จับตาดิจิทัลซ้ำจำนำข้าว

"จุลพันธ์" เผยรัฐบาลเตรียมเปิดลงทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัลเดือน พ.ย.นี้ ย้ำไม่กู้แต่ใช้วิธีเกลี่ยงบจากโครงการที่ไม่จำเป็น โฆษกรัฐบาลยกผลสำรวจเชื่อมั่นประชาชนได้ประโยชน์ "สส.เพื่อไทย" รุมถาม รมช.คลังเมื่อไหร่ ปชช.ได้เงินดิจิทัลหมื่นบาท "จุลพันธ์-อิ๊งค์" โวจะหมุนเวียนศก.มากที่สุดในโลก หากทำสำเร็จต่างชาติงงทำได้อย่างไร ขณะที่ สว.เตือนผิด รธน.-พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ห่วงซ้ำรอยจำนำข้าว ด้านกรรมการ ป.ป.ช.จ่อเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องให้รายละเอียด

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 10 ตุลาคม   นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง   ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการว่า ในช่วงเดือน พ.ย.นี้จะเริ่มเปิดลงทะเบียนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ ส่วนประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หลังจากนี้ ยืนยันว่าสามารถใช้ได้ทันเดือน ก.พ.67 โครงการรัฐที่ผ่านมามีประชาชนอยู่ยืนยันตัวตนมาแล้ว 40 ล้านคนที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลของรัฐ แต่ยังมีผู้ที่ยังไม่อยู่ในระบบฐานข้อมูลอีกประมาณ 10 ล้านคน

"รัฐบาลยืนยันจะเติมเงินดิจิทัลให้ทุกคนที่มีสิทธิครั้งเดียว 10,000 บาท โดยไม่มีการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวดๆ แน่นอน แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อเสนอให้เปลี่ยนเงื่อนไขแบ่งเป็นงวด เพราะเห็นว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า ต้องเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของโครงการคือกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทยอยจ่ายเดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 10 เดือน ก็ไม่ต่างอะไรกับนโยบายที่เคยทำมาในอดีต ซึ่งมันไม่เกิดกลไกในการกระชากเศรษฐกิจขึ้นเลย"

ส่วนกรณีนักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ร่วมกันลงชื่อขอให้รัฐบาลทบทวน เพราะเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย นายจุลพันธ์กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้คุยเรื่องนี้ในที่ประชุม แต่ก็ยืนยันว่านโยบายนี้มีตัวคูณทางเศรษฐกิจมากกว่าโครงการอื่นที่ทำมาแน่นอน ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะขยายระยะทาง เป็นตำบล อำเภอ หรือจังหวัด ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะหาข้อสรุปในสิ้นเดือน ต.ค. 66 นี้

เมื่อถามว่า สำนักวิจัยที่ทำงานให้กับกระทรวงการคลังระบุทางเลือกหนึ่งคือการขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจนั้น นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ไม่เกี่ยว และไม่เป็นความจริง จะไม่มีการลดสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ โครงการนี้จะใช้งบประมาณเป็นหลัก โครงการใดที่ไม่จำเป็นหรือเป็นไขมันส่วนเกินที่สามารถปรับลดได้หรือตัดได้ โดยนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆ ที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ

นายจุลพันธ์กล่าวผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงกรณีที่มีข่าวเรื่องการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตและอาจไม่ได้ทุกคนว่า เรื่องการรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องมีการยืนยันตัวตน คนที่เคยดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านโครงการของรัฐ ไม่ต้องทำแล้ว แค่คลิกว่าเราอยู่ตรงนี้ และยืนยันในสิทธิ์ของเรา ส่วนใครที่ไม่เคยยืนยันตัวตน ก็ต้องมายืนยันตัวตน หากใครไม่ยืนยันตัวตน ก็ถือว่าไม่ได้เข้าสู่โครงการ                 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย   ประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 1,280 คน จากทั่วประเทศ พบว่ามีสัดส่วนถึง 76.4% ที่จะใช้เงินดิจิทัล โดยอยากใช้ซื้อสินค้าในครัวเรือนมากที่สุด 24.5% รองลงมาคือใช้ซื้ออาหาร 21.0% ในขณะเดียวกัน มีกลุ่มตัวอย่าง 48.3% เชื่อว่าเงินดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้มาก และ 35.6% เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ปานกลาง

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีนักวิชาการคัดค้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า อย่านึกว่าเศรษฐกิจของเราดี เพราะเมื่อเทียบกับต่างประเทศหลังยุคโควิดเขาฟื้นตัวเกินหน้าเราไปแล้ว ขณะที่ของเราค่อยๆ ขยับช้าๆ  แสดงว่าเศรษฐกิจเราไม่ได้ดีอย่างที่พูด  ตอนนี้ประชาชนกว่า 99% เป็นหนี้ไปแล้ว อย่างนี้แสดงว่าทุกคนเปราะบางหรือยัง

อ้าง ปชช.อยากได้เงินหมื่น

เมื่อถามว่า จะมีการทบทวนการจ่ายให้คนอายุ 16 ปีทุกคนหรือไม่ เพราะบางคนเป็นลูกคนรวย หรือจะเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินมาใช้ทางกระเป๋าตังหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า จะเปลี่ยนทำไม หลักการสำคัญตอนคิดนโยบายเพื่อให้ประโยชน์ทั้งหมด และได้มีการเตรียมพร้อมเรื่องนี้ เราต้องมาดูว่าจะบริหารจัดการกันอย่างไร ทิศทางเราเห็นแล้ว รัฐธรรมนูญกำหนดให้ทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นสิทธิเท่ากัน แต่คนเลือกไม่ใช้ไม่เป็นไร 

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรักษาการหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อและประธาน สส.พรรค, นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อและประธานวิปรัฐบาล, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม สส.พรรค โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัว พท. ร่วมการประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งมี สส. อาทิ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์, นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี, น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย, น.ส.ศรีโสภา โกฏคําลือ สส.เชียงใหม่ ต่างได้สอบถาม รมช.การคลังเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท พร้อมสะท้อนความเห็นประชาชนว่าทุกคนต่างเฝ้ารอนโยบายดังกล่าว อยากให้เริ่มโครงการได้โดยเร็วที่สุด และต้องการให้ขยายรัศมีในการใช้เงินมากกว่า 4 กิโลเมตร เพราะในบางพื้นที่ลำบากในการเดินทางใช้จ่าย

ด้านนายจุลพันธ์ชี้แจงว่า สส.เป็นตัวแทนประชาชนสะท้อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เมื่อรับฟังความเห็นแล้วก็ดีใจที่คิดเห็นตรงกันว่านโยบายนี้มีความจำเป็น รัฐบาลรับฟังในเสียงทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน ขณะนี้เสียงในสังคมเป็นสองส่วน ทั้งเห็นด้วยอยากให้เดินหน้าโครงการให้เรียบร้อย และอีกส่วนหนึ่งก็ขอให้ยับยั้งได้หรือไม่ ในภาคเอกชนที่รับฟังมา อยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายนี้ ส่วนประชาชนได้สะท้อนเป็นเสียงเดียวกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าให้เดินหน้าโครงการเพื่อให้เงินตัวนี้ต่อยอดชีวิตของเขา 

นายจุลพันธ์ชี้แจงถึงโครงการดังกล่าวอย่างละเอียดว่า มีความจำเป็นที่จะต้องดึงประเทศไทยให้กลับมาเติบโตเหมาะสมกับศักยภาพและคนในประเทศเอง จึงมองว่าการเติบโตในระดับ 5% เป็นระดับที่มีความเหมาะสมเป็นอย่างต่ำ กลไกที่จะใช้หนึ่งในนั้นคือนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเป็นนโยบายแรกที่จะหมุนเวียนเศรษฐกิจมากกว่านโยบายใดๆ ก็ตามที่ประเทศไทยเคยใช้มา อาจจะมากที่สุดในโลกก็ได้ เพราะในโลกไม่เคยมีกลไกนี้

ด้าน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า สส.ได้ลงพื้นที่และพูดคุยกับประชาชน ไม่ได้มีข้อที่บอกว่าควรทำหรือไม่ควรทำ แต่ถามมากกว่าว่าจะได้เมื่อไหร่ ฉะนั้นประชาชนในพื้นที่กำลังรอคอยนโยบายนี้อย่างใจจดใจจ่อ หวังว่านโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้เป็นครั้งใหญ่ หากเราทำสำเร็จ ต่างชาติจะดูเราเป็นตัวอย่างด้วยซ้ำว่าเราทำได้อย่างไร

เตือนผิด รธน.ซ้ำรอยจำนำข้าว

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระรายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำปีงบประมาณ 2565  โดย สว.ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำงานเชิงรุกของ ป.ป.ช. ต่อการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล ที่สำคัญคือนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งพบข้อท้วงติงจากฝ่ายต่างๆ และกังวลว่าจะซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูง

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงต่อประเด็นข้อซักถามในการติดตามนโยบายแจกเงินดิจิทัลว่า  คณะกรรมการเฝ้าระวังสภาวะการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งตนเป็นประธาน ได้ศึกษารวบรวมละเอียดข้อมูล โดยได้ศึกษาคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11-12 ก.ย. เกี่ยวกับโครงการเติมเงินหมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ประชุมและรวบรวมข้อมูลต่างๆ รวมถึงรายละเอียด โดยใช้เครื่องมือที่กรรมการ ป.ป.ช.เสนอครม.ว่าด้วยในเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงในการทุจริตเชิงนโยบาย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งมีข้อมูล นำเสนอให้ ป.ป.ช.รับทราบและดูผลดำเนินการ

นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา ขอหารือในที่ประชุมวุฒิสภาเรื่องโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท สุ่มเสี่ยงจะทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการเงินและการคลังของรัฐ โดยยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัลฯ มีความผิดแน่นอน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เนื่องในการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11 ก.ย.66 ไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่นำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ความชัดเจนว่าจะนำเงินมาจากที่ไหน ส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 62 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำความผิด โดย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 6 ต้องรักษาวินัยการเงินการคลังตามที่บัญญัติในพระราชบัญญัตินี้ และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

นายเมธี ครองแก้ว อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ร่วมลงชื่อกับกลุ่มนักวิชาการคัดค้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต กล่าวถึงกรณีหากรัฐบาลทำดิจิทัลวอลเล็ตมีการโอนเงินไปแล้วหากว่ามีคนไปร้ององค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อมาการดำเนินการดิจิทัลวอลเล็ตมีปัญหาจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ว่าจากประสบการณ์ของตนที่เคยทำคดีรับจำนำข้าวสมัยเป็น ป.ป.ช.ตนว่าเป็นแน่นอน ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มันใช้ยาก เพราะต้องพิสูจน์เจตนาว่าคุณมีเจตนาจะทำแบบนี้จริงๆ ไม่ได้ทำโดยไม่รู้ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือว่าโดยเหตุผลอื่นที่ไม่เข้าใจ แต่ตอนนั้นรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังทำ รับจำนำข้าว ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเสียหาย แต่ก็ยังทำ เพราะฉะนั้นเมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้น ถึงไปไม่รอด ติดคุกกันเป็นแถว

อดีตกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวด้วยว่า  ดูแล้วมีขวางหมากเต็มไปหมด ผมก็ยังมองไม่ออกว่าเขาจะลุยไฟไปทำไม มีสิทธิ์ติดคุกกันเยอะเลยโครงการนี้ จริงๆ ผมไม่ได้พูดเล่นๆ หากอยากจะทำก็ทำแต่รับรองเลยว่ามีผลแน่นอน แล้วก็ไปเสี่ยงดวงเอาแล้วกันว่าจะติดคุกหรือไม่อย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง