ต้นทุนค่าไฟงวดต้นปี67พุ่ง หวั่นรัฐไม่อุ้มเกิน4บาทแน่

กกพ.เผยต้นทุนค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.2567 สูงกว่าปัจจุบัน  5-10 สตางค์ หวั่นกดดันค่าไฟพุ่ง หากรัฐไม่อุ้มส่อแววค่าไฟทะลุกว่า 4 บาท  แนะประชาชนช่วยกันประหยัด พร้อมจับตากำลังผลิตก๊าซในอ่าวไทย-ภูมิรัฐศาสตร์

 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 2567 ว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยมีการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้นจากปัญหาวิกฤตโควิดและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่านมา ราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มีราคาสูงมาก แม้ประเทศไทยจะสามารถผลิตก๊าซเองได้ก็ตาม แต่ราคาก็มีการปรับเปลี่ยนตามปัจจัยต่างๆ  อาทิ อัตราแลกเปลี่ยน ค่าน้ำมันที่แพงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้มีผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นระดับ 5-10 สตางค์

 “ตอนนี้ กกพ.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อทำตัวเลขค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 ซึ่งจากคาดการณ์แนวโน้มต้นทุนอาจจะแพงกว่างวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค.2566) นิดหน่อย ถือเป็นการมองไปข้างหน้า โดยตอนนี้ราคานำเข้า LNG อยู่ที่ประมาณ 17-18 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู  ซึ่งอยู่ระหว่างทยอยซื้อเข้ามาเสริม  เพราะหากซื้อมาในปริมาณที่มากปัญหาคือไม่มีที่เก็บ จึงบอกได้เพียงแค่ว่าแนวโน้มต้นทุนแพงกว่างวดปัจจุบันแน่นอน จากปัจจัยราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์” นายคมกฤชกล่าว

ทั้งนี้ ประเทศไทยเองก็ยังต้องมีการจับตาเรื่องปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของแหล่งเอราวัณที่กำลังการผลิตจะกลับมาตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ยังคงต้องอิงกำลังการผลิตที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันก่อน ซึ่งจะต้องดูว่าช่วงต้นปี 2567 จะสามารถผลิตได้เท่าไหร่ และจะต้องนำเข้าเพื่อมาเติมที่เท่าไหร่ เพราะช่วงต้นปีอาจเพิ่มขึ้นมาบ้าง ก็จะช่วยให้ลดปริมาณการนำเข้าได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่การนำเข้าก๊าซมานั้น  หากราคาไม่แพงก็จะกระเทือนไม่มากนัก แต่ถ้าสงครามอิสราเอลกับฮามาสบานปลาย ก็จะยิ่งกระทบกับราคาแน่นอน

นายคมกฤชกล่าวว่า สำหรับตัวเลขตามหลักเกณฑ์ที่จะคำนวณค่าเอฟทีงวด ม.ค.-เม.ย.2567 ปกติจะต้องส่งให้การไฟฟ้าเพื่อประกาศก่อนวันที่ 1 ธ.ค. 2566 ดังนั้น จะต้องนำเข้าคณะกรรมการ กกพ.ในเดือน พ.ย.2566 ยกเว้นแต่ว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะมีนโยบายเพิ่มเติม เพราะราคาสุดท้ายคงอยู่หลายปัจจัย โดยเฉพาะนโยบายช่วยเหลือของรัฐบาล เพราะวิธีคำนวณต้นทุนจะใช้มาตรฐานเดียวกัน

 “อยากให้ประชาชนดูข้อเท็จจริงว่าค่าไฟฟ้าแพงขึ้นมาจากอะไร เพราะเราต้องนำเข้าก๊าซจากต่างประเทศเป็นหลัก จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันประหยัดไฟ ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบายมาดูแลต่อต้นทุนที่แท้จริง ก็จะอยู่ที่กว่า 4 บาทต่อหน่วย”นายคมกฤชกล่าว

นายคมกฤชกล่าวด้วยว่า เมื่อได้ตัวเลขต้นทุนแล้ว ก็จะต้องดูการบริหารจัดการอื่นๆ โดยเฉพาะหนี้ที่ กฟผ. แบกรับไว้อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท ว่าจะไหวหรือไม่ และจะช่วยได้อีกเท่าไหร่ และเมื่อ กฟผ.ช่วยเหลือต่อไปก็จะต้องดูว่าจะช่วย กฟผ.กลับไปอย่างไร ซึ่งรวมถึงการที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยืดหนี้ราคาค่าก๊าซด้วย ดังนั้นจึงต้องอยู่ที่นโยบายภาครัฐ เพราะในอดีตไม่เคยมีนโยบายมาดู เพราะต้นทุนเมื่อบวกลบแล้วไม่เกินเคยเกิน 3-4 สตางค์ต่อหน่วย แต่ปัจจุบันมีปัญหาปริมาณก๊าซที่หายไป และภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาวิ่งไปสูงกว่าที่ กกพ.เคยคาดการณ์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง