นิติธรตามบี้นช.ทักษิณ เศรษฐาเชียร์อิ๊งค์ผู้นำ!

“ทนายนกเขา” รุกปม “น.ช.ทักษิณ” จัดกิจกรรมทวงถามอาการป่วยนักโทษวีวีไอพี รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจบอกชัด “ราชทัณฑ์” เป็นเจ้าของไข้และอนุมัติให้รักษาต่อฝ่ายเดียว “นิติธร” เตรียมจัดเต็มกรมคุกสัปดาห์หน้า  “เศรษฐา” ส่งเสียงหนุน “อิ๊งค์” นั่งหัวหน้าพรรค เด็กเพื่อไทยชูไม่ได้ดูนามสกุลแต่อวยจะเป็นศูนย์รวมจิตใจหากขึ้นแท่นผู้นำ

เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2566 เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย  (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล  พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นัดมวลชนใส่รองเท้าผ้าใบเดินไปเยี่ยมนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ  ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้คนไทยได้ทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการป่วยของ น.ช.ทักษิณ หลังเข้ารักษาตัวครบ 60 วัน และกรมราชทัณฑ์ได้ให้นอนรักษาตัวต่อ

โดย คปท.ได้เริ่มกิจกรรมที่ลานด้านข้างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นักโทษทักษิณต้องอยู่ในคุก แต่กลับได้รับอภิสิทธิ์เป็นนักโทษเทวดา มีการปราศรัย แสดงความคิดเห็นสลับกับการเล่นดนตรีให้ผู้ชุมนุมได้ทำกิจกรรมร่วมกัน จากนั้นเวลา 15.30 น. นายนิติธร พร้อมแกนนำ คปท. ได้เข้าไปที่ รพ.ตำรวจ หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เข้ามาชี้แจงถึงประเด็นระเบียบการเข้าเยี่ยมว่าต้องเป็นญาติที่ลงทะเบียนไว้เพียง 10 คน นอกจากนั้นไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมได้ ขณะที่นายนิติธรได้แย้งและถามกลับไปว่า  นายทักษิณก่อนเข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ มีการทำบัตรนักโทษแล้วหรือยัง  ไม่ได้มาถามเรื่องการรักษา ขณะเดียวกันการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณ รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กกั้นไม่ให้กลุ่ม คปท.เข้าไปด้านใน และได้แจ้งนายนิติธรว่าไม่สามารถให้เข้าไปได้ แต่ถูกนายนิติธรแย้งว่าไม่ได้มาสร้างความวุ่นวาย แค่ต้องการมาสอบถามความเป็นอยู่ จนเกิดการโต้คารมกันเล็กน้อย โดยนายนิติธรยืนยันต้องการพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เพื่อขอคำตอบ โดยยื่นคำขาดหากไม่มีใครมาให้คำตอบจะบุกเข้าไป เพื่อต้องการคำตอบให้กับสังคม

 จากนั้นนายนิติธรเผยว่า ต้องการคนที่ตอบคำถามได้และมีเนื้อหาสาระ ตอบมีเหตุมีผล ไม่ต้องเอากำลังพลมา ไม่ได้มาก่อความวุ่นวาย ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มารับหน้า เข้าใจเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ บางเรื่องก็ตอบได้ ถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบ ก็มีวิธีที่จะหาคำตอบ จะได้ไปเสนอที่รัฐสภาเพื่อแก้ไขกฎหมายข้อมูลผู้ป่วย เพื่อจะไม่ได้อ้างไม่รับรู้รับทราบไม่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าสังคมไม่รับรู้แก้ไขไม่ได้ ก็จะเกิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกคน สังคมจะไปอย่างไร ประเทศนี้มีคนตอบได้ ถ้า รพ.ตำรวจไม่ได้ นายกรัฐมนตรีก็ต้องตอบได้  ฉะนั้นต้องมีคนตอบได้ ถ้าตอบไม่ได้จะได้รู้ใครใหญ่สุดในประเทศนี้ ถ้าตอบได้จะคลี่คลายความรู้สึกประชาชน และอยากถามว่าทุกวันนี้อำนวยความสะดวกให้นายทักษิณ หรือ น.ช.ทักษิณกันแน่ วันนี้ต้องได้รับคำตอบ หากไม่ได้รับคำตอบ ก็จะปักหลักอยู่ตรงนี้ รอคำชี้แจงทั้งวันทั้งคืน

จากนั้น นายนิติธรได้ไปนั่งอยู่บริเวณหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ  เพื่อรอคำตอบ โดยถือป้ายรูปเทวดาที่มีใบหน้าคล้ายนายทักษิณ และมีรูปคนต่างไปกราบไหว้สรรเสริญ พร้อมกับข้อความระบุว่า “นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ยุติธรรมบิดเบี้ยว ข้าราชการกังฉิน นักการเมืองเลว”

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญนายนิติธรขึ้นไปพูดคุยหารือประมาณ 30 นาที โดยนายนิติธรกล่าวภายหลังว่า พล.ต.ต.กิตติ์ธนทัต เลอวงศ์รัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ อธิบายว่าไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการของนักโทษทักษิณโดยตรง และไม่ทราบรายละเอียดคนไข้  กระบวนการรักษามีเครื่องมือแพทย์หรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ในส่วนของ รพ.ตำรวจ มีหน้าที่ดูแลคนไข้ ส่วนความเห็นที่จะให้รักษาตัวต่อที่ รพ. ไม่ใช่หน้าที่แพทย์ที่รักษา ทุกครั้งที่ผ่านมาในการประเมินให้อยู่ต่อเป็นเรื่องกรมราชทัณฑ์โดยตรง ในความเห็นที่ให้ไปจะไม่มีการพูดเรื่องการอยู่ต่อ เพราะกรมราชทัณฑ์เป็นเจ้าของคนไข้

นายนิตธรกล่าวอีกว่า กรมราชทัณฑ์อ้างเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ป่วย อ้างเรื่องจรรยาบรรณ ถ้ากฎหมายเป็นอุปสรรคในการปิดบังข้อมูล ต้องนำเสนอแก้ไขต่อไป เพราะจะมีผู้อาศัยประโยชน์จากการไม่ป่วยแต่อ้างป่วย อย่าลืมว่ามีผู้ต้องขังอีกหลายคน และวันข้างหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมีอาการแบบนี้หรือเปล่า เราเห็นประเด็นของการเป็นเจ้าของไข้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง รพ.ตำรวจ หรือเรื่องของแพทย์ แต่เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ที่ให้อยู่ต่อหรือไม่ ประเด็นนี้จะนำไปหารือว่ามีกระบวนการสมคบคิดหรือเปล่าว่าให้อยู่เหนือกฎหมายอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม เพราะแพทย์ตอบชัดจะให้ความเห็นเรื่องการรักษาและเรื่องประเมิน ไม่มีข้อความว่าให้อยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ เป็นเรื่องราชทัณฑ์ล้วนๆ

“สังคมส่วนใหญ่คาใจ เพราะนายทักษิณได้รับสิทธิ์จากนักโทษคนอื่น การอยู่บนเตียงไม่สามารถบอกได้ป่วยหนัก เอาภาพใส่เตียงมาแล้วบอกว่าป่วยหนักเป็นเรื่องที่เชื่อยาก สัปดาห์หน้าจะไปหาคำตอบที่กรมราชทัณฑ์ วันหนึ่งข้างหน้าคุณเศรษฐาต้องตอบผมแบบนี้ด้วย เพราะเป็นถึงนายกฯ ระวังให้ดีที่ทำเนียบฯ ถ้าตอบผมไม่ได้ทำแน่ ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมเพียงแต่บอกว่าผมจะทำอะไร” นายนิติธรกล่าว

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการเนชั่นทันข่าวเช้า ถึงกระแสสนับสนุนของสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่อยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค พท.คนใหม่ ว่าตนเป็นเพียงหนึ่งในสมาชิกพรรค ได้เป็นที่ปรึกษาของ น.ส.แพทองธารมาตั้งแต่ก่อน และระหว่างเลือกตั้งได้เห็นถึงศักยภาพและความตั้งใจจริงของ น.ส.แพทองธารอยู่แล้วว่าท่านมีประสบการณ์ด้านการเมือง มีความสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงสามารถโน้มน้าวจิตใจคนได้ มีความเป็นผู้นำสูง เชื่อว่า น.ส.แพทองธารมีความเหมาะสมเต็มที่ แต่คงต้องติดตามว่าในวันที่ 27 ต.ค. ในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค จะมีการเสนอชื่อใครบ้าง ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามกลไกระเบียบของพรรค

ขณะที่ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า คุณสมบัติของ น.ส.แพทองธารก็เหมาะสมที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยความรู้สึกของคนที่เป็น สส.ก็มองว่าหาก น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคจริง ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเริ่มต้นใหม่ เนื่องจาก น.ส.แพทองธารเป็นคนที่สามารถสอดประสานคนทุกรุ่นในพรรคได้อย่างเป็นปึกแผ่น ทำให้มีศูนย์รวมทางความคิดและจิตใจสำหรับพรรค

เมื่อถามถึงกรณีที่มีมองว่าพรรค พท.เป็นพรรคครอบครัว สามารถจิ้มใครมานั่งหัวหน้าพรรคก็ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ยึดโยงกับคนมาเป็นหัวหน้าพรรคจากนามสกุล เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรค พท.ก็ไม่ได้นามสกุลชินวัตร สิ่งที่ สส.พรรคตัดสินใจเลือกคือ ความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ  วัย และประสบการณ์ และ น.ส.แพทองธารก็เหมาะสมในหลายๆ เรื่อง

“เราไม่ได้พิจารณาจากนามสกุล แต่เขามีคุณสมบัติที่เหมาะสมอยู่แล้ว และครั้นว่านามสกุลเขาเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่กับพรรคเพื่อไทยมานาน เราไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะการก่อกำเนิดของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็มาจากนายทักษิณ และไม่ใช่ว่าต้องเป็นนามสกุลชินวัตรเท่านั้นจึงจะมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ เพราะในอดีตก็มีการเปิดโอกาสให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็เคยเป็นหัวหน้าพรรค หรือนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นหัวหน้าพรรคมาแล้วตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

ขณะเดียวกัน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้จะมีวาระพิจารณาญัตติของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่จะเสนอให้สภาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า จะพิจารณาไปตามระเบียบวาระ เพราะเป็นญัตติที่เสนอเข้าสู่สภาไว้ตั้งแต่แรก และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ส่วนทิศทางของวิปรัฐบาลหรือ สส.รัฐบาลนั้น จะหารืออีกครั้งในวันที่ 24 ต.ค. เวลา 09.00 น.   

น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวในเรื่องนี้ว่า การเสนอญัตติดังกล่าวดำเนินการได้ แต่ถ้าขอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับอาจเป็นเรื่องยาก เพราะต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา ที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็มีความพยายามหลายครั้ง แต่ไม่เคยสัมฤทธิผล เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อาจทำให้ สว.บางกลุ่มค้าน เนื่องจากอาจมีการแก้ไขหมวดเกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ โดยเฉพาะหมวด 1 หมวด 2

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ถึงนายกฯ เพื่อขอให้ตรวจสอบบริษัท พัฒนสิริ เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของแสนสิริ ว่าการซื้อที่ดินจากบริษัท ศิวะ แลนด์ จำกัด มีการหักภาษีโดยถูกต้องตามประมวลรัษฎากรหรือไม่ การซื้อที่ดินดังกล่าวมีการเลี่ยงภาษีใช่หรือไม่ การเลี่ยงภาษีดังกล่าว ทำให้กรมสรรพากรเสียหายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เคยเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลมาแล้ว และบริษัท แสนสิริฯ ก็ได้ชี้แจง ซึ่งถือเป็นใบเสร็จที่นำไปเป็นหลักฐานในการตรวจสอบต่อไปได้

“เรื่องนี้น่าจะทำเป็นกระบวนการ มีการสมรู้ร่วมคิดกัน ทำให้รัฐเสียหาย เก็บภาษีไม่ได้ ทั้งภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคล และอาจทำให้ผู้ถือหุ้นแสนสิริเสียหายตามมาด้วย ซึ่งในปี 2559 แสนสิริมีนายเศรษฐาป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ น่าจะมีส่วนรับผิดชอบอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย” นายเรืองไกรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง