วิโรจน์เรียกทร. แจงปม‘ฟริเกต’ พท.ชี้ยังไม่สรุป

ประธานวิโรจน์เตรียมเรียกทัพเรือชี้แจงปมเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นฟริเกต ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเป็นเรื่องจีทูจี “เด็กเพื่อไทย” ยันสุทินคิดทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ชี้ข้อสรุปยังไม่สะเด็ดน้ำต้องเข้า ครม.ก่อน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ (ทร.) ยกเลิกจัดซื้อเรือดำน้ำแบบ S26T มาเป็นเรือฟริเกตแทน ว่าในวันที่ 26 ต.ค. กมธ.การทหารจะเชิญ ทร.เข้าชี้แจงในกรณีนี้เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีการผิดสัญญาจริงหรือไม่ อย่างไร และมีความเป็นไปได้ในการคลี่คลายปัญหานี้อย่างไร เข้าใจว่าการทวงเงินคืนอาจจะยาก  เนื่องจากต้องดูสัญญาก่อน แต่ 7,000 ล้านบาทที่จ่ายไปแล้ว จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด

“ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนั้น ก็ต้องดูรายละเอียดอย่างไร ซึ่งหากต้องจ่ายเงินจริง ก็ต้องตั้งคำถามว่า เมื่อไทยมีศักยภาพต่อเรือฟริเกตเองได้ ทำไมไม่เลือกทางเลือกอื่น แล้วนำเงินที่เหลือไปแลกเปลี่ยน เช่น ซื้ออุปกรณ์เพื่อนำมาประกอบในไทย หรือเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นได้หรือไม่ อาทิ เรือตรวจการณ์ระยะไกล (OPV) หรืออุปกรณ์ที่เราผลิตเองไม่ได้แต่มีความจำเป็น เพื่อให้สามารถทำการจัดซื้อจัดจ้างต่อเรือฟริเกตได้” นายวิโรจน์กล่าว และว่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องของรัฐต่อรัฐด้วย  เราต้องระมัดระวัง แม้ขณะนี้มีความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่เราต้องยึดตามข้อเท็จจริงเป็นหลัก

ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเรื่องนี้ว่า เดิมทีเรือดำน้ำมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์อยู่แล้ว ทำให้ต้องชะลอซื้อ บวกกับช่วงโควิด-19 แม้มีการเซ็นสัญญากันแล้ว แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหาร ถามว่าหากยกเลิกสัญญาจะมีผลต่อเบี้ยปรับต่างๆ หรือมีผลกระทบหรือไม่ ก็มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณที่ต้องสูญเสียอยู่แล้ว ฉะนั้น นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาหาทางเลือกเพิ่มเติม คือเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต เพื่อให้สัญญาที่เซ็นไปในการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นเพื่อทดแทนและใช้งานได้ ซึ่งหากมองในหลักการ การเสียเงินไปเฉยๆ กับการที่ยังสามารถได้ของมาใช้งานได้จริง ซึ่งนายสุทินพิจารณาในแนวทางที่เหมาะสมและรอบคอบที่สุดอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องเรือฟริเกต หรือเรือ OPV เพื่อไม่ให้เราสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยคิดว่ากระบวนการนี้เป็นข้อเสนอที่อาจต้องมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบอีกครั้งในมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.)  เพราะงบประมาณก้อนใหญ่

เมื่อถามว่า กังวลว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นนี้มาโจมตีรัฐบาลหรือไม่   เพราะมีเสียงคัดค้านและเสียงท้วงติงไม่แพ้เรื่องเรือดำน้ำ น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีบทบาทและหน้าที่ตรวจสอบ สามารถตั้งคำถามได้อยู่แล้ว ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็ต้องมีเหตุผลชี้แจง อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ เพราะเป็นการเสนอทางเลือกที่มี ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการเลยหรือไม่ และรัฐบาลไทยก็คงจะพยายามเจรจากับรัฐบาลจีนว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะซื้อเป็นอย่างอื่น แต่ยังไม่ได้ซื้อในวันนี้ พรุ่งนี้ต้องมีการเจรจาอยู่แล้ว

ถามถึงการประชุม กมธ.การทหารในวันที่ 26 ต.ค.นี้ จะเชิญนายสุทินมาชี้แจง พร้อมข้อเสนอว่าจะขอที่ประชุมถ่ายทอดสด น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า  บทบาทของ กมธ. เมื่อมีข้อสังเกตหรือข้อสงสัยใดๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปชี้แจงได้อยู่ แต่การถ่ายทอดสด กมธ.ตามระเบียบเดิมนั้น ไม่มี แต่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมของ กมธ. ว่าจะเห็นสมควรอย่างไร แต่จะถ่ายทอดสดหรือไม่ เนื้อหาสาระที่เกิดขึ้นจากคำชี้แจงหรือการตั้งข้อสังเกตนั้น ก็มีโฆษก กมธ. มีประธาน กมธ. มี กมธ.ที่ประกอบจากหลายพรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านที่สามารถออกมาให้ข่าวสารกับประชาชนได้อยู่แล้ว  เพราะในชั้นของการชี้แจงอาจมีเอกสารบางส่วนที่เป็นเอกสารลับ ซึ่งใช้ในระบบราชการที่ไม่สามารถเผยแพร่ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รังสิมันต์' ชี้ปมทักษิณคุยกลุ่มชาติพันธุ์ตอกย้ำสภาวะ 1 ประเทศ 2 นายกฯ

'ปธ.กมธ.ความมั่นคงฯ' จ่อเรียกหน่วยงาน แจงปม 'ทักษิณ' เจรจากลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา กังวล ผลผูกมัด รัฐบาล-ลดภาวะผู้นำเศรษฐา