ศึกนํ้าลายควันหลงถุงเท้าชมพู

“เศรษฐา” ไม่พอใจฉายางบเป็ดง่อย เหน็บ “จุรินทร์” ทำงาน 4 ปี ผลงานน้อยกว่า “ภูมิธรรม” ก่อนโชว์ถุงเท้าชมพู ชี้ทุกคนกู้หมด "อู๊ดด้า" ย้อนนายกฯปากไว โต้โชว์ผลงานทำ FTA เพียบ "ครูมานิตย์" ไม่อาย ประกาศตัวองครักษ์พิทักษ์ "นักโทษเทวดา" บุญคุณท่วมหัว

ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ในวันแรกว่า ก็ดี มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ได้มีการพูดจาอธิบายกันในภาษาที่ตนคิดว่าดูเป็นการสร้างสรรค์พอสมควร อาจมีบ้างเล็กๆ  น้อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แตกต่างจากการอภิปรายในสมัยก่อนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า สมัยก่อนไม่เคยฟัง ไม่ทราบ พูดไม่ได้ ส่วนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์   สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ตั้งฉายาให้เป็นงบเป็ดง่อยนั้น ตนดูเป็นสองมิติ ซึ่งมิติแรกเรื่องของวาทกรรมกับเรื่องของเจตนารมณ์ เชื่อว่าเจตนารมณ์ของผู้อภิปรายอยากให้นำไปปรับปรุง ซึ่งเป็นโอกาสที่จะเอาข้อเสนอแนะข้อติชมไปปรับปรุงในวาระ 2 และ 3 ได้

 “ส่วนเรื่องเป็ดง่อย ก็ไม่แน่ใจว่ากลอนพาไปหรือเปล่า แต่ผมมั่นใจว่าถ้าท่านพูดถึงกระทรวงพาณิชย์ที่ท่านเคยดูแลอยู่ ผมมั่นใจว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในระยะเวลา 1 ปี ทำได้มากกว่าท่านทำมา 4 ปี เพราะเรื่องของสนธิสัญญาการค้าระหว่างประเทศ เอฟทีเอซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ผมว่าเป็นที่ประจักษ์ว่าที่ผ่านมาง่อยหรือไม่ง่อย และที่เราทำตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ผมมั่นใจในตัวรัฐมนตรีของเรา และเรื่องบางเรื่องจริงๆ แล้วนโยบายใช้น้อยมาก เป็นเรื่องของการใส่ใจ อย่างเรื่องเอฟทีเอ รัฐบาลมีความตั้งใจจริง รัฐมนตรีทุกท่านมีความปรารถนาดี" นายเศรษฐาระบุ

เมื่อถามว่า สส.พรรคก้าวไกล พยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้จัดงบเดินตามรัฐบาลชุดที่ผ่านมามากไป นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของงบประมาณที่จริงแล้วมีที่มาที่ไปชัดเจนอยู่แล้ว อย่าพูดว่าเป็นรัฐบาลไหนอย่างไร อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมาจากรัฐบาลที่แล้วเราทำตาม อะไรที่ต้องมีการปรับปรุง จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องเงินดิจิทัลที่ไม่บรรจุไว้ในร่างงบประมาณ ซึ่งสวนทางกับที่พูดไว้ว่าจะไม่กู้นั้น ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นพระราชบัญญัติ กำลังคอยข้อแถลงของคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่

เมื่อถามถึงกรณีนายจุรินทร์ตั้งฉายานายกฯ เป็นนักกู้ถุงเท้าสีชมพู นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ใส่มาให้ท่านดูในวันนี้ด้วย พร้อมกับดึงขากางเกงให้เห็นถุงเท้า พร้อมกับหัวเราะและกล่าวว่า เป็นสีสัน ไม่ได้มีอะไร ซึ่งทุกคนก็กู้หมด สำคัญว่ากู้แล้วมาทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ และทำอะไรมากกว่า

จากนั้น นายเศรษฐาได้ดึงขากางเกงโชว์ถุงเท้าสีชมพูอีกครั้งให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า จะใส่สีไหนก็ทำงานได้ใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า สีไหนก็ทำได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับการทำงาน

โต้เศรษฐาปากไว

ด้านนายจุรินทร์ กล่าวตอบโต้ว่า นายกฯ ​คงฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะที่อภิปรายไม่ได้พูดถึงกระทรวงพาณิชย์ แต่พูดถึงร่าง พ.ร.บ.งบฯ ว่าเหมือนงบเป็ดง่อย เพราะมีเวลาใช้เพียง 5 เดือน จากงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ไม่สามารถนำไปสู่การกระตุ้นจีดีพีตามเป้าหมายได้ การที่นายกฯ ออกมาพูดถึงกระทรวงพาณิชย์ ตนมองว่าท่านพูดเร็วไปหน่อย หรืออาจจะปากไวไปหน่อย

"ที่บอกว่าอยู่ 1 ปี ทำมากกว่าผม 4 ปี ไม่เป็นไร เพราะผมไม่ได้ไปวิจารณ์กระทรวงพาณิชย์ แต่ที่นายกฯ พูดถึงเรื่องเอฟทีเอ ยืนยันเลยว่าในยุคที่ผมเป็น รมว.กระทรวงพาณิชย์ เราทำเอฟทีเอเยอะที่สุดยุคหนึ่ง ความสำเร็จนับตั้งแต่ RCEP ในรัฐบาลที่แล้วที่ผมนั่งเป็นประธานประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ 15 ประเทศ ทำให้ RCEP บังคับใช้ได้ ซึ่งกลายเป็นเอฟทีเอที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป 27 ประเทศ" อดีต รมว.พาณิชย์ระบุ

นายจุรินทร์ยังบอกด้วยว่า ตนเป็นเซลส์แมนประเทศตัวจริงในขณะนั้น ซึ่งเป็นคำที่นายกฯ ได้นำมาใช้อยู่ในขณะนี้ โดยตนใช้มาก่อน พร้อมออกตัวว่าถ้าพูดเรื่องเอฟทีเอ ตนไม่ขอวิจารณ์ รมว.พาณิชย์คนใหม่ แต่ถ้านายกฯ มาบอกว่า 4 ปีตนมีผลงานน้อยกว่า รมว.พาณิชย์คนใหม่

"ผมคิดว่านายกฯ ต้องระวังเรื่องข้อมูล   ไวไปมันไม่คุ้มหรอกครับ เดี๋ยวจะไปสร้างความเสียหายเหมือนกับประเด็นที่เคยเป็นมาอีก ยืนยันว่าไม่ตั้งใจตอบโต้ แต่ต้องชี้แจงให้เข้าใจ ส่วนรัฐบาลนี้มาทำงาน 3-4 เดือน แต่นายกฯ บอกว่า 1 ปีนั้น เป็นสิ่งที่นายกฯ จะต้องระมัดระวังเรื่องการคิดเร็วพูดเร็ว ไม่อยากใช้คำว่าปากไว เพราะผมก็ให้เกียรติท่าน" นายจุรินทร์ กล่าว

ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ วันแรกว่า ผิดคาด ตอนแรกคิดว่าพรรคก้าวไกลจะอภิปรายออกนอกจอ แต่ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นเชิงวิชาการ ไม่ว่านายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่มีออกไปบ้างเป็นวาทกรรมเล็กๆ น้อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การอภิปรายวันแรกถือว่าเงียบเหงาหรือไม่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นายครูมานิตย์กล่าวว่า แน่นอนเพราะเที่ยวที่ผ่านมาเปรียบเสมือนสงครามกลางสภาระหว่าง 3 ป. กับพวกตนที่อยู่พรรคเพื่อไทยและมีพรรคก้าวไกลมาร่วมด้วย เป็นเหมือนฝ่ายตรงกันข้ามอย่างชัดเจน อาจบู๊กันตั้งแต่เรื่องงบประมาณไปจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ตนได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแล สส.ของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนนายกฯ อยู่ที่ชั้นเอ็ม 1 ได้คุยกับ สส.ตลอด แต่ไม่ได้กังวลเรื่องในสภา บางช่วงโอกาสให้ สส.พรรครัฐบาลหรือฝ่ายค้านไปพบเป็นการส่วนตัวที่ห้องเพื่อนำปัญหาในพื้นที่ไปหารือ

ส่วนการอภิปรายเกือบมีการพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี​ คาดว่าจะมีอีกหรือไม่นั้น นายครูมานิตย์กล่าวว่า คิดว่าวันนี้ในสภาเขาแยกแยะออก ยกเว้นนายจุรินทร์ ที่ตนลุกขึ้นประท้วงเพราะมองว่านายจุรินทร์เป็นนักการเมืองอาวุโส หากเป็น สส.รุ่นใหม่อภิปรายคงไม่ค่อยซีเรียส เริ่มต้นมาตั้งแต่สีถุงเท้าแล้ว คนเคยเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีมาไม่กี่กระทรวงมาอภิปรายเรื่องถุงเท้าแล้วพยายามออกนอกกรอบเป็นสไตล์เดิมๆ แต่เวทีนี้ไม่เกี่ยวข้องเลยกับความเจ็บป่วยของนายทักษิณที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งจริงๆ แล้วคนป่วยที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์อยู่ในลักษณะนี้จำนวนมาก แต่นายจุรินทร์พยายามลากมา

เมื่อถามว่า ไม่ใช่ลุกประท้วงเร็วไปใช่หรือไม่ เพราะนายจุรินทร์ก็ยังไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา นายครูมานิตย์ยอมรับว่า เร็วไปนิดหนึ่ง คิดว่าประท้วงไว้ก่อน แต่เข้าใจว่าจะมี รมว.ยุติธรรมเป็นคนออกมาชี้แจงต่อ เพราะรับผิดชอบโดยตรง

ไม่อายพิทักษ์นาย

เมื่อถามย้ำว่า จะถูกทำให้มองว่าเป็นองครักษ์หรือไม่ นายครูมานิตย์กล่าวว่าแล้วแต่มุมมอง แน่นอนที่สุดในความเป็นพวกตน โดยเฉพาะตนที่มาจากผู้แทนไทยรักไทย มีนายทักษิณเป็นหัวหน้าพรรค และอยู่ในพรรคนี้มาจนถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นคนที่ตนเคารพนับถือ ก็พยายามเรียกร้องหาความเป็นธรรม 17 ปีที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ วันนี้ท่านกลับมาไทยยอมรับในกติกา เพียงแค่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ป่วย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำเรื่องถูกต้องในการเข้าโรงพยาบาล แต่ถึงเวลาหนึ่งก็พยายามพายเรือลากเข้ามาในสภา ตนว่าไม่ยุติธรรม ถามว่าตนเป็นองครักษ์หรือไม่ ตอบแบบไม่อายเลยว่าบางครั้งมีความจำเป็น เพราะนายทักษิณเป็นคนทำให้ตนมายืนตรงนี้

 “ผมคิดว่านายกฯ ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง ส่วนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรื่องย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี วันก่อนตัดสินว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ย้ายนายถวิลโดยไม่เป็นธรรม แต่วันนี้ศาลฎีกานักการเมืองกลับมาบอกว่าเป็นความชอบธรรมสามารถย้ายข้าราชการเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการทำงานได้ ถามว่าวันนี้ใครช่วยอะไรคุณยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่" นายครูมานิตย์ ระบุ

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า อยากให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านอภิปรายงบประมาณภายในกรอบ อย่าพยายามออกนอกกรอบ มิเช่นนั้นอาจมีสมาชิกลุกขึ้นมาประท้วง ซึ่งจะเสียเวลาของสภา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพรรคฝ่ายค้านโหมโรงการอภิปรายงบประมาณอย่างมีนัยทางการเมือง ทั้งๆ ที่รัฐบาลบริหารประเทศมาเพียง 3 เดือน ปราศจากงบประมาณ ผลงานที่ออกมาเป็นที่ประจักษ์กับสายตาประชาชน ดังนั้นการโจมตีว่าไร้ผลงาน การจุดประเด็นนอกเหนือจากงบประมาณมาโจมตีให้ร้าย โดยเฉพาะประเด็นนายทักษิณ ที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจ พรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นเรื่องการตีกินทางการเมืองมากกว่าการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์

 “หากมีการพูดออกนอกประเด็นงบประมาณ สส.ฝั่งรัฐบาลมีความชอบธรรม จะลุกขึ้นมาประท้วงให้อยู่ในกรอบ ขอฝ่ายค้านอย่าเล่นการเมืองแบบโบราณ ใส่ร้ายกันทางการเมืองโดยไร้หลักฐานเชิงประจักษ์ ดังนั้นอยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบงบประมาณ เพราะประชาชนจับตาดูอยู่ ดังนั้นหากอภิปรายในเรื่องงบประมาณ เชื่อการอภิปรายครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างแน่นอน” นายศรัณย์ระบุ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า พอใจการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ในส่วนของงบประมาณ พม. และขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้ตั้งข้อสังเกตในหลายประเด็น ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม เกษตร โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสังคม ซึ่งข้อสังเกตเหล่านั้นจะนำไปปรับปรุงและเร่งรัดการทำงานต่อไป รวมทั้งต้องขอบคุณนายกฯ ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาทุกมิติ เพราะหลายประเด็นที่พูดถึง ทั้งเรื่องความรุนแรงของสตรีและความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งถือเป็นกำลังใจให้กับ พม.

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายอยากให้ปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือนเท่ากันทุกช่วงวัยนั้น รมว.พม.กล่าวว่า   การขอไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุปัจจุบันที่เป็น 600, 700, 800 นั้น เราใช้เงินปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นถ้าจะปรับให้เป็น 1,000 บาทถ้วนหน้า ต้องใช้เงินมากขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากสำนักงบประมาณและรัฐบาลมีเงินพอก็เชื่อว่าอยากจะให้อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือต้องเน้นกลุ่มเปราะบาง และคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน แล้วค่อยๆ ดูแลตามลำดับความสำคัญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เริ่มฮั้วยึดเก้าอี้สว. กกต.จับตาพวกไร้คะแนน-ท็อปไฟว์/‘ทักษิณ’ส่ง‘สมชาย’ดันนั่งปธ.

ประเดิมสมัคร สว.วันแรก มีทั้งพื้นที่คึกคักและกร่อย สะพัด! กทม.เริ่มมีเรื่องฮั้ว รวมกลุ่ม “กกต.” จับตาพวกไร้คะแนนและบรรดาท็อปไฟว์

ขาสั่น 'เศรษฐา' รับกังวล ปมถูกยื่นถอดถอน

สาธารณรัฐอิตาลี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 40 วุฒิสมาชิก ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วงกับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเป็น 50 ต่อ 50 หรือ 40 ต่อ 60 และเมื่อ