มท.เคาะ8มาตรการคุมอาวุธปืน

ตร.บุกจับ 3 ผู้ต้องหาขายปืนแบลงก์กันทางออนไลน์ให้เด็ก 14 นำไปก่อเหตุกราดยิงพารากอน อ้างไม่รู้คนซื้อเป็นเด็ก เผยจุดซ้อมยิงปืนใช้สนามยิงปืนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน "ผบก.น.6" เตรียมเรียกครูฝึกสอบปากคำ "มท." เคาะ 8 มาตรการระยะสั้นคุมเข้มอาวุธปืน ใครมี "บีบีกัน" ต้องนำมาขึ้นทะเบียน จนท.พกได้ทีละกระบอก พร้อมแก้ กม.สิ่งเทียมอาวุธปืนไม่ให้หมายรวมถึงแบลงก์กัน "รัฐบาล" นัด 6 ต.ค.ออกแนวทางเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ "บัวแก้ว" ระบุจีนเข้าใจเหตุการณ์ "ก.ก." โทษปืนเกลื่อนเมืองผลพวงมหาดไทยยุคอนุพงษ์

ความคืบหน้าคดีเด็กอายุ 14 ปี ใช้อาวุธปืนประดิษฐ์แบลงก์กันก่อเหตุกราดยิงภายในห้างพารากอน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 5 รายนั้น

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ติดตามเร่งรัดขยายผล กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ยานนาวา ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ จับกุม 3 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

หลังสืบทราบว่าบุคคลทั้ง 3 รายเป็นผู้ที่จำหน่ายอาวุธปืนแบลงก์กันให้กับผู้ก่อเหตุ ประกอบด้วย นายปิยะบุตร เพียรพิทักษ์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.931/2566, นายสุวรรณหงษ์ พราหมณ์คณาจารย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.932/2566 อายุ 44 ปี, นายอัครวิชญ์ ใจทอง อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.933/2566 ข้อหาร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วทั้ง 3 คน

จากการสืบสวน พบเด็กชายอายุ 14 ปีได้ซื้อปืนแบลงก์กันผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นปืนยี่ห้อกล็อก 19 ซึ่งเป็นอาวุธชนิดเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุ จากนายสุวรรณหงษ์ และมีการโอนเงินซื้อขายกันจริงวงเงิน 16,000 บาท โดยนายสุวรรณหงษ์ได้กดเงินที่ตู้เอทีเอ็มจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ยะลาด้วยตัวเอง และเจ้าหน้าที่ยังพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีก 1 รายคือ นายอัครวิชญ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา เช่นเดียวกัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมทั้ง 2 รายได้ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พร้อมของกลางหลายรายการ อาทิ กระสุนแบลงก์กัน 209 นัด, ปลอกกระสุนใช้แล้วทิ้ง 33 ปลอก, หัวกระสุนขนาด 9 มม. 1 หัว, ท่อเหล็กสำหรับดัดแปลงปืนเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 มม. จำนวน 33 แท่ง รวมถึงสลิปกดเงินของธนาคารจำนวนหนึ่ง   ส่วนนายปิยะบุตร เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่ย่านบางคอแหลม กรุงเทพฯ โดยนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบปากคำที่ สน.ยานนาวา

ต่อมาภายหลังสอบปากคำ พล.ต.ต.นพศิลป์ให้สัมภาษณ์ว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบว่านายสุวรรณหงษ์และนายอัครวิชญ์ไม่รู้จักกับนายปิยะบุตร เพียงแต่คนก่อเหตุได้ติดต่อซื้อปืนแบลงก์กันและกระสุนปืนคนละที่  เบื้องต้นนายสุวรรณหงษ์และนายอัครวิชญ์ยอมรับว่าได้ผลิตปืนแบลงก์กันจริง เปิดขายมา 1-2 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังเก็บข้อมูลทั้งหมดว่ามีการจำหน่ายจ่ายแจกไปให้ใครบ้าง เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

"ทั้ง 2 พ่อลูกให้การว่าไม่ทราบว่าคนซื้อเป็นเด็กอายุ 14 ปี เนื่องจากมีการพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ในห้วงเดือน ก.ย.และ ต.ค. เพราะพฤติกรรมของผู้ขายจะเปิดเป็นกลุ่มปิด เมื่อถูกจับได้ก็ปิดกลุ่มเดิมและไปเปิดกลุ่มใหม่ต่อ  ซึ่งคนขายไม่ได้ให้ความสนใจว่าลูกค้าอายุเท่าไหร่ เพียงแค่ต้องการขายสินค้าเท่านั้น เมื่อมีคนติดต่อมาซื้อก็ขายให้ตามปกติ และจากการตรวจสอบพบว่ามีลูกค้าอีกหลายคนที่สั่งซื้อปืนแบลงก์กันจากนายสุวรรณหงษ์และนายอัครวิชญ์ ตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่" รอง ผบช.น.กล่าว

อ้างไม่รู้คนซื้อปืนเด็ก 14

ถามว่า นายปิยะบุตรเกี่ยวข้องอย่างไร รอง ผบช.น.กล่าวว่า นายปิยะบุตรเป็นคนขายลูกกระสุนปืน โดยระหว่างจับกุมนายปิยะบุตรพกปืนแบลงก์กันติดตัวพร้อมกระสุนอีก 10 นัด จึงนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบกระสุนปืนขนาด .380 อีก 50 นัด และแมกกาซีนอีก 2 อัน จึงได้จับกุมตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ซึ่งจนถึงตอนนี้ทั้ง 3 คนยังให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าลูกค้าคือเด็กอายุ 14 ปี และไม่รู้ว่าปืนที่ขายไปเป็นปืนที่เด็ก 14 ปีใช้ก่อเหตุ

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สำราญนำกำลังตำรวจนครบาลและ สน.ราษฎร์บูรณะ พร้อมหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 487/2566 เข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์เลขที่ 17 ท้ายซอยประชาอุทิศ 65 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ เพื่อสืบหาความเชื่อมโยงกับคดีกราดยิงสยามพารากอน หลังพบเป็นสถานที่ผลิตและดัดแปลงอาวุธปืนบีบีกันและแบลงก์กัน และจับกุมนายวีรยุทธ นธีธร หรือโอ ยี่เรือ ชาว จ.ภูเก็ต อายุ 41 ปี ตรวจยึดอุปกรณ์สำหรับผลิตอาวุธปืนรวม 48 รายการ ประกอบด้วยกระสุนปืนขนาดต่างๆ หลายสิบนัด แมกกาซีนกว่า 40 อัน ถังทดสอบอาวุธปืน 1 ถัง ยาไอซ์ 6 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ

พล.ต.ท.สำราญกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล 8 ขยายผลการจับกุมผู้ขายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์มานานกว่า 2 เดือน จนพบว่าสถานที่นี้เป็นที่ผลิตปืนแบลงก์กันและลำกล้อง รวมถึงแมกกาซีนบรรจุกระสุน ผลการตรวจค้นพบชุดกันเสียง อุปกรณ์การไลฟ์สด และกล่องทดสอบการยิงปืน ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานจะนำไปเปรียบเทียบกับกระสุนปืนที่นำไปใช้ในเหตุกราดยิงที่ห้างพารากอนว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

ส่วน พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 กล่าวถึงคลิปที่ปรากฏภาพผู้ต้องหาวัย 14 ปี เข้าไปซ้อมยิงปืนภายในสนามแห่งหนึ่ง โดยมีครูฝึกสวมชุดลายพรางทหารเป็นผู้ควบคุมดูแลในช่องยิง ซึ่งในภายหลังทราบว่าเป็นสนามยิงปืนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนว่า  ขณะนี้ทราบแล้วว่าสนามยิงปืนที่ผู้ต้องหาเข้าไปใช้บริการคือที่ใด ครูฝึกท่านดังกล่าวเป็นใคร ซึ่งจะต้องมีการสอบปากคำว่าวันที่ผู้ต้องหาไปยิงปืนไปกับใคร  ไปเมื่อไหร่ มีการใช้ปืนที่ให้เช่าประจำสนาม หรือนำอาวุธปืนของใครไปยิง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมพิจารณาควบคุมการครอบครองพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการปกครอง

นายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน โดยแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น คือ 1.ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศงดการออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่ง นำเข้า สิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มอีก 2.ขอให้ผู้ครอบครองแบลงก์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่อาจจะดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ให้นำแบลงก์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนที่ครอบครองอยู่ไปแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียน  3.ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบลงก์กันและบีบีกัน

มท.ออกมาตรการเข้มคุมปืน

4.ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งกำกับดูแลสนามยิงปืนที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬา ระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย 5.ให้ผู้ว่าฯ และ ผบ.ตร. งดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว 6. มท.ไม่มีนโยบายดำเนินการโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้กับประชาชนทั่วไป แต่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความจำเป็นต้องใช้คนละ 1 กระบอก 7.ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาตสั่งนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และ 8.ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปราบปรามและปิดเว็บไชต์ เพจออนไลน์ซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน ให้รายงานผลการปฏิบัติต่อ มท.ทุก 15 วัน

นายอนุทินกล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาว จะมีการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 อาทิ ความหมายบทนิยามของคำว่า "สิ่งเทียมอาวุธปืน" ไม่ให้หมายความรวมถึงแบลงก์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่นที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย รวมทั้งผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้วและรายใหม่ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้น จะต้องนำอาวุธปืนมายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอกทุกราย

"เราพยายามใช้กฎหมายที่ มท.ดูแลอยู่ เพื่อบังคับใช้อย่างเต็มที่ ในส่วนที่อยู่นอกเหนือ มท. เช่น การแก้ไขกฎหมายหรือตรากฎหมายใหม่ๆ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ก็จะเสนอนายกฯ เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป" นายอนุทินกล่าว

ถามว่า มาตรการระยะสั้น 8 ข้อดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ นายอนุทินกล่าวว่า ทางอธิบดีกรมการปกครองจะไปร่างหนังสือสั่งการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ปืนที่มีการครอบครองอยู่อย่างแพร่หลายในขณะนี้ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะมีการกวาดล้างอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนปืนที่มีทะเบียนอยู่ เราก็ทราบว่าเป็นของใคร ส่วนบีบีกันก็ขอให้มาขึ้นทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ต่อไปอาวุธปืนและสิ่งเทียมปืนเราก็จะทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และเป็นของใคร หากมีการเปลี่ยนมือและเกิดปัญหาขึ้นมา เจ้าของปืนก็ต้องรับผิดชอบ รวมถึงคนที่มีบีบีกัน  หากไม่มาขึ้นทะเบียนตามกรอบเวลาที่กรมการปกครองจะต้องไปออกระเบียบ  ซึ่งก็จะถือว่าผิดกฎหมายด้วย

 “คนที่พกปืนในที่สาธารณะถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น ประชาชนในประเทศนี้ไม่สามารถที่จะพกปืนไปไหนมาไหนได้ตามสะดวกโดยอ้างว่าป้องกันตัว ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และเมื่อผมฟังจากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่มีใบอนุญาตหรือใบพกปืน ไม่เคยมีใครทำผิด คนที่ก่อเหตุหรือก่อเรื่องก่อราว คือคนที่ทำผิดกฎหมายทั้งนั้น ปืนก็ไม่ใช่ของตัวเอง เช่นปืนเถื่อน ซึ่งถือว่าเป็นคนที่ตั้งใจทำผิดกฎหมาย” นายอนุทินกล่าว

ซักว่า กรณีคนที่พกปืนมากกว่า 1 กระบอกจะทำอย่างไร รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ตอนนี้คือห้ามพกพา ห้ามเอาไปไหนมาไหน และห้ามซื้อใหม่ ใครมีก็เก็บไว้ที่บ้าน และเก็บไว้ดีๆ ก็แล้วกัน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหากนำไปใช้ เจ้าของปืนก็จะมีความผิด

วันเดียวกัน นายจักรพงษ์ แสงมณี รมว.การต่างประเทศ พร้อมด้วย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอนว่า   นายกฯ มีความเป็นห่วง จึงให้ตนและ รมว.การท่องเที่ยวฯ ไปยังสถานทูตต่างๆ ทั้งจีน เมียนมา และลาว เพื่อสร้างความเข้าใจให้เอกอัครราชทูต รวมถึงไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องดูแลต่อไป

"ทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้เข้าใจสถานการณ์ และมีการออกแถลงการณ์ไปยังประเทศจีนแล้ว ว่าประเทศไทยมีการจัดการได้เร็วมาก ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว" นายจักรพงษ์กล่าว 

รัฐบาลถกแนวทางเยียวยา

ส่วน น.ส.สุดาวรรณกล่าวว่า สำหรับชาวจีนที่เสียชีวิต ญาติได้เดินทางมาถึงเมืองไทยแล้ว และทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ไปรับ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทย และพาไปพบญาติของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอยู่ในขณะนี้

"ในส่วนของการเยียวยา ตอนนี้จะมีคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำลังดำเนินการอยู่ จะสามารถชี้แจงรายละเอียดได้ในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์" น.ส.สุดาวรรณกล่าว

ถามว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเรียกคืนความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยอย่างไร เนื่องจากขณะนี้ชาวจีนได้มีการบอกต่อผ่านโซเชียลว่า ไม่ให้มาเที่ยวประเทศไทย รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เราพยายามสร้างความมั่นใจ โดยการเพิ่มการรักษาความปลอดภัย และมีการพูดคุยกันว่าในพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่มาก เช่น ห้างสรรพสินค้าน่าจะเพิ่มมาตรการในการตรวจตราอาวุธที่ประตูทางเข้าเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งในรายละเอียดจะต้องมีการหารือกันต่อไป

"ได้มีการกำชับไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ที่มีสาขาอยู่ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน พยายามที่จะสื่อสารว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์เดียว และจบไปในครั้งเดียว และเราจะมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมขึ้นอย่างไรบ้าง" รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าว 

ซักว่าเราสามารถประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างไรหรือไม่ น.ส.สุดาวรรณกล่าวว่า ยังไม่อยากให้โฟกัสตรงนั้น แต่อยากให้โฟกัสที่จิตใจและความมั่นใจที่ทางนักท่องเที่ยวจะมาประเทศไทย ส่วนการติดตามผลตัวเลขดังกล่าวนั้น ขอแจ้งให้ทราบหลังจากนี้อีก 1-2 สัปดาห์

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการจัดทำระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินผ่านข้อความว่า ระบบเตือนภัยจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรก แอลบีเอส จะเป็นการแจ้งเตือนผ่านเอสเอ็มเอส แต่จะใช้เวลาประมวลผลนาน แต่เป็นการแจ้งเตือนเบื้องต้นที่ไวที่สุด ระยะที่สอง เซลล์ บรอดแคสต์ ทางประธาน กสทช.จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อขออนุมัติโครงการ  ซึ่งโครงการนี้มีลักษณะที่ไม่ว่ามือถือเครื่องไหนผ่านบริเวณที่เกิดเหตุ ก็จะสามารถส่งข้อความเข้ามือถือได้ทันที

เมื่อถามว่า มีคำสั่งปิดเว็บไซต์ขายปืนในโลกออนไลน์แล้วหรือยัง รมว.ดิจิทัลฯ กล่าวว่า สั่งการแล้ว เดิมทีต้องใช้อำนาจศาล แต่ตอนนี้ทางกระทรวงสามารถสั่งปิดได้เลย อย่างเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ก็สามารถปิดเว็บไซต์ผิดกฎหมายได้ 500 เว็บไซต์ จากเดิมที่สั่งปิดได้เพียงไม่กี่เว็บไซต์ ซึ่งมาจากการแก้ไขกฎระเบียบบางอย่าง รวมทั้งในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ทางกระทรวงก็ได้ประสานงานขอความร่วมมือไปแล้ว แต่ตัวเลขในส่วนเว็บไซต์ที่ขายปืนผิดกฎหมายต้องรอทางฝ่ายข้อมูลแจ้งมาก่อน

ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังที่ประชุม กมธ.นัดแรกมีมติให้เป็นประธาน กมธ. ถึงกรณีมีเสียงเรียกร้องในสังคมให้มีการทบทวนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาวุธปืนต่อการครอบครองปืน หลังเกิดเหตุเยาวชนอายุ 14 ปี ก่อเหตุภายในศูนย์การค้าสยามพารากอนว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรจะต้องมีการทบทวนในรายละเอียดของกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กมธ.ว่าจะพิจารณาอย่างไร โดยในสัปดาห์หน้า กมธ.จะมีการประชุมเพื่อวางกรอบการทำงานตามบทบาทหน้าที่อีกครั้ง

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า เรื่องจำนวนอาวุธปืนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พรรค ก.ก.ได้เคยอภิปรายเรื่องนี้ในสภาในสมัยที่แล้วว่าในช่วงเวลาหลังการรัฐประหารปี 57 ที่มีการเพิ่มจำนวนการอนุญาตปืนเป็นพิเศษ ทำให้จำนวนปืนต่อจำนวนประชากรในสังคมไทยสูงมากๆ

 “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ มท.โดยตรง และหวังว่าจะมีนโยบายเรื่องนี้ว่าการให้ใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนจำนวนมากจะไม่เกิดขึ้นอีก หรือถ้าจะให้ดีควรไปตรวจสอบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต รมว.มหาดไทยด้วยว่า ทำไมถึงมีการให้ใบอนุญาตอาวุธปืนมากเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” หัวหน้าพรรค ก.ก.ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปมที่ดินสนามกอล์ฟอนุทินเดือด! อธิบดีกรมที่ดินโบ้ย ส.ป.ก. ต้องถาม พม. ไม่ใช่มาถามเรา

อธิบดีกรมที่ดินแจงปมสนามกอล์ฟ อ.ปากช่อง ที่ 'อนุทิน' ถูกโยงถือครองที่ดิน ชี้เป็นที่ดินนิคมสร้างตนเองที่ พม. จัดสรร ไม่เกี่ยวกับกรมที่ดิน โยน ส.ป.ก. ไปถาม พม. เองว่าทับซ้อนหรือไม่ ย้ำการออกโฉนดเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ถ้าชาวบ้านมีหลักฐานครอบครองก่อนประกาศเขต ส.ป.ก. ก็ต้องออกให้

'อนุทิน' เปิดศึก! ซัดถูกเล่นเกมการเมือง ปมสอบที่ดินสนามกอล์ฟ ลั่น 'จดบัญชีแค้น' ไว้แล้ว

'อนุทิน' เดือด! หลังถูกตรวจสอบปมที่ดินสนามกอล์ฟ จ.นครราชสีมา ซัดแรงเป็นเกมการเมือง ลั่นใครเล่นงานตน 'จดบัญชีไว้แล้ว' พร้อมท้าหากที่ดินผิดจริง กรมที่ดินต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ซัดกลับพรรคการเมืองบางกลุ่มพยายามลดอำนาจต่อรองของพรรคภูมิใจไทย แต่ยืนยันชัด “ภูมิใจไทยไม่หมู”