ย้ำก.พ.แจกดิจิทัล1หมื่น ธปท.แนะเก็บกระสุนไว้

กฤษฎีกาโต้ไม่เคยวินิจฉัยข้อกฎหมายปม "แจกเงินดิจิทัล" นายกฯ  ลงพื้นที่อุดรฯ-หนองคาย ชาวบ้านตะโกนขอเงินหมื่น เจ้าตัวบอกให้อดใจรอ ได้แน่ ก.พ.ปีหน้า “ภูมิธรรม” ลั่นไร้ปัญหา ป.ป.ช.ตั้ง คกก.ศึกษา ยันแลกเปลี่ยนความเห็นรัฐบาลได้ "ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" เตือนอย่าชะล่าใจ แนะคลังเก็บกระสุน

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายนพดล เภรีฤกษ์ โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงถึงกรณีการอ้างว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความกฎหมายว่าด้วยเงินตรา ตามที่มีการเสนอข่าวในสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ในประเด็นที่เกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอเรียนชี้แจงว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามิได้มีการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ตามที่มีการนำเสนอข่าว เนื่องจากการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 นั้น มีการวินิจฉัยครั้งล่าสุดเมื่อปี 2550                    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลังเป็นประธาน ได้ทำหนังสือหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยกฤษฎีกาจึงได้ทำหนังสือตอบกลับมาว่า จากการตีความการดำเนินนโยบายตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 เห็นว่าสามารถดำเนินนโยบายได้ ถ้าสามารถเก็บเงินหรือให้ร้านค้าที่รับเงินเป็นคนสุดท้ายเบิกเป็นเงินสดออกมาได้ภายใน 6 เดือนตามระยะเวลาโครงการไม่ขัดกับกฎหมาย  แต่ถ้าไม่เก็บกลับภายในระยะเวลาโครงการ และยังปล่อยให้มีการนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายต่อ จะถือว่าขัดต่อกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นสกุลเงินใหม่

ที่ จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยปากแบ่ง พร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เดินทักทายชาวบ้านที่มาต้อนรับ โดยมีกลุ่มแม่บ้านเข้ามาขอถ่ายรูป และมีผู้เฒ่าผู้แก่ได้ผูกข้อมืออวยพร ขณะที่นายกฯ ร่วมถ่ายรูปกับชาวบ้าน ได้มีชาวบ้านตะโกนถามขอเงิน 10,000 บาท โดยนายกฯ บอกว่า "ขอให้อดใจรอ ได้แน่นอนเดือน ก.พ.ปีหน้า"

จากนั้น เวลา 17.00 น. นายเศรษฐา เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีออกพรรษา และบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2566 ที่ลานนาคาเบิกฟ้า ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง ก่อนไปร่วมชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่บริเวณพุทธอุทยานนานาชาติ (ปทุมรัตน์ธรรมเจดีย์) โดยระหว่างเดินทักทายประชาชนที่เดินทางมาร่วมงาน ปรากฏว่าประชาชนที่ถือป้ายข้อความว่า "รักนายกฯ เศรษฐา" ได้ตะโกนว่า "รักนายกฯ เศรษฐา และอยากได้เงินหมื่น"

ทางด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า มองในแง่ดี ถือว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. พยายามจะดูให้เรียบร้อย และเป็นไปตามความถูกต้องทางกฎหมายมากที่สุด คิดว่าเป็นการช่วยกันดูให้รอบคอบขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่มีปัญหา และยินดีน้อมรับ หาก ป.ป.ช.ศึกษาเสร็จแล้ว อยากให้แลกเปลี่ยนกับรัฐบาล หากมีข้อเสนอแนะอะไร ขอให้เอาวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นที่ตั้ง ซึ่งต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเวลา 9-10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจล้มลุกคลุกคลาน ถ้าปรารถนาให้ประเทศพัฒนาเติบโตได้ ต้องพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นกระดุมเม็ดแรกที่จะทำให้จีดีพีเติบโต ทำให้ก้าวไปสู่ประเทศที่พ้นจากหลุมดำ จึงอยากให้ ป.ป.ช.คำนึงถึงวัตถุประสงค์และตรวจสอบตามวัตถุประสงค์ ดูว่ามีข้อกฎหมายอะไรบ้าง หากข้อกฎหมายล้าสมัย ช่วยบอกว่าจะหาทางออกอย่างไร  ไม่อยากให้ใช้วัตถุประสงค์ของตนเองเป็นที่ตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมที่จะปรับหลักเกณฑ์ แต่ไม่ถอยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเอาวัตถุประสงค์เป็นที่ตั้ง และต้องดูว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่เราปรารถนาหรือไม่  หากยังอยู่ในวัตถุประสงค์ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ถือว่าไม่มีปัญหา  ขณะที่เรื่องการกู้เงิน 5.6 แสนล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่มีปัญหายากลำบาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เงินเป็นล้านล้านบาท และออกเป็นพระราชกฤษฎีกามาแล้วไม่มีปัญหาอะไร หากเห็นว่าประเทศวิกฤต ต้องเดินหน้าควรช่วยกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคใด ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลคนเดียว โครงการนี้เป็นผลงานของพี่น้องประชาชนร่วมกันทั่วประเทศ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลงานการศึกษาของนายสุวิทย์ สรรพวิทยศิริ และทีมงานเศรษฐศาสตร์นอกขนบ ว่า การรายงานแสดงให้เห็นว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมีผลสำคัญต่อการกระตุ้นการเติบโตของจีดีพีได้ดีที่สุด และมีผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต่ำสุด ซึ่งจากกราฟของการศึกษาดังกล่าวพบว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยตามนโยบายดังกล่าว จะสามารถกระตุ้นผลของการเติบโตจีดีพีได้สูงสุดที่  4.73%, 5.22%, 5.61% และ 5.54% ในปีงบประมาณ 2567, 2568, 2569 และ 2570 ตามลำดับ และมีผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต่ำสุดด้วย

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตอนนี้ทุกคนคิดว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท คือการแจกเงินฟรีแก่ประชาชน ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่ หลักการการพัฒนาที่ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชนของพรรคเพื่อไทย เหมือนกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มิใช่โครงการรายจ่าย แต่เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของประชาชน ทำให้ประเทศมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นมั่งคั่งขึ้น และรัฐบาลได้ภาษีเพิ่มมากขึ้น เหมือนกับระบบการศึกษาฟรี ที่ทำให้ประชาชนมีศักยภาพและความรู้ที่จะสร้างรายได้ในอนาคตได้เพิ่มมากขึ้น และแน่นอนรัฐบาลก็จะได้รับเม็ดเงินภาษีกลับมาเพิ่มขึ้นด้วย

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตยังมีข้อถกเถียงหลายประการ จึงอยากขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเวทีให้ทุกฝ่ายมาหารือกัน เพื่อนำข้อเสนอแนะมาพิจารณาอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินใจทำ

วันเดียวกัน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีความเสี่ยงต่อการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ในเวทีโลกจึงห่วงเรื่องเสถียรภาพของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่แนะนำว่าแต่ละประเทศควรมุ่งเน้นทำนโยบายดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบ เพราะผลจากสงคราม จึงควรมุ่งเน้นลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เร่งปรับหนี้สาธารณะให้ลดลง เพื่อเตรียมรับมือ shock ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ในส่วนของไทย แม้เสถียรภาพโดยรวมจะโอเค แต่ชะล่าใจไม่ได้ เพราะมีบางประเด็นที่โอเค และบางเรื่องที่โอเคน้อยหน่อย เช่น เสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับดี ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ส่วนที่ต้องระมัดระวังคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่อยู่ในระดับสูงถึง 90.7% ต่อจีดีพี แม้จะลดจากช่วงที่สูงที่สุดคือ 94% แต่ยังสูง และอยากให้กลับลดลงมาอยู่ในระดับเกณฑ์ที่สากล 80% รวมทั้งหนี้สาธารณะในระดับ 61.7% ต่อจีดีพี ที่ถือว่าสูง นอกจากนี้ มีความเสี่ยงที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจี้จุดประเทศไทย มีโอกาสปรับมุมมองจากเสถียรภาพ เป็นมุมมองเชิงลบ หากนโยบายภาคการคลังมีความเสื่อม ดังนั้นควรมุ่งลดรายจ่าย ทยอยปรับลดการขาดดุล ปรับลดหนี้สาธารณะ มีมาตรการเพิ่มรายได้

"หนี้สาธารณะวิ่งไปเยอะจากช่วงก่อนโควิดในระดับ 40% ต่อจีดีพี ทุกประเทศก็มุ่งดูเรื่องเสถียรภาพ จะบอกว่าเราไม่แคร์เลยก็คงไม่เหมาะ หากมองว่าความเสี่ยงเยอะ ก็ควรต้องเก็บลูกกระสุนไว้หรือเปล่า ซึ่งพื้นที่ในการทำนโยบาย เราจะไม่เห็นความสำคัญของมัน จนกว่าจะหมด หรือมันไม่มี" ผู้ว่าการ ธปท.ระบุ

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การลดขนาดและวงเงินของการแจกเงินดิจิทัลลงมา จะทำให้สามารถลดความเสี่ยงทางการคลังในอนาคตลงมาได้ หากไม่แจกเงินถ้วนหน้า รัฐบาลควรปรับเกณฑ์คัดกรองคนมีรายได้สูงนอกเหนือจากเกณฑ์เงินฝากและเงินเดือน  ควรนำสินทรัพย์อื่นๆ และภาระหนี้สินมาร่วมพิจารณา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง