ของขวัญวันตร. ยกเลิกหัวเกรียน ไม่ต้องเอาใจนาย

“ทนายอนันต์ชัย” จี้  ป.ป.ช.ชี้มูล “เศรษฐา” ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปมตั้ง ผบ.ตร.ข้ามหลักอาวุโส  นายกฯ มั่นใจแจงได้ ยันไม่ลุด้วยอำนาจ   ขณะที่ “บิ๊กต่อ” ให้ของขวัญวันตำรวจ  ยกเลิกทรงหัวเกรียน-ขาว 3 ไว้ผมยาวขึ้นได้ กำชับอุทิศเวลาเพื่อ ปชช. ไม่ต้องเอาใจนาย

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เวลา 10.00 น.   ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  นายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางมายื่นหนังสือให้สำนักงาน ป.ป.ช. ตรวจสอบ  ไต่สวน และชี้มูลความผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 219 ของรัฐธรรมนูญ 2560  หรือไม่ กรณีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังขัดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ด้วย คือ การเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโส และไม่เป็นไปตามผลงานที่ปรากฏ โดยหลังจากนี้จะทำหนังสือมาสอบถามทุก 15 วัน และได้กำกับว่าให้เร่งรัดการตรวจสอบภายใน 3 เดือน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจ

 ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศจีนถึงกรณีดังกล่าวว่า เชื่อว่าการตัดสินใจของตนในวันนั้นตั้งอยู่บนบรรทัดฐานของความยุติธรรม ไม่ได้ลุด้วยอำนาจ และได้ทำตามรัฐธรรมนูญไทยทุกประการ และในวันที่เข้าประชุมได้มีการเสนอ 4 ชื่อขึ้นมาเพื่อพิจารณา  ก็แสดงว่าทั้ง 4 ท่านมีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือก และคุณสมบัติในการพิจารณาคือเรื่องของอาวุโส เรื่องของความรู้ความสามารถและความเหมาะสม ตรงนี้ได้ให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ทุกท่านก็ได้มีการอภิปรายกันอย่างไม่มีการจำกัด ได้มีการพูดคุยกันและมีการโหวตกันอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา

"แล้ววันนั้นผลที่ออกมาคือ 9-0-2 หมายถึง 9 คะแนน คือผู้ที่สนับสนุนเห็นด้วย 0 คือไม่มีใครปฏิเสธ และ 2 คือการยกเว้นออกเสียง ผมมั่นใจว่าการกระทำของผมวันนั้นทำด้วยความชอบธรรม ไม่ได้ลุด้วยอำนาจ" นายกฯ ระบุ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ พ.ศ.2566 โดยในระเบียบมีการระบุเหตุผลที่ประกาศใช้ เนื่องด้วยเห็นว่าเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 (2) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยออกระเบียบจำนวน 13 ข้อ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกำหนดเรื่องทรงผม คือข้อ  4 ให้ข้าราชการตำรวจชายเมื่อแต่งเครื่องแบบให้ไว้ผมสั้น โดยผมด้านบนความยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร ด้านข้างและด้านหลังความยาวไม่เกิน 1 เชนติเมตร

ข้อ 5 สำหรับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยที่ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ตำแหน่งผู้บังคับการขึ้นไปกำหนด หรือที่ปฏิบัติหน้าที่การสืบสวนหรือการข่าวหรือการป้องกันปราบปรามยาเสพติด  เมื่อแต่งเครื่องแบบอาจไว้ผมไม่เป็นไปตามข้อ 4 โดยให้ไว้ผมรองทรงสูงได้  กรณีที่ไม่สามารถไว้ผมตามวรรคหนึ่งได้ ให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ตำแหน่งผู้กำกับการขึ้นไปเป็นผู้อนุญาต โดยการไว้ผมดังกล่าวจะต้องมีความเหมาะสม สะอาด และเรียบร้อย  และข้อ 6 การไว้ผมของข้าราชการตำรวจหญิงเมื่อแต่งเครื่องแบบ 6.1 ไม่ปล่อยให้ผมยาวประบ่าหรือปรกบ่าจนปิดอินทรธนู หากไว้ผมยาวต้องขมวดปลายผมให้เรียบร้อย ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการขมวดปลายผม ให้ใช้สีดำเพียงสีเดียว 6.2 หากจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ตกแต่งทรงผมประกอบ ก็ควรใช้กิ๊บหรือริบบิ้นขนาดเล็กสีดำเพียงสีเดียว 6.3 ห้ามไว้ผมเปีย ผมแกละ ผมทรงหางม้า ผมม้า (ผมปรกหน้า) หรือทรงผมอื่นที่ไม่เหมาะสม

ขณะที่ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องในวันตำรวจ 17 ต.ค. ผบ.ตร. ได้มีคำกล่าวจากใจถึงข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชน โดยกล่าวว่า ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกคนตั้งใจทำงาน ไม่ต้องมาดูแลผู้บังคับบัญชา ไม่ต้องดูแล  ผบ.ตร. เอาเวลาไปดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อยากให้ตำรวจมีความมุ่งมั่นศรัทธาในองค์กรก่อน เพราะเราจะเปลี่ยนทัศนคติพี่น้องประชาชนไม่ได้ ถ้าตำรวจเราไม่ปรับเปลี่ยนที่ตัวเราเอง ขอให้วันตำรวจเป็นวันที่ตำรวจจะเริ่มต้นสิ่งดีๆ เพื่อพี่น้องประชาชนร่วมกัน และขอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่ง ผบ.ตร.จะลงไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจหน่วยต่างๆ โดยไม่บอกกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จ่อผุด13อรหันต์นิรโทษ

กรมคุกร่อนแถลงการณ์ ยันทัณฑสถานราชทัณฑ์ช่วยชีวิต ‘บุ้ง ทะลุวัง‘ ตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเต็มกำลัง