯ และทำงานตามแผนงานที่ได้วางไว้ พรรค ก.ก.เองก็ต้องการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น การแยกกันเดินเพื่อเป้าหมายเดียวกัน น่าจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุด

ริบ ปธ.กมธ.กก.เหลือ 10 เก้าอี้

เมื่อถามว่า จะเป็นปัญหากับพรรค ก.ก.ภายหลังหรือไม่  หาก ป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณา น.ส.ภคมนกล่าวว่า ไม่ห่วง ถ้าได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคก็ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เรื่องนี้มีการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว ว่าพรรคต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์

เมื่อถามว่า นายอดิศร เพียงเกษ ก็นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมวิปฯ รวมถึงนำเรื่องหารือในสภา น.ส.ภคมนกล่าวว่า เป้าหมายในการแสดงความคิดเห็นเอง ทุกคนคงทายไม่ยาก ว่ามีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง โดยที่ออกมาอ้างว่าประชาชนเสียประโยชน์ มีการไม่ซื่อสัตย์กับประชาชน คนที่เสียประโยชน์อาจจะเป็นท่านหรือเปล่ากับเรื่องนี้ ตอนนี้คิดว่าประชาชนเข้าใจมากๆ แล้ว ก็อยากจะให้ท่านเปิดใจ หรือต้องการตำแหน่งรองประธานสภาฯ อีกตำแหน่งเลยหรือไม่  ประธานสภาฯ ก็จะเอา รองประธานสภาฯ ก็จะเอา เรื่องนี้คิดว่าอยากจะให้ทำงานกันอย่างตรงไปตรงมา พรรคก้าวไกล ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว เราทำตามข้อบังคับชัดเจนมากพอแล้ว

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาฯ ของพรรค ก.ก.ต้องลดไป 1 คณะ หลังจากมีมติขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคว่า ขึ้นอยู่กับนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 และคณะ กมธ.ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรค สัดส่วนมีอยู่แล้ว เล็กๆ น้อยๆ คงตกลงกันได้ไม่มีอะไรยุ่งยาก

ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า ภายหลังพรรค ก.ก.มี สส.ลดลง 1 คน วิปรัฐบาลจึงคำนวณจำนวนประธาน กมธ.และตัว กมธ.ใหม่ตามสัดส่วนคณิตศาสตร์ ทำให้พรรค ก.ก.มีจำนวนประธานคณะ กมธ. จาก 11 เหลือ 10 คณะ ส่วนพรรค รทสช.จะได้เพิ่มจาก 2  เป็น 3 คณะ รวมถึงยังส่งผลต่อจำนวนตัว กมธ.ด้วย โดยพรรคประชาชาติจะได้ตัว กมธ.จาก 9 เป็น 10 คน

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับพรรค ก.ก.บ้างหรือไม่ นายอัครเดชกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยกัน เพราะได้พูดคุยกันไปแล้ว และหากพรรค ก.ก.ไม่ยินยอมก็จะไปโหวตกันในที่ประชุมสภาฯ ใหญ่ ซึ่งเราไม่อยากให้ถึงขั้นโหวต อยากให้ตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนประธาน กมธ.ก็จะไปโหวตในที่ประชุม กมธ.ของแต่ละคณะ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ต.ค. นี้

ตั้ง กก.แก้ รธน. 35 คน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รายชื่อบุคคลจากทุกภาคส่วน 35 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการจากเดิมที่วางไว้ 30 คน โดยจะส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 3 ต.ค. และถ้าลงนามเห็นชอบก็จะมีการเริ่มประชุมทันที ซึ่งจะใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่หลักในการประชุม แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนสถานที่อื่นได้ตามสถานการณ์

นายภูมิธรรมกล่าวว่า คณะกรรมการมีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง รวมถึงพรรคก้าวไกล ที่ตอบรับแล้วแต่ยังไม่ส่งรายชื่อเข้ามา โดยในรายชื่อมีอาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นรองประธาน นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดยุติธรรม เป็นรองประธานคนที่ 2 นายนิกร  จำนง ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นโฆษกคณะกรรมการ นายนพดล ปัทมะ, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์  จากพรรคเพื่อไทย นายศุภชัย ใจสมุทร จากพรรคภูมิใจไทย  นายไพบูลย์ นิติตะวัน จากพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จากพรรคประชาชาติ นายวิรัตน์ วรศสิริน  จากพรรคเสรีรวมไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง จากพรรคประชาธิปัตย์ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ จากพรรคไทยสร้างไทย นอกจากนี้ยังมีนายพิชิต ชื่นบาน เป็นตัวแทนที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นต้น

ส่วนกรรมการมี พลตำรวจเอกสุเทพ เดชรักษา อดีตรอง ผบ.ตร. พลตำรวจเอกวินัย ทองสอง ตัวแทนคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ พลเอกชัชวาลย์ ขำเกษม อดีตเจ้ากรมเสมียนตรา นอกจากนี้จะรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนสมาคมนักสื่อมวลชน ตัวแทนจากที่ประชุมอธิการบดีทั่วประเทศ และตัวแทนนักศึกษา

เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะใช้เวลาเท่าใดจึงจะได้ข้อสรุปในการทำประชามติ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องหารือกันก่อน แต่วางคร่าวๆ ให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ โดยประเด็นหลักที่ได้พูดคุยกัน คือการทำประชามติกี่ครั้ง ส่วนคำถามประชามติจะออกมาเป็นเช่นไร ขอให้คณะกรรมการคุยกันก่อน รวมถึงกำหนดกรอบเวลาการทำงานทุกอย่าง เมื่อลงตัวก็จะแจ้งให้ทราบต่อไป

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กล่าวถึงการส่งรายชื่อคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เห็นแล้ว วันที่ 3 ต.ค.มีแน่นอน เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อวดคนอีสาน 10 เดือน ผลงานเพียบ ไตรมาส 4 ได้เงินหมื่นแน่

นายกฯ พบชาวหนองพอก อวดผลงาน 10 เดือน ราคาพืชผลการเกษตรดี ยันเร่งแก้ปัญหาน้ำประปา ปราบหนี้นอกระบบให้หมด ย้ำ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไตรมาส 4 ได้แน่

ปชป. ขวางแก้ 'พรบ.ธปท.' ลดอิสระแบงก์ชาติ สนองนายหญิง

ปชป. ย้ำจุดยืน ไม่เห็นด้วยแก้กฎหมายลดอิสระแบงก์ชาติ ยัน พ.ร.บ.ธปท. ฉบับปัจจุบันดีอยู่แล้ว ชี้ผู้ว่าการแสดงความเห็นสุจริตเพื่อบ้านเมือง ท้ารัฐบาลไม่พอใจปลดเลย

‘จตุพร’ ชี้คณะก่อการบางฝ่ายเริ่มอึดอัด คนบางคนลำพอง เสี่ยงถูกยึดอำนาจ

‘จตุพร’ ส่งสัญญาณอารมณ์อำนาจ ระบุ ปท.อยู่ท่ามกลางสถานการณ์เปราะบาง ตึงเครียด คณะก่อการบางฝ่ายเริ่มอึดอัด จ่อขยับยึดอำนาจ เหตุรำคาญดีลกลับบ้านที่คนบางคนลำพองผยองอำนาจ อ้างไฟเขียวป่วนทำลายระบบเศรษฐกิจ สังคมและกระบวนการยุติธรรม