เลือดสีฟ้าทะลัก!ซัดตระบัดสัตย์

เลือดสีฟ้าไหลทะลัก! สมาชิก ปชป.ทยอยไขก๊อก ซัด "เฉลิมชัย" ตระบัดสัตย์ เน้นใช้เงินสร้างพรรค แถมเสี้ยม สส.ให้กระด้างกระเดื่องอดีต หน. "สาทิตย์” โบกมือลาทั้งที่เป็นลูกหม้อมาถึง 40 ปี โอดรับไม่ได้ที่มา กก.บห.ชุดใหม่บิดเบี้ยว กินรวบเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่จิตวิตวิญาณ ปชป. สวนกลับ “ชัยชนะ” อย่าโทษคนอื่น ต้องมองทำไมคนที่อยู่มายาวนานคิดเหมือนกัน "มาร์ค" ย้ำไม่ไปอยู่พรรคอื่น  "เดอะแจ๊ก" ให้กำลังใจ “เฉลิมชัย” กาลเวลาพิสูจน์เพื่อฟื้นฟูพรรค

เมื่อวันจันทร์ ยังมีความเคลื่อนไหวในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายหลังนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 ปรากฏว่ามีสมาชิกจำนวนหนึ่งได้แสดงความจำนงขอลาออกจากสมาชิกพรรค เช่น  นายวิบูลย์ ศรีโสภณ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดชีพตั้งแต่ 22 ธ.ค. 2541 โดยในหนังสือที่ถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงสาเหตุขอลาออกว่า 1.อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนไป เน้นใช้เงินสร้างพรรคและ สส.ในสมาชิกพรรค 2.หัวหน้าพรรคตระบัดสัตย์ ไม่รักษาคำพูด ไม่สามารถให้การเคารพได้อีกต่อไป และ 3.หัวหน้าพรรคสร้างทัศนคติให้ สส.ในพรรคขาดความเคารพ กระด้างกระเดื่องกับอดีตหัวหน้าพรรค สร้างความแตกแยกในพรรค ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนตลอด 77-78 ปี

ด้าน น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "สจฺจํ  เว อมตา วาจา ขอบพระคุณท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์ ที่เป็นแบบอย่างนักการเมืองที่ดีมาโดยตลอด ยังคงรัก ศรัทธา และเป็นกำลังใจให้ท่านหัวหน้าตลอดไป 25 ปีกับชีวิตนักการเมืองที่ไม่เคยเปลี่ยนพรรค พูดได้เต็มปากว่า เลือดฟ้ามันข้น กรีดมายังงัยก็ฟ้าแน่นอน"

"ตุ๋ยยังคงรักพรรคไม่เสื่อมคลาย แม้วันนี้ต้องตัดสินใจที่ฝืนความรู้สึก ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรคที่รักที่สุด แต่จะไม่ไปไหน ยังคงอยู่ตรงนี้ เฝ้ามองด้วยความหวังดีและห่วงใยตลอดไป" น.ส.อรอนงค์ระบุ

ส่วนนางกาญจนี วัลยะเสวี หรือติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ และเป็นแกนนำกลุ่ม​ชาวไทยหัวใจรักสงบ  แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง  “ขอหยุดพัก” ระบุว่า "หลังจากได้ร่วมเดินทางปกป้องพรรค ปชป.มายาวนาน มาถึงวันนี้จะขอหยุดพักเสียที เหตุเพราะ  1.ดิฉันไม่เชื่อถือในตัวหัวหน้าพรรคและทีมงานบางคน 2. ไม่เชื่อว่าจะมีความสามารถทำให้พรรคเป็นที่ยอมรับในสังคม 3.ในเวลานี้พรรคตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดิฉันและ ปชช.อีกมากมายต้องการผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีจุดยืนชัดเจนมานำพรรค"

"เหตุที่ต้องลาออก (ทั้งๆ ที่รักพรรคอย่างบริสุทธิ์ใจมายาวนาน) แต่จำต้องลาออก เพราะไม่อยากถูกเหมารวมไปว่าเป็นคนประเภทเดียวกัน จึงอยู่ด้วยกันได้ ดิฉันเป็นคนชัดเจนไม่ใช่พวกอีแอบ แอบไปต่อสายใครบางคนเพื่อให้ได้ประโยชน์" นางกาญจนีระบุ

ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่า "คิดหนักมา 2 วัน แม้ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ แต่ในวันที่จิตวิญญาณประชาธิปัตย์มิอาจเปล่งประกาย หลังหารือทีมงานที่สู้ร่วมกันมากว่า 28 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์……ด้วยรักและผูกพัน"

ทั้งนี้ นายสาทิตย์ได้เปิดเผยเหตุผลถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคระหว่างการประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา  ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่คือลาออก แต่ไม่ไปอยู่ที่ไหนหรือสังกัดพรรคการเมืองใด โดยให้เหตุผลว่าหากอยู่ก็จะเป็นที่หวาดระแวงของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งตนมองเหตุผลคือต้องการเปิดพื้นที่หรือเปิดทางให้ กก.บห.ชุดนี้ทำงานโดยไม่ต้องหวาดระแวงในตัวเอง ส่วนการตัดสินใจของตนเกิดขึ้นหลังจากที่เห็นกระบวนการตั้ง กก.บห. และมองว่ามันไปอย่างนี้ไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้มันแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา คือไม่ได้มีตัวแทนจากทุกกลุ่มที่เข้ามาจนกลายเป็นระบบพรรคพวก

ไม่ใช่จิตวิญญาณ ปชป.

 “มันไม่ใช่จิตวิญญาณของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็น หรือที่พวกเรารู้จักมาตลอด ผมจึงต้องลาออกมาก่อนเพื่อแสดงให้รู้ว่าเราต้องการจิตวิญญาณพรรคที่แท้จริง และชี้ให้เห็นว่าจิตวิญญาณแบบนี้มันไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจไปไหนหรือทำอะไร เพียงแต่เราออกมาเพื่อจะถอยมาตั้งหลัก  และดูเหตุการณ์ว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป”

เมื่อถามกรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค ระบุว่าหากรักพรรคจริงต้องอยู่พรรคต่อเพื่อช่วยกันฟื้นฟูพรรค นายสาทิตย์กล่าวว่า ขอย้อนกลับไปว่าหากรักพรรคจริงมันต้องไม่ทำแบบนี้มาตั้งแต่ต้น จะเห็นว่าคนที่ลาออกไปหลายคนใน 2-3 วันนี้ เป็นลูกหม้อของพรรคที่อยู่มายาวนานทั้งนั้น สำหรับตนเข้ามาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เป็นยุวประชาธิปัตย์ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเป็นกรรมการบริหารพรรคสาขาตรังตั้งแต่อายุครบเกณฑ์ และมาลงสมัคร สส.ตั้งแต่ปี 2538 ได้เป็น สส.ยาวนานตลอดมาถึงการเลือกตั้งครั้งที่แล้วทั้งหมด7 สมัย ร่วม 28 ปี หากนับรวมๆ แล้วตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มาถึงกว่า 40 ปี  ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนทยอยลาออกอีกจำนวนมาก

 “ผมขอฝากถึงคนที่อยู่กับพรรคต่อไปว่า ต้องตั้งคำถามให้หนักว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดจากอะไร ขออย่าไปโทษคนอื่นว่าเขาไม่รักพรรคหรือไม่ห่วงพรรค ไม่ยอมเข้ามาช่วยกันฟื้นฟู มันต้องมองให้พ้นตัวเองออกไปว่า ทำไมคนที่เขาอยู่กับพรรคมายาวนานจึงพร้อมใจกันคิดแบบนี้ หากจะมองในมุมของตัวเองเท่านั้น หรือมองไม่ผ่านจุดนี้ได้ก็ยากที่จะฟื้นฟูพรรคขึ้นมาใหม่อีกครั้ง” นายสาทิตย์กล่าว

นอกจากนี้ นายวิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตนกลับจากต่างประเทศเมื่อวานเย็น (10 ธ.ค.) ตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.) จะส่งหนังสือลาออกไปที่นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรค ปชป.เมื่อปี 2549 แบบวอล์กอิน ไม่รู้จักใคร ไม่มีเส้นสาย ด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์และความเป็นสถาบันของพรรค ตนเดินเข้าพรรคด้วยความตั้งใจจะทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้รับโอกาสจากพรรคให้ทำหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในปี 2552-2554 ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแห่งชาติในปี 2552-2553 และเป็นผู้อำนวยการศูนย์อาสาฯ คนไทยช่วยน้ำท่วมในปี 2554 ทั้งหมดเป็นประสบการณ์การเมืองที่มีค่า ภูมิใจ และขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาส

 “วันนี้ผมยังยึดมั่นในอุดมการณ์ และจะมีชีวิตอยู่อย่างคนมีศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ไปตลอดชีวิต และเชื่อเสมอว่าพรรคการเมืองต้องมีอุดมการณ์และจุดยืน หากไร้ซึ่งอุดมการณ์ก็เสมือนร่างที่ไร้จิตวิญญาณ” นายวิทเยนทร์ กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. โพสต์ภาพขณะกำลังไหว้แม่พระธรณีบีบมวยผม พร้อมระบุข้อความว่า "ผมไม่มีพรรคอื่น เป็นลูกพระแม่ธรณี ที่จะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้บ้านเมืองต่อไป"

นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคว่า ต้องขอบคุณเสียงสะท้อนของประชาชนทุกคน เพราะนี่คือสิทธิเสรีภาพ  ไม่มีใครมาปิดปากประชาชนได้ พรรคไม่ได้เป็นมรดกของตระกูลใด มีกฎหมายบังคับให้ปฏิบัติ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคผ่านไปแล้ว สมาชิกก็ต้องปฏิบัติตามมติพรรค ตนไม่อาจพูดสิ่งใดให้องค์กรเสียหายได้ เพราะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคได้สอนไว้อย่างนี้ การที่สังคมวิจารณ์ถึงคำพูดของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคที่เคยพูดเรื่องเลิกเล่นการเมืองถ้าได้ สส.ต่ำกว่าเดิม 52 คนในขณะเป็นเลขาฯ พรรคนั้น คนเป็นแม่ทัพก็ต้องปลุกระดมสมาชิกให้ฮึกเหิมสู้ศึก ท่ามกลางสงครามการเมืองและการช่วงชิงการดูด สส.จากพรรคที่มีทุนและมีอำนาจรัฐ เมื่อผิดพลาดก็มิอาจปฏิเสธและน้อมรับคำวิจารณ์

ให้กาลเวลาพิสูจน์ 'เฉลิมชัย'

นายวัชระกล่าวต่อว่า การที่ สส.ประชาธิปัตย์ 21 คนมีมติเอกฉันท์ขอให้นายเฉลิมชัยกลับมานำพรรคก็เป็นเรื่องของพรรค ถ้าองค์ประชุมไม่ล่มเมื่อ 2 ครั้งก่อน นายนราพัฒน์ แก้วทอง เพื่อนตนอาจได้เป็นหัวหน้าพรรคไปแล้ว  และเมื่อมีการประชุมครั้งที่ 3 สมาชิกเลือกตั้งให้นายเฉลิมชัยเป็นหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับ บางท่านไม่ชอบใจ แล้วจะให้ทำอย่างไร

 “การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคทุกครั้งที่ผ่านมา ย่อมมีทั้งคนดีใจ เสียใจ ผิดหวัง สมหวังเป็นธรรมดา บางท่านหาเสียงไม่ว่าแพ้ชนะก็จะไม่มีวันลาออกจากพรรคเด็ดขาด เป็น สส.ได้เพราะพรรค เกิดจากพรรค ขอตายที่ประชาธิปัตย์ ผมได้ยินเป็นประจำ และเข้าใจดีว่าทุกท่านต่างมีเข็มทิศทางการเมืองของตนเอง แต่เมื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคผ่านไปแล้วก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค บางสมัยมี สส.ลงชื่อเพื่อให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัยก็ระงับไว้ อดีตหัวหน้าบางท่านก็บอกให้เป็นไปตามหลักการ เมื่อนายเฉลิมชัยได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค บางท่านกลับไม่ยอมรับ หลายท่านลาออกจากสมาชิก เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเข้าใจเหตุผลในวันนี้ของแต่ละคน ยิ่งยามที่พรรคตกต่ำอย่างหนักในขณะนี้ บางคนก็สบประมาทว่าสมัยหน้าจะสูญพันธุ์ ผมเป็นสมาชิกพรรครู้หน้าที่ว่าต้องช่วยกันฟื้นฟูพรรค ลบคำสบประมาทให้เดินไปข้างหน้าอย่างไร เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชนเท่าที่จะทำได้"

นายวัชระกล่าวว่า การลาออกของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่ประชุมไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น ทุกคนเสียใจ แต่ท่านก็พูดทิ้งท้ายที่สำคัญว่าพร้อมจะกลับมาช่วยพรรคในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าท่านหัวหน้าพรรคก็ต้องไปขอให้ท่านอภิสิทธิ์และอดีตสมาชิกทุกท่านกลับมาช่วยพรรคไม่ช้าก็เร็ว ผู้ชนะต้องยื่นมือโอบอุ้มทุกฝ่ายให้สามัคคีกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าให้วาจาโวหารเชือดเฉือนกัน อย่าทะนงตน ซึ่งตนก็จะรอเพื่อนๆ ที่ลาออกไปอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน  ไม่ให้พรรคอื่นมาดูถูกได้

"นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ท่านก็รู้ว่าย่อมมีเสียงครหาวิจารณ์อย่างหนัก การที่ยอมกลับมานำพรรคตามข้อเสนอของ สส. ย่อมต้องมีเหตุผลที่ยอมแม้แต่ละลายตัวเอง เพื่อฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ กาลเวลาและการกระทำของหัวหน้าพรรค เพื่อให้พรรคประสบความสำเร็จตามอุดมการณ์ของพรรคเท่านั้นที่จะพิสูจน์ในทุกคำครหา สังคมและประชาชนจะตัดสินหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ในที่สุด  นายเฉลิมชัยเป็นบัณฑิตลูกพ่อขุนรามคำแหง ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ผมเป็นลูกพ่อขุนคนหนึ่ง ขอให้กำลังใจในการนำพรรคให้เดินหน้าต่อไป และขอให้กำลังใจมาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค ผู้นำการเมืองหญิงรุ่นใหม่ ให้เข้มแข็งและเป็นผู้นำพรรคในอนาคต ส่วนการที่ผู้ใหญ่ของพรรคออกเตือนว่าอย่าเอาพรรคไปหากิน นั้นแสดงว่าในอดีตอาจเคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนแล้วก็ได้" นายวัชระกล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  (รทสช.) กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่ถือเป็นพรรคเก่าแก่ในภาคใต้ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว การแข่งขันทางการเมืองหลังจากนี้จะเข้มข้นกว่าเดิมหรือไม่ หรือจะไปในแนวทางใดว่า ตนไม่ขอวิจารณ์หรือแสดงความเห็นต่อพรรคอื่น แต่เชื่อว่าการแข่งขันทางการเมืองไม่ว่าจะพรรคใด ทุกพรรคย่อมมุ่งจะทำคุณประโยชน์ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

 “มองว่าท้ายสุดผลดีจะเกิดกับพื้นที่และประชาชนมากที่สุด มั่นใจว่าประชาชนดูออกและรับทราบดี ว่าพรรคไหนทำงานจริงทำต่อเนื่อง ที่ผ่านมารวมไทยสร้างชาติทำงานอย่างเต็มที่ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ยึดมั่นในประชาชนและสถาบันหลักของชาติ" นายธนกรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง