‘นิกร’หวั่นหยุดยาว คนเยอะ-ปิดผับตี4 เสี่ยงอุบัติเหตุใหญ่

รัฐบาลอวยพรปีใหม่ เดินทางด้วยความปลอดภัย ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยพลัง "เศรษฐา" ให้กำลังใจ จนท.ศูนย์จราจร โล่งอกเส้นทางมิตรภาพระบายดีขึ้น 30% หลังเปิดมอเตอร์เวย์ใหม่ อวยพร ปชช.อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข "ปภ." แนะผู้ขับขี่ ไม่เร็ว ไม่ดื่ม ไม่โทร ง่วงไม่ขับ ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ "นิกร" หวั่นหยุดยาวมากกว่าปกติ รัฐเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4  คนเดินทางเยอะ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุใหญ่  วอนเปิดที่พักริมทางเพิ่ม 2 เท่า

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง และรัฐบาล   ขออวยพรให้ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอให้ประชาชนใช้เวลาช่วงวันหยุด 4 วันพักผ่อนอย่างเต็มที่  เดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย  ระมัดระวังการขับขี่รถ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ทุกคน ในการอำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชน ตลอดจนให้คำแนะนำและกวดขันพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจ ห่างไกลอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยรัฐบาลและหน่วยงานรัฐได้เตรียมมาตรการและโครงการต่างๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชนกว่า 255 โครงการ อีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อีกกิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเวลาสิ้นปี คือการจัดกิจกรรมสวดมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเข้าสู่ศักราชใหม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะจัดขึ้นทุกวัดในราชอาณาจักร รวมถึงวัดไทยในต่างประเทศจะจัดให้มีการสมาทานศีล ฟังพระธรรมเทศนา สวดมนต์ และเจริญจิตตภาวนาข้ามปี ในช่วงคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และวันที่ 1 มกราคม 2567 หรือพิจารณาตามความเหมาะสม

"นายกรัฐมนตรีห่วงใยและปรารถนาดีต่อประชาชนชาวไทย อวยพรให้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไปด้วยรอยยิ้ม ใช้เวลาแห่งการเฉลิมฉลองนี้ร่วมกับครอบครัวและญาติมิตรอย่างมีความสุข เดินทางด้วยความปลอดภัย เก็บพลังมาปฏิบัติหน้าที่ในศักราชใหม่ รวมทั้งมีความสุขสมหวังทุกประการในปี 2567" นายชัยกล่าว

เมื่อเวลา 10.50 น. ที่ศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เยี่ยมชมศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุ เพื่อติดตามการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 67 โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม,  นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ 

โดยนายกฯ รับฟังความคืบหน้าการให้บริการโครงข่ายสายทางทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 และสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ ถนนมิตรภาพ สายเอเชีย ถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนจะใช้สัญจรจำนวนมากในช่วงปีใหม่ โดยคาดการณ์ว่าในวันที่ 29 ธ.ค.66 ประชาชนจะออกเดินทางมากที่สุด และจะเดินทางกลับเข้า กทม.มากที่สุดในวันที่ 2 ม.ค.67 จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ และคอลเซ็นเตอร์ ที่คอยรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พร้อมให้กำลังใจในการทำงาน

จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาติดตามสถานการณ์เรียลไทม์ของกรมทางหลวง ในการติดตามสภาพการจราจรของถนนทุกสาย และขอชื่นชมกรมทางหลวง ที่ช่วยเปิดถนนบางสายให้บริการประชาชนฟรี เพื่อระบายการจราจร ส่วนเส้นทางที่ติดขัดคือเส้นทางมิตรภาพไป จ.นครราชสีมา เนื่องจากมีประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวเขาใหญ่จำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด 6-7 ชั่วโมง แต่จากการรับฟังบรรยายพบว่าจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์แห่งใหม่ สามารถระบายรถได้ประมาณ 30% ถือเป็นนิมิตหมายอันดี และทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น

นอกจากนั้น ได้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ที่รับสายร้องเรียนเข้ามาที่กรมทางหลวง โดยวันนี้มีประมาณ 800 สาย และทางเจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการทำงานมาก จึงต้องขอบคุณในความเสียสละที่จะต้องอยู่กับครอบครัวมาช่วยกันทำงาน และขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน อยากให้ใช้เวลาให้มีค่ากับครอบครัวอย่างมีความสุข ระมัดระวังเรื่องการดื่มไม่ขับ เดินทางกลับให้ระวัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ เป็นห่วงการเดินทางในช่วง 7 วันเฝ้าระวังอันตรายหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ห่วงตลอด โดยเฉพาะเรื่องการดื่มไม่ขับ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือเกิดจากการเมาแล้วขับ ให้ระมัดระวังให้ดี เพราะอยากให้ทุกคนมีความสุข ขณะที่กระทรวงคมนาคม พยายามทำงานให้เต็มที่ อย่างที่บอกดื่มแล้วอย่าขับ ดื่มแล้วควรนอนพัก

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่มีวันหยุดหลายวัน คาดว่าจะมีประชาชนใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก ทำให้มีการจราจรหนาแน่น จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ที่ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และง่วงหลับใน เพื่อความปลอดภัย ปภ. ขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ดังนี้

ไม่ขับรถเร็ว ควรใช้ความเร็วตามอัตราที่กฎหมายกำหนด และปฏิบัติตามป้ายจำกัดความเร็วบนเส้นทางอย่างเคร่งครัด ดื่มไม่ขับ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอกอฮอล์ทั้งช่วงก่อนและขณะขับรถเพราะทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามขับรถโดยเด็ดขาด ควรใช้บริการรถแท็กซี่ รถสาธารณะ โทร.ไม่ขับ ควรหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะส่งผลให้เสียสมาธิในการขับรถ ให้ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ อาทิ แฮนด์ฟรี บลูทูธ ง่วงไม่ขับ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ไม่อดนอนติดต่อหลายวัน และไม่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมทั้งไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ที่สำคัญ ไม่ฝืนขับรถเมื่อมีอาการง่วงนอน ควรจอดรถพักในบริเวณที่ปลอดภัย เพื่อนอนหลับหรือปรับเปลี่ยนอิริยาบถจะช่วยป้องกันการหลับในได้ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจรและป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด และมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมเส้นทาง จะช่วยให้การเดินทางปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID 1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายนิกร จำนง ประธานมูลนิธิประชาปลอดภัย กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ปีนี้มีความน่าเป็นห่วงอย่างมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นปีที่หลุดมาจากโควิด-19 เต็มรูปแบบ ผู้คนจะเดินทางเป็นจำนวนมาก เพราะคั่งค้างมาหลายปี รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ยังมีปัญหาเรื่องการจัดช่วงเวลาวันหยุดยาว อยู่ในกรอบเวลาที่น่ากังวล จะสังเกตได้ว่าปีนี้ผู้คนจะออกเดินทางกันเร็วตั้งแต่ช่วงวันคริสต์มาสที่ผ่านมา โดยพบตัวเลขการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุวันที่ 25 ธ.ค. จำนวน 56 ราย วันที่ 26 ธ.ค.จำนวน 53 ราย ถือเป็นจำนวนที่มากเมื่อเทียบกับปกติ

"ในช่วงหยุดยาวนี้เราจะได้เห็นการเดินทางเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น มีการจ้างเหมารถค่อนข้างมาก เดินทางโดยรถกระบะเป็นครอบครัวก็จะมีมากเช่นกัน ถือเป็นความสุ่มเสี่ยง จากการสังเกตสถิติยอดการสูญเสียชีวิตของคนไทยก็เพิ่มขึ้น โดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมาจำนวนมากกว่า 1.8 หมื่นคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูง เรายังได้เห็นอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้น เช่นอุบัติเหตุที่ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก"

นายนิกรกล่าวว่า ช่วงวันหยุด 29 ธ.ค.-1 ม.ค. เปิดทำงานวันที่ 2 ม.ค.นั้น เป็นที่น่ากังวลมาก เนื่องจากจะเกิดสถานการณ์ที่คนฉลองตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. ต่อเนื่องวันที่ 1 ม.ค. ทั้งๆ ที่วันที่ 1 ม.ค. ต้องเดินทางกลับเพื่อมาทำงานในวันที่ 2 ม.ค. ในจังหวะนี้ก็จะทำให้คนขับมีความอ่อนเพลีย ต้องเร่งรีบกลับให้มาทันทำงาน ไม่ได้พักผ่อน ซึ่งตัวเลขในลักษณะของกรอบเวลาเช่นเดียวกันนี้ เคยมีสถิติเมื่อ 1 ม.ค.ปี 2562 ที่เสียชีวิตวันเดียวถึง 91 ศพ ดังนั้นวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะอาจเกิดเหตุลักษณะเดียวกันได้ ดังนั้นปีนี้ความสุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมากแน่ๆ

"อีกเรื่องที่น่ากังวลคือการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงให้ปิดตี 4 เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศจัดโซนพื้นที่ แต่ในความเป็นจริงทุกพื้นที่ก็ลักไก่ ตีเนียน ปิดตี 4 เหมือนกัน คุมไม่อยู่ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอีกเช่นกัน ก็อาจจะทำให้ได้ผลยาก ส่วนกรณีที่จะให้ร้านเป็นคนช่วยตรวจสอบแอลกอฮอล์ลูกค้าให้นั้น เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้"

นายนิกรกล่าวอีกว่า เมื่อปีนี้รัฐบาลผ่อนเชือกไปมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเร่งรัดอย่างรัดกุมให้มากเท่ากับที่ผ่อนลงไป เราได้รายได้จากการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่เราสูญเสียจะมีมาก คุ้มกันหรือไม่ ในเมื่อกรณีวันหยุดเราเปลี่ยนกลับไม่ได้ ก็ต้องคอยระมัดระวัง ตรวจสอบ ตั้งด่าน และให้ประชาชนได้พักระหว่างทาง ต้องจัดที่พักริมทางให้มีจำนวนมากขึ้นอย่างมาก เพื่อให้คนที่อ่อนเพลียได้นอนพัก สถานที่ราชการต้องเปิดมากขึ้นเป็น 2 เท่า จัดคนคอยดูแล ไม่เช่นนั้นจะมีความสูญเสียครั้งใหญ่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในคืนวันที่ 1 ม.ค.แน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง