ซ้อมข้ามปีขยี้งบ67

กรุงเทพฯ ๐ ฝ่ายค้านตีปี๊บ ชำแหละงบประมาณปี 2567  คึก “ศิริกัญญา” ลั่นไม่มีลดราวาศอก แต่ไม่ใช่เป็นเวทีซักฟอกแน่ เตรียมซ้อมข้ามปี ชี้เป็นรัฐบาลเลือกตั้งแต่กลับตั้งงบใช้หนี้มรดกลุงตู่ ไร้ความเปลี่ยนแปลง ผิดหวังไม่มีเงินทำตามนโยบายหาเสียง เชื่อตั้ง “ภูมิธรรม” นั่งประธาน กมธ.งบมีนัยแฝงทางการเมือง “ปชป.” นัด 2 ม.ค.คุยเรื่องอภิปราย “เฉลิมชัย” สั่งส่องงบให้ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ยึดประโยชน์พรรคร่วม

เมื่อวันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2566 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.)  ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ  (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ว่าความเข้มข้นในการอภิปราย หากเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้วคงไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งความคาดหวังยิ่งสูงขึ้น และที่สำคัญการอภิปรายงบประมาณเหมือนเป็นการแถลงนโยบาย 1 ปีของรัฐบาล ว่าในปีหน้ารัฐบาลจะทำอะไรบ้าง เนื่องจากครั้งล่าสุดที่รัฐบาลแถลงนโยบายก็ไม่มีความชัดเจนขนาดนั้น

“ไม่มีการลดราวาศอก อันเนื่องมาจากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแน่นอน จะตรวจสอบทุกมิติอย่างครบถ้วน” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

น.ส.ศิริกัญญายังกล่าวต่อว่า พรรคได้ศึกษาวิเคราะห์งบประมาณ โดยตั้งธีมอภิปรายไว้ว่าวิกฤตแบบใด ทำไมถึงจัดงบแบบนี้ โดยก่อนเข้าสู่อำนาจพรรคเพื่อไทย (พท.)  ได้อ้างถึง 3 วิกฤต ได้แก่ วิกฤตเศรษฐกิจปากท้อง, วิกฤตรัฐธรรมนูญ และวิกฤตความขัดแย้ง รวมถึงวิกฤตอื่นๆ ที่สังคมเห็นตรงกัน เช่น วิกฤตการศึกษา, วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ และวิกฤตสิ่งแวดล้อม PM2.5 ซึ่งเมื่อศึกษาและวิเคราะห์งบประมาณกลับไม่เห็นการจัดงบที่ตอบสนองกับวิกฤตที่เกิดขึ้น และยังมีงบที่ไม่เหมาะไม่ควรอยู่ ทั้งยังมีงบบางอย่างที่หายไป

น.ส.ศิริกัญญาระบุว่า เราต้องการเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่เห็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจเลย โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ด้านวิกฤตรัฐธรรมนูญ ตั้งงบประชามติไว้เพียงแค่ครึ่งประชามติไม่เพียงพอ ซึ่งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จำเป็นต้องรับมรดกหนี้จากรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งหนี้สาธารณะที่ต้องใช้เงินคงคลัง เนื่องจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตั้งงบไว้ไม่เพียงพอ  เช่น งบบุคลากรเงินเดือนข้าราชการในปี 2565 และ 2566 ต้องใช้หนี้เงินคงคลัง 120,000 ล้านบาท ซึ่งนายเศรษฐาต้องใช้หนี้ พล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่อนดาวน์ไว้ราว  400,000 ล้านบาท เราก็เห็นใจ แต่งบที่สามารถจัดสรรได้เองกลับไม่เห็นความพยายามขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้เลย

“เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่ในปี 2567 มีโครงการใหม่แค่ 200 โครงการ จาก 2,000 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าเพียง  13,000 ล้านบาท งบฉบับนี้เป็นการใช้หนี้มรดกของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สะท้อนถึงความพยายามในการจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนงบของตนเอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรัฐบาลเดิม” น.ส.ศิริกัญญาระบุ

เจ๊ไหมลั่นไม่ใช่เวทีซักฟอก!

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ยังไม่คุ้นชินกับการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะคุ้นชินกับการบริหารบริษัทเอกชน จึงไม่สามารถขับเคลื่อนข้าราชการให้ทำตามที่ได้มอบหมายไว้ได้ นอกจากนี้การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล เป็นผลให้ต้องประนีประนอมกับพรรคร่วมรัฐบาลและหลายฝ่าย โดยโครงการเรือธง เช่น ขึ้นค่าแรง และการแจกแท็บเล็ต ก็ไปอยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ส่วนงบประมาณของกระทรวงกลาโหมก็น่าผิดหวัง ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ว่าจะตัดลดงบประมาณลง 10% แต่ปี 2567 งบเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่กระทรวงมหาดไทยสัดส่วนงบประมาณเยอะ เนื่องจากต้องจัดงบเพื่อกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการปรับปรุงเงินอุดหนุนต่างๆ 

“เราคาดหวังมาก เพราะนี่เป็นในรอบ 9 ปีที่ได้เปลี่ยนผู้นำรัฐบาล คาดหวังว่ารัฐบาลจะได้จัดสรรงบแบบใหม่ เพื่อให้เราขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน  ปีนี้ขึ้นปีที่ 10 เราก็ยังเจองบประมาณแบบเดิมอยู่” น.ส.ศิริกัญญาระบุ

สำหรับการอภิปรายงบประมาณ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จะเปิดด้วยภาพรวมเศรษฐกิจ ตามมาด้วยวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะประชาชนเฝ้ารอว่ารัฐบาลที่ขึ้นชื่อว่าเก่งในด้านบริหารเศรษฐกิจ จะทำให้เศรษฐกิจประเทศนี้โตได้อย่างไร จากนั้นจะอภิปรายเรื่องวิกฤตความขัดแย้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ วิกฤตกองทัพ วิกฤตการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ และงบประมาณ Soft Power ซึ่งต้องดูรายละเอียดประกอบกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อจัดเวลาในการอภิปรายอีกครั้งหนึ่ง

น.ส.ศิริกัญญายืนยันว่า เวทีงบประมาณคือเวทีงบประมาณ ไม่ใช่เวทีซักฟอก เป็นเวทีแถลงนโยบาย 1 ปีของรัฐบาล ตอนเริ่มต้นรัฐบาลได้มาแถลงนโยบายภาพรวม 4 ปี แต่การแถลงงบประมาณถือเป็นการแถลงนโยบายวาระ 1 ปี ดังนั้นเราจะเจาะ จะคุ้ย และวิพากษ์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น จะซักฟอกเฉพาะโครงการที่มีโอกาสเกิดคอร์รัปชัน แต่ไม่ใช่ข้อใหญ่ใจความในการอภิปราย พร้อมฝากถึงรัฐบาลให้ใส่ใจรายละเอียดในงบประมาณ อย่าเพียงแค่อนุมัติ เพราะหลายเรื่องมีความสำคัญจำเป็นกับประชาชน หากตัดสินใจพลาดไปผลกระทบจะเกิดขึ้นตามมา รัฐบาลอาจให้ความไว้วางใจกับข้าราชการประจำ จึงมีการจัดสรรงบประมาณแปลกๆ ตามใจข้าราชการมากกว่าขับเคลื่อนนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน 

ก้าวไกลซ้อมชำแหละงบข้ามปี

ส่วนกรอบเวลาการอภิปรายงบประมาณนั้น จะตกลงเวลากับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ตอนนี้รอให้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทำการบ้านเสร็จก็จะจัดคิวการอภิปราย  เราอยากให้คนที่พูดเรื่องเดียวกันอภิปรายใกล้ๆ กัน รัฐมนตรีจะได้ฟังทีเดียวและตอบทีเดียว เพราะไม่อยากให้รัฐมนตรีมาตอบทีละคำถาม โดยขุนพลของพรรคก้าวไกล 33 คนไม่มีใครอภิปรายเรื่องซ้ำกัน แต่ละคนเป็นการอภิปรายเชิงประเด็น ไม่ใช่อภิปรายเป็นรายกระทรวง เรื่องหนึ่งที่ สส.คนหนึ่งพูดต้องมีรัฐมนตรีหลายคนเข้ามานั่งฟัง ไม่ใช่นั่งฟังเฉพาะกระทรวงตนเอง

“เวลาในการอภิปรายของฝ่ายค้านได้ประมาณ 19 ชั่วโมง ซึ่งเราจะจัดสรรเวลาตามเนื้อหามากหรือน้อย แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 นาที ส่วนผู้ที่รับผิดชอบในการอภิปรายงบกองทัพนั้น จะเป็นนายชยพล สท้อนดี สส.กทม. และนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. จะมีการจัดซ้อมย่อยข้ามปีระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 66 - 1 ม.ค. 67 และซ้อมใหญ่วันที่ 2 ม.ค.” น.ส.ศิริกัญญาระบุ

น.ส.ศิริกัญญายังกล่าวถึงกรณีส่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ว่าอาจมีการบัญชาการหรือสั่งการอะไรอย่างเข้มข้นแน่นอน ทั้งที่เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ หากเป็นนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศคงไม่น่าแปลก ส่วนจะมองว่าการที่นายภูมิธรรมนั่งเป็นประธาน กมธ.งบ เพราะนายกฯ ไม่ไว้ใจคนอื่นหรือไม่นั้นอาจไม่ถึงขนาดนั้น แต่อาจเป็นวาระพิเศษที่ต้องส่งนายภูมิธรรมมาควบคุมด้วยตัวเอง เป็นนัยทางการเมือง ไม่ใช่นัยตามปกติ

“โดยธรรมชาติแล้วรัฐมนตรีจะไม่ได้มานั่งเป็นประธาน กมธ.ด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลังนั่งเป็นประธาน ก็เจอหน้าน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเจอนายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ.งบฯ ในขณะนั้นเสียมากกว่า” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ น.ส.ศิริกัญญากล่าวกับสื่อมวลชนว่า ปีนี้คงเคาต์ดาวน์ที่อาคารอนาคตใหม่ เพราะต้องซ้อมย่อยอภิปรายงบประมาณ ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเคาต์ดาวน์ด้วยกัน

ปชป.นัดถกชำแหละงบ 2 ม.ค.

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า สส.ของพรรคมีการเตรียมความพร้อมเรื่องการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แล้ว และจะเรียกประชุม สส.เพื่อเตรียมความพร้อมในวันที่ 2 ม.ค.ที่จะถึงนี้ สำหรับการจัดสรรเวลาซึ่งพรรคได้เวลา 180 นาที สส.ที่ได้เตรียมการกันมาแล้วก็จะนำประเด็นต่างๆ มาถกเถียงร่วมพิจารณากันในที่ประชุม สส.

“นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ได้กำชับ สส.ให้ความสำคัญกับการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน โดยยึดหลักคือ จะอภิปรายให้ไปในแนวทางสร้างสรรค์ เพื่อให้งบประมาณแผ่นดินถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศด้วยความเหมาะสม มีความโปร่งใส คุ้มค่า  ตรวจสอบได้ ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด และรัฐบาลต้องเป็นธรรมในการจัดสรรงบ ต้องยึดหลักประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ยึดประโยชน์ของพรรคร่วม” นายราเมศกล่าว

นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรค ปชป. กล่าวว่า งบประมาณปี 2567 มีกรอบงบประมาณวงเงินรวม 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งตามเอกสารงบประมาณปี  2567 รัฐบาลมีรายได้เงินนอกทั้งสิ้น 2.40 ล้านล้านบาท  และรายจ่ายเงินนอก 2.11 ล้านล้านบาท ทำให้เงินนอกงบประมาณเกินดุลที่กระทรวงการคลังได้ตั้งไว้ 295,828 ล้านบาทนั้น เป็นการสร้างภาพฐานะการคลังของรัฐบาลให้ดูดีเกินไปหรือไม่

“การทำให้ดุลเงินนอกงบประมาณเกิดการเกินดุลจึงเป็นภาพมายาเท่านั้น เพราะไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินของหน่วยงานอื่นที่ได้รับอนุมัติให้ถือเงินส่วนนี้ไว้ใช้จ่ายหมุนเวียนได้ เช่น สถานศึกษา โรงพยาบาล ทุนหมุนเวียน หรือกองทุนต่างๆ เป็นต้น”

นายสรรเพชญกล่าวอีกว่า ในส่วนงบประมาณที่เป็นเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น  สัดส่วนรายได้ระหว่างรัฐบาลกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คิดเป็น  29.1% ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ยังไม่ถึง 35% ตามจุดมุ่งหมายที่ควรจะจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในฐานะใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่าส่วนกลาง เมื่อพิจารณาจากเอกสารงบประมาณแล้วเห็นได้ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเกิดข้อจำกัดในการใช้จ่ายงบประมาณ เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอต่อการจัดทำบริการและกิจกรรมสาธารณะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง