ดริงก์ได้แค่วันเดียว ช่วงเคาต์ดาวน์ถึงตีหนึ่งย้ำมาตรการป้องกันตนเองสูงสุด

ยอดติดเชื้อรายใหม่ 3,684 ราย เสียชีวิต 26 ราย “นายกฯ” ห่วงกินเลี้ยงสังสรรค์เทศกาล ขอ ปชช.การ์ดอย่าตก “อนุทิน” เผยปีใหม่ไฟเขียวดริงก์ได้วันเดียว ช่วงคืนเคาต์ดาวน์ถึงแค่ตี 1 สถานที่จัดงานมีคนมากกว่า 1 พันคนยึดมาตรการโควิดฟรีเซตติง ผู้ร่วมงานต้องฉีดวัคซีนครบโดส ตรวจ ATK ก่อนเข้างาน ย้ำป้องกันโอมิครอนฉีดวัคซีนครบสู้ได้

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,684 ราย ติดเชื้อในประเทศ 3,519 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,436 ราย, ค้นหาเชิงรุก 83 ราย, เรือนจำ 144 ราย, เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 4,531 ราย อยู่ระหว่างรักษา 45,442 ราย อาการหนัก 1,000 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 272 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 26 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 12 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 20 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 572 ราย, นครศรีธรรมราช 289 ราย, สมุทรปราการ 166 ราย, ชลบุรี 160 ราย, สงขลา 105 ราย, ขอนแก่น 99 ราย, สุราษฎร์ธานี 96 ราย, พระนครศรีอยุธยา 90 ราย, นครสวรรค์ 89 ราย, ตาก 81 ราย

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,181,960 ราย ยอดหายป่วยสะสม 2,115,232 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 21,286 ราย ยอดฉีดวัคซีนวันที่ 15 ธ.ค. 393,447 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 98,440,417 โดส สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 272,469,550 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 3,345,391 ราย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมายอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ โควิด-19 ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรอย่างทั่วถึงและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลได้มีการจัดสรรวัคซีนเพื่อเป็นวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ในสถานบริการฉีดวัคซีนแล้ว จึงขอเชิญชวนประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งจะเป็นวัคซีน AstraZeneca, Pfizer, Moderna เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยสามารถติดต่อสอบถามไปยังสถานพยาบาลใกล้บ้านได้

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ฝากความห่วงใยมาถึงพี่น้องทั่วประเทศ ซึ่งในช่วงเวลาที่เข้าใกล้สิ้นปีนี้ หลายคนที่เริ่มวางแผนจัดงานฉลองปีใหม่ รวมทั้งอาจมีการนัดกินเลี้ยงสังสรรค์ภายในครอบครัว ที่พักอาศัยหรือตามร้านอาหาร จึงอยากขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ และขอให้ประชาชนไม่ประมาท การ์ดอย่าตก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อภายในครอบครัว” โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว

เช่นเดียวกับ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางบริหารจัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรที่เข้าถึงยากว่า นายกฯ มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ร่วมกันบริหารจัดการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ คือ 1.แรงงานภาคประมง จังหวัดชายทะเล (จังหวัดชายทะเล 21 จังหวัด) มอบ ศร.ชล.

2.คนประจำเรือไทย หรือผู้ปฏิบัติงานบนเรือไทย ณ บริเวณท่าเรือในพื้นที่จังหวัดต่างๆ (จังหวัดชายทะเล 21 จังหวัด) มอบกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม 3.แรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ บ้านนายจ้างที่ทั้งขึ้นทะเบียนและไม่ขึ้นทะเบียน มอบ กอ.รมน. กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย 4.แรงงานต่างด้าว ตามชายแดนไทย มอบกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ 5.ผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิงสำหรับผู้หนีภัยจากการสู้รบ ราชบุรี กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน ตาก มอบกระทรวงมหาดไทย 6.กลุ่มประชากรอื่นๆ ที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมดในทุกจังหวัดมอบกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดจากหมอพร้อม ณ วันที่ 15 ธ.ค.64 ยอดสะสม 98.5 ล้านเข็ม แบ่งเป็นเข็ม 1 สะสม 50.2 ล้านเข็ม, เข็ม 2 สะสม 43.8 ล้านเข็ม และเข็ม 3 สะสม 4.5 ล้านเข็ม

"นายกฯ ขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือกันฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจ นอกจากจะป้องกันตนเองและยังมีส่วนกับรัฐบาลในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าไทยจะบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดให้ได้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

เคาต์ดาวน์ปีใหม่ดริงก์ถึงตี 1

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการจัดงานเทศกาลปีใหม่ว่า การจัดงานปีใหม่ที่มีการรวมตัวมากกว่า 1,000 คน ต้องใช้มาตรการโควิดฟรีเซต ติง (COVID Free Setting) ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานต้องฉีดวัคซีนครบโดส และต้องตรวจ ATK ก่อนเข้าร่วม เพื่อเฝ้าระวังอย่างสูงสุด ส่วนการจัดงานที่ต่ำกว่า 1,000 คน ผู้เข้าร่วมงานต้องมีผลวัคซีนครบโดส และที่สำคัญทุกคนยังต้องคงมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา ทั้งการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือ ถ้าทำตามมาตรการเหล่านี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาที่เกินความควบคุม

“ยืนยันมาตรการไม่ได้ตึงจนเกินไปและจะช่วยให้ทุกคนปลอดภัย ส่วนเรื่องการดื่มสุราช่วงปีใหม่ ย้ำว่าอนุญาตแค่เพียงวันเดียวคือ ช่วงคืนสิ้นปีจนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่้ 1 มกราคม 2565 ไม่ใช่ทำได้ทุกวัน ต้องขอความร่วมมือประชาชนเฉลิมฉลองด้วยความตระหนักรู้” นายอนุทินกล่าว

รองนายกฯ กล่าวถึงโควิดสายพันธุ์โอมิครอนว่า ขณะนี้พบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เนื่องจากเรามีการเปิดประเทศให้คนสัญจรไปมา แต่มีมาตรการและระบบตรวจสอบ โดยผู้เข้ามาอย่างถูกต้องทางท่าอากาศยานจะต้องมีผลตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 72 ชั่วโมง มาถึงประเทศไทยต้องตรวจซ้ำ การที่เราตรวจจับได้หมายความว่าระบบการตรวจสอบของเราทำงานได้ดี คนที่ติดเชื้อโอมิครอนจะถูกกักตัวและเข้าสู่ระบบการรักษา ซึ่งคนต่างชาติจะมีประกันสุขภาพวงเงิน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐรับผิดชอบ ส่วนคนไทยใช้สิทธิรักษาตามระบบหลักประกันสุขภาพ ขณะที่การลักลอบเข้าผิดกฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงจะดูแลอย่างเต็มที่

“เชื่อว่าวัคซีนที่ประเทศไทยฉีดให้สามารถป้องกันโอมิครอนได้ ซึ่งโอมิครอนยังไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าเชื้อสายพันธุ์อื่น และกรมควบคุมโรคกำลังเร่งรณรงค์ให้ประชาชนมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเรามีวัคซีนเพียงพอ โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม หรือแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม เมื่อช่วงเดือน ก.ย. สามารถมารับเข็มกระตุ้นได้เลย โดยจะมีการแจ้งเตือนประชาชนให้มารับ เนื่องจากมีข้อมูลอยู่แล้ว และกรมควบคุมโรคจะกระจายวัคซีนออกไปให้เร็วที่สุด” รองนายกฯ กล่าว

ถามถึงกรณีการออกใบรับรองวัคซีนโควิด-19 ปลอม นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลที่พบเรื่องดังกล่าวได้ไปแจ้งความเป็นหลักฐานแล้ว ซึ่งใบรับรองวัคซีนปลอมเป็นโทษทั้งผู้ออกใบรับรองและผู้ใช้ โดยผู้ใช้ใบรับรองวัคซีนปลอม นอกจากเห็นแก่ตัวยังเป็นการทำร้ายคนในครอบครัว เพราะอาจนำเชื้อโควิดไปแพร่ให้ได้ ส่วนคนออกใบรับรองปลอมก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ใบรับรองวัคซีนปลอมสามารถตรวจสอบได้ง่าย เพราะต้องมีคิวอาร์โค้ดที่บอกข้อมูลคนรับวัคซีน ผู้ที่ฉีดให้ ยี่ห้อวัคซีน วันที่ฉีด เพราะฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะไปทำ และต้องฝากให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ดำเนินคดีอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดแล้ว

จ.สงขลา กลุ่มภารกิจสื่อสารความเสี่ยง สสจ.สงขลา รายงานผลตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 105 ราย ผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 รวมยอดสะสม 65,675 ราย ที่น่าตกใจมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย รวมสะสม 289 ราย ยังอยู่ในกลุ่มผู้ที่ยยังไม่ได้รีบวัคซีน ยังนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 2,600 ราย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ลงตรวจคัดกรอง 16 อำเภอด้วยชุดตรวจ ATK พบผู้ติดเชื้อติดอันดับต้นๆ ของ จ.สงขลา อ.เมืองฯ สิงหนคร รัตภูมิ หาดใหญ่ และอยู่ในกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่มากที่สุด รองลงมากลุ่มจากคลินิกตรวจคัดกรองโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน

จ.สมุทรสาคร สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครเปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 447ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 22 ราย และอยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีก 86 ราย

จ.บุรีรัมย์ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 26 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อพบในพื้นที่จังหวัด 24 ราย ในจำนวนนี้พบมากที่สุดในพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ 9 ราย และติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่ 2 ราย ซึ่งติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยงทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง