ปลื้มญี่ปุ่นมองตาก็รู้ใจ

"เศรษฐา" ตีปี๊บประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จมาก ปลื้มญี่ปุ่นมิตรแท้มองตาก็รู้ใจ ชี้  "นายกฯ ฟูมิโอะ" ชื่นชม “เจ ชนาธิป"  ตอกย้ำใจถึงใจไมตรีจิตที่มีให้กัน พร้อมชวนร่วมถก OECD ปีหน้าในฐานะผู้สังเกตการณ์ เผยอินโดฯ สั่งข้าวไทย 2 ล้านตัน สนใจแลนด์บริดจ์ เห็นพ้องเวียดนามจัดประชุม ครม.ร่วม พ.ค.67 ฟุ้งข่าวดีได้รับจดหมายจาก "แอปเปิล"

ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 10.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ช่วงที่ 1 Plenary Session ในหัวข้อ Review of ASEAN-Japan relations และ Partners for Peace and Stability & Regional and International Issues โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีคิชิดะของญี่ปุ่นสําหรับการต้อนรับที่อบอุ่น โดยประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้  โดยได้นำเสนอประเด็นความร่วมมือในอนาคตเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน 3 ประการ ดังนี้ ประการแรก การบูรณาการความร่วมมือระดับภูมิภาคที่ก้าวหน้า ทุกฝ่ายจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น และความตกลง RCEP อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ประการที่สอง การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเติบโตสีเขียว ไทยยินดีสนับสนุนข้อริเริ่ม Asia Zero Emission นอกจากนี้ ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำและเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ประการที่สาม ความมั่นคงด้านสุขภาพ ซึ่งไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการส่งเสริมประเด็นเรื่องประกันสุขภาพถ้วนหน้าในระดับโลก

ประเด็นสถานการณ์ นายเศรษฐา กล่าวว่า จำเป็นต้องกระชับความร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและต่อโลก ทั้งสงครามในยูเครนที่ยังคงไม่สงบ สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา หวังว่าทุกฝ่ายจะยังไม่ยอมแพ้ต่อการสร้างความสงบสุขในเมียนมา ซึ่งไทยพร้อมแสดงบทบาทนำในการช่วยเหลือเมียนมา ทั้งนี้ การดำเนินการจะไม่ง่าย แต่จะสามารถจัดการกับความท้าทายร่วมกัน ดังสุภาษิตที่ว่า “การเดินกับมิตรในความมืดมิด ยังดีกว่าเดินลำพังในแสงสว่าง"

ต่อมาเวลา 11.50 น. นายเศรษฐา เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ช่วงที่ 2 การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ภายใต้หัวข้อ “Heart to Heart Partners across Generations” โดยนายกฯ เน้นย้ำการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนแบบใจถึงใจ ผ่านการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน ทั้งในด้านการศึกษาและวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น ญี่ปุ่นถือเป็นพันธมิตรที่ไทยให้ความไว้วางใจอย่างมาก 

จากนั้นเวลา 12.50 น. นายกฯ เข้าร่วมการประชุมฯ ช่วงที่ 2 การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ในหัวข้อ Partners for Co-creation and  Economy and Society of the Future  โดยนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวถึงกรณีคนญี่ปุ่นชื่นชมคำให้สัมภาษณ์ของนักฟุตบอลชาวไทย เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่มาเล่นบอลอาชีพให้สโมสรในประเทศญี่ปุ่นว่า “Absolutely beautiful”

ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กรุงโตเกียว เมื่อเวลา 15.40 น. นายเศรษฐา หารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยนายกฯ ย้ำความสำคัญการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนให้กับญี่ปุ่น ซึ่งไทยจะออกมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักธุรกิจญี่ปุ่นเข้าไทยเพื่อติดต่อธุรกิจระยะสั้น พร้อมกล่าวฝากรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนธุรกิจของเอกชนไทย และหวังที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้านซอฟต์พาวเวอร์ ในโครงการโอท็อป ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก OVOP ของญี่ปุ่น

 ส่วนความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยหวังว่าจะมีนักลงทุนและแรงงานทักษะสูงด้านดิจิทัลจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเพิ่ม รวมทั้งไทยสนใจที่จะสมัครเข้า OECD เพื่อยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจไทย ด้านนายกฯ ญี่ปุ่นได้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ยกเว้นวีซ่าให้นักธุรกิจญี่ปุ่น และได้เสนอจัดตั้งกลไก Energy and Industrial Dialogue กับไทย เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรม

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว นายกฯ เปิดเผยว่า ระหว่างการประชุมได้หารือพูดคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศในอาเซียน อาทิ ประเทศกัมพูชา ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย โดยนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หารือกันถึงการสร้างสถานกงสุลที่กรุงเสียมเรียบ รวมถึงขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดำเนินการให้คนกัมพูชาเข้าไทยได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต

ขณะที่การหารือร่วมกับนายหวอ วัน  เถือง ประธานาธิบดีเวียดนาม จะมีการรื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมสองประเทศ โดยเวียดนามเสนอให้จัดช่วงเดือน พ.ค.2567 น่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องราคาข้าว เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น นอกจากนี้เวียดนามเสนอให้ไทย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มาพูดคุยกันเพื่อร่วมเป็นคณะกรรมการโปรโมตการท่องเที่ยว จึงได้เสนอว่าจะให้รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวทั้ง 4 ประเทศ เพื่อทำการบ้านไปก่อน

ส่วนการพูดคุยกับนายโจโก วิโดโด  ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้ยืนยันว่าจะซื้อข้าวไทยจำนวน 1 ล้านตันภายในปีนี้ แต่เมื่อระยะเวลาเหลือเพียง 20 วัน ประธานาธิบดียืนยันจะสั่งข้าวไทยเป็น 2 ล้านตัน โดยจะส่งคนมาพบกับ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ช่วงต้นปี 2567 รวมทั้่งสนใจโครงการแลนด์บริดจ์

นายเศรษฐากล่าวถึงผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ว่า ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอาเซียน และเป็นรายใหญ่ที่สุดที่ลงทุนในไทย และมีการหารือถึงความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยวและการลงทุนพลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นทิศทางทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะให้เศรษฐกิจเจริญกลับมาได้ และการที่เรากับญี่ปุ่นเป็น Heart to Heart Partners หรือใจถึงใจ  ซึ่งความสัมพันธ์ทางด้านจิตใจนี้เกิดจากความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่แน่นแฟ้น เห็นได้จากระยะหลังไทยและญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้สบาย โดยไม่ต้องมีวีซ่า และตอนนี้มีการยกระดับนักธุรกิจญี่ปุ่นไม่ต้องมีวีซ่าในการเข้าประเทศไทย

นายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ญี่ปุ่นยังได้กล่าวสุนทรพจน์ถึง “เมสซี เจ” มาญี่ปุ่นก็ดังมาก อยากให้มีแบบนี้อีก ซึ่งตกใจเรื่องนี้ยิ่งทำให้เห็นสิ่งที่บอกว่าใจถึงใจ  ถือเป็นไมตรีจิตที่ประเทศมีต่อกัน นอกจากนี้ ยังมีการหารือกับนายกฯ ญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัว โดยได้มีการพูดคุยถึงการลงทุนธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นมีบุญคุณกับเรามามาก ฉะนั้นการดูแลนักลงทุนญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งท่านขอบคุณและสบายใจ

นายกฯ กล่าวว่า ในการพูดคุยกับนายกฯ ญี่ปุ่นยังมีการพูดถึงองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งมีประเทศใหญ่ๆ เป็นสมาชิกอยู่กว่า 30 ประเทศ แต่เรายังไม่ได้เป็นสมาชิก อยู่ระหว่างการยื่นอยู่ โดยญี่ปุ่นเชิญให้เราเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการประชุมครั้งหน้าช่วงปีหน้า

 “การเดินทางในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก และการพูดคุยในวันนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ซึ่งกระทรวงต่างประเทศเตรียมการไว้ดีมาก" นายกฯ ระบุ

นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ภายหลังการประชุมหารือทวิภาคีกับนายกฯญี่ปุ่นแบบเต็มคณะ นายกฯ ญี่ปุ่นได้มอบของขวัญพิเศษเป็นเหล้าอะวาโมริ ซึ่งเป็นเหล้าพื้นเมืองของจังหวัดโอกินาวะ ที่ผลิตจากข้าวไทย ซึ่งเขาทำมา 100 กว่าปีแล้ว ซึ่งเป็นการแสดงว่าเขามีใจให้ประเทศไทย เราซาบซึ้ง

นายเศรษฐายังได้โพสต์ X (twitter) ถึงข่าวดีเกี่ยวกับความร่วมมือกับ Apple บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกว่า ได้รับจดหมายขอบคุณจาก Apple อ้างอิงจากการพบกันเมื่อตอนเดินทางไปซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน โดยประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อม ซึ่งเมื่อร่วมกับการสนับสนุนของรัฐบาล ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษา อุตสาหกรรม แรงงาน ทำให้มั่นใจว่าความร่วมมือกับ Apple เกิดขึ้นได้จริง นี่ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานจากการออกไปสร้างความเชื่อมั่น พูดคุยแสดงความพร้อมของรัฐบาล และประชาชนไทยให้กับโลก และบริษัทยักษ์ใหญ่ได้เห็น.