ถล่มงบฯ‘เสดสา’! เด็กปชป.กรีดรัฐบาลแจกหนี้ก้อนโต/กก.ตามจิกกองทัพ

อภิปรายงบ '67 วันที่สอง   "ก้าวไกล" ถล่มงบกลาโหม ซัด "สุทินดาวน์น้อย (ลง)” แต่ซ่อนหนี้ก้อนโตผ่อนยาว รวมมูลค่า 5.78 หมื่น ล. มากกว่าปี 66 อยู่ 2-3 เท่า บอกปล่อยไปความพินาศชิ้นใหญ่รออยู่ "รอมฎอน" ฉะงบ "กอ.รมน." ซุกค่าตอบแทนพิเศษ หวั่นจ่ายบุคลากรผี "เศรษฐา" รับปากไปปรับให้งบเกิดประโยชน์สูงสุด "ปชป." แหลงใต้ถล่ม  "งบฯ เสดสา" น่าเวทนา สร้างภาพจำก่อหนี้-ถุงเท้าชมพู "สุทิน" แจงยิบทุกประเด็น ลั่นจุดยืนเดิมไม่ซูเอี๋ยกองทัพ "จุลพันธ์" โวย "ศิริกัญญา" สร้างวาทกรรมหวังจับผิด ขออย่าด้อยค่าซอฟต์พาวเวอร์ทำเพื่อจัดอีเวนต์

ที่รัฐสภา วันที่ 4 ม.ค. เวลา 09.00 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เป็นวันที่สอง ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม  โดย ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ และเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 

จากนั้น เวลา 12.21 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ชี้แจงถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า เรื่องนี้เราจำเป็น เราไม่ได้เพิกเฉยต่อเสียงของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักธุรกิจทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่สำคัญของโลก ถ้าแลนด์บริดจ์จะทำให้หลายประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย อยากลงทุนสร้างโรงงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องน้ำมัน ทำให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน นอกเหนือจากความมั่นคงทางอาหาร ทำให้เรายืนอยู่บนโลกบนความขัดแย้ง ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนถูกยกระดับขึ้นมา

ต่อมาเวลา 12.53 น. นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมว่า งบจัดซื้ออาวุธลดลงกว่า 2.4 พันล้านบาท แต่สาเหตุที่ลดลงมาจากการ “สุทิน ดาวน์น้อย (ลง)” แล้วผ่อนนานขึ้น โดยพบว่าในงบประมาณปี 66 ดาวน์ 13 เปอร์เซ็นต์ และปี 67 ดาวน์ 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากรักษาวินัยการคลังเพื่อไม่ให้ผ่อนหนักนานๆ ต้องรักษาสัดส่วนการดาวน์ให้อยู่ในระดับ 20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ยอดคลังแสงทวีสินกว่ารัฐบาลก่อน ด้วยยอดดาวน์น้อย จะทำให้ยอดก่อหนี้ผูกพันให้ผ่อนยาวๆ รวมมูลค่า 5.78 หมื่นล้านบาท มากกว่าปี 66 อยู่ 2-3 เท่า ซ่อนหนี้ก้อนโตไปไกลๆ ถ้าตรวจสอบเอารอดปีต่อปีจะมองไม่เห็น แต่ถ้ามองอนาคตเราจะเห็นความพินาศชิ้นใหญ่รออยู่

นายชยพลกล่าวถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า จีนทำผิดสัญญาเลยการส่งมอบเรือไปแล้ว 94 วัน นับแต่วันครบกำหนด (2 ต.ค.66) ถามว่านายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลัง จะทำอย่างไร และอยากทราบว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยยังเหมือนเดิมสมัยที่เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ตั้งแต่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อภิปรายไว้ในสภา และตอนนี้ได้เป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้ว จึงขอให้นายกฯฟังความเห็นของนายยุทธพงศ์ด้วย

ก.ก.ซัด กอ.รมน.ซุกงบจ่ายผี

เวลา 14.00 น. นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนหนึ่งว่า นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อปี 2547 พบว่าสถานการณ์ความไม่สงบจนถึงปัจจุบัน  เกิดขึ้นแล้วกว่า 22,296 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บกว่า 20,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 คน พบว่ารัฐใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหากว่า 5.4 แสนล้านบาท โดยในงบประมาณ 2567 พบการเสนอของบรวม 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกำหนดโครงการไว้ในแผนงานบูรณาการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคใต้ ถือว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 6.5% โดยส่วนตัวมองว่างบดังกล่าวสามารถปรับลดได้ถึง 1,032 ล้านบาท

 “เป้าหมายแผนบูรณาการดับไฟใต้เพื่อความสงบเรียบร้อยและราบคาบ แต่ผมมองว่าไม่พอ เพราะเป็นสันติภาพเชิงลบ ดังนั้นต้องเพิ่มสันติภาพเชิงบวก ได้แก่ ความยุติธรรม เพราะเงื่อนไขคนต่อต้านก่อกบฏ เพราะคนไม่รับความเป็นธรรม ต้องคุ้มครองสันติภาพ แก้ไขกฎหมาย แต่การจัดงบของรัฐบาลทำให้เกิดสันติภาพเชิงลบและเชิงลดเท่านั้น” นายรอมฎอนกล่าว

สส.พรรคก้าวไกลรายนี้ระบุว่า สำหรับงบประมาณที่ใช้ดับไฟใต้ ซึ่งกำหนดไว้นอกแผนบูรณาการ 3 ใน 4 อยู่ใน กอ.รมน. รวมกว่า 5,000 ล้านบาท เช่น งบการกำลังพลและการดำเนินงานของ กอ.รมน. วงเงิน 3,535 ล้านบาท ที่อาจเกี่ยวข้องกับบุคลากรผี ที่มีชื่อปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ แต่ไม่ได้ทำงานจริง ถือเป็นงบหล่อเลี้ยงกำลังพลที่ไม่ได้ทำงานในพื้นที่ ดังนั้นขอ กอ.รมน.ชี้แจงว่ามีคนทำงานจริงเท่าไร หรือเป็นเพียงงบที่ใช้หากินเท่านั้น

 “ผมขอตั้งคำถามไปยัง กอ.รมน. รับมือกับภัยคุกคามความมั่นคง ทำให้จำเป็นต้องมีภัยคุกคามเพื่อให้องค์กรเช่นนี้ดำรงอยู่ หากทิศทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง กอ.รมน.ก็จำเป็นต้องสกัดขัดขวางเพื่อไม่ให้การแสวงหาทางออกทางการเมืองเป็นไปได้” สส.พรรคก้าวไกลรายนี้ระบุ

นายรอมฎอนยังกล่าวว่า ในส่วนของ กอ.รมน. ยังพบมีค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน 52 หน่วยงาน รวมงบประมาณ 1,527 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้คนในพื้นที่ดำเนินการในส่วนดังกล่าว ตนมีข้อเสนอไปยังรัฐบาลที่มีนโยบายด้านยุติธรรมให้ฟื้นคดีตากใบ ที่อีก 10 เดือนจะหมดอายุความ โดยให้ริเริ่มเป็นคดีพิเศษ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงให้นายกฯ กำชับไปยังภาค 4 ส่วนหน้า กำชับให้ยุติการฟ้องปิดปากเพื่อให้การเจรจาสันติภาพเกิดขึ้นได้จริง รวมถึงเปิดพื้นที่ทางการเมือง เจรจาหาทางออกร่วมกันระหว่างคนในพื้นที่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก รวมถึงปรับลดงบประมาณที่ซ้ำซ้อนของ กอ.รมน.

เวลา 14.30 น. นายเศรษฐาลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายของนายรอมฎอนว่า  ขอบคุณสมาชิกที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับงบประมาณของ กอ.รมน. วิธีการบริหารจัดการปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลายประเด็นก็น่าหยิบยกมาพูดคุย และให้ทีมงานนำไปขยายผลต่อเพื่อปัญหาจะได้ลดลง ทั้งนี้ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่สะสมมานาน แต่ถ้าดูจากช่วงระยะหลัง เรื่องของความรุนแรงก็ลดน้อยลงอย่างมีนัย ก็ต้องขอขอบคุณ สส.และตัวแทนของพรรคการเมืองที่เข้าไปมีส่วนร่วมให้เกิดความสงบ พูดคุยกับพี่น้องประชาชนทำให้ปัญหาความรุนแรงลดน้อยลง

นายเศรษฐากล่าวว่า ใน 100 วันที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็ได้มีโอกาสลงไปในพื้นที่ โดยในเดือน พ.ย.66 นัดเจอนายกฯ มาเลเซีย พูดคุยเกี่ยวกับด้านความสงบ ความมั่นคง ความเรียบร้อย และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศของทั้งสองประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วตรงนี้เรามีการพัฒนากันมาในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสะพานสุไหงโก-ลก 2 การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การทำให้การเข้าเมืองของทั้งสองฝ่ายดีขึ้น และหลังจากที่มีการยกเลิก ตม.6 ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย 3 หมื่นคน จาก 1 หมื่นคน ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โรงแรมเต็มหมด คงไม่เป็นที่แปลกใจว่าถ้าพี่น้องประชาชนมีเงินในกระเป๋า มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรื่องปัญหาความรุนแรงก็น่าจะลดน้อยลงไป ควบคู่ไปกับการทำงานของฝ่ายความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ซึ่งทางมาเลเซียก็ชื่นชมมาว่าเรามีพลเรือนเป็นหัวหน้าทีมเจรจา และยินดีที่จะทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

"เรื่องงบของ กอ.รมน.ที่ท่านพูดถึง ผมก็จะน้อมรับไปพิจารณา พูดคุยว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้มีประโยชน์สูงสุด ส่วนเรื่องว่าถ้ามีความสงบแล้วไม่รู้ว่า กอ.รมน.จะไปทำอะไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงผมพูดคุยกับ ผบ.ทบ.เรียบร้อยแล้ว มีเรื่องหลายเรื่องที่ท่านอยากทำให้พี่น้องประชาชน เรื่องการแก้ไขอุทกภัย แก้ไขภัยแล้ง ทั้งขุดบ่อเก็บกักน้ำเมื่อมีภับพิบัติทางธรรมชาติ ท่านก็มีความตั้งใจจะออกมาช่วยกัน ลงพื้นที่ซ่อมแซม ช่วยซ่อมบ้านผู้ประสบอุทกภัย ซึ่ง กอ.รมน.ก็ให้ความใส่ใจ" นายเศรษฐากล่าว

จุลพันธ์โวย 'ศิริกัญญา' จับผิด

เวลา 15.20 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ว่า รัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขึ้นมา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้เดินเรื่องมา 2 เดือนเศษแล้ว ซึ่งประสบความสำเร็จ ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนที่อยู่ในธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างดี เรื่องของคำนิยามขอเป็นเรื่องสุดท้าย เพราะไม่ว่าจะนิยามอย่างไร มันอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และความเข้าใจระหว่างบุคคล ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่เป้าหมายหลักของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นรื่องของนิยาม แต่เป็นเรื่องการสร้างรายได้ใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนกดทับประชาชนจนไม่มีช่องทางหารายได้ใหม่ๆ 

 “เพราะฉะนั้นไม่สำคัญว่ามันจะเป็นหมูกระทะ เป็นวัวชน เรื่องของสงกรานต์ อะไรต่างๆ เราสามารถปรับเปลี่ยนและประยุกต์เพื่อจะให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เรื่องคำนิยามจึงตกไป” นายจุลพันธ์กล่าว

รมช.การคลังกล่าวว่า ถ้าประเทศไทยเดินหน้าเรื่องซอฟต์พาวเวอร์สำเร็จ ประเทศไทยจะไต่ในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์อินเด็กซ์ในระดับโลกได้อย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก ไม่ว่าจะได้อันดับ 1 หรืออันดับ 100 หากสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญมากกว่า ส่วนที่มีการมองว่าจะเป็นการจัดงบประมาณเพื่อจัดอีเวนต์หรือไม่ ตนไม่อยากให้ด้อยค่า แน่นอนว่ามันมีการจัดกิจกรรมเกิดขึ้นจริงในหลายจุด แต่มันก็ไม่ใช่ในประเด็นแรก เพราะมีการรีสกิล และอัปสกิลให้ประชาชน อีกทั้งงบประมาณตรงนี้เกิดจากภาคเอกชน จะทำให้เกิดความเข้าใจในความต้องการของภาคเอกชนโดยแท้จริง และพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่

"เป้าหมายที่วางไว้รายได้ครัวเรือนละ 200,000 บาท ใน 20 ล้านครัวเรือน ยังเป็นเป้าหมายที่จะต้องเดินไปให้ได้ใน 4 ปีข้างหน้า อันนี้เป็นความฝัน ความเชื่อ และเป็นเป้าหมายของเรา อีกทั้งรัฐบาลเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยทุกคนที่จะสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ สร้างรายได้ให้ประชาชนตามที่รัฐบาลคาดหวังด้วยงบประมาณที่มีอยู่ ด้วยกลไกภาครัฐและภาคประชาชน" รมช.การคลังกล่าว

นายจุลพันธ์ยังกล่าวกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายตั้งข้อสังเกตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ว่า พบมีความเข้าใจผิดและสร้างความสับสนให้กับสังคมในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีที่ระบุว่าคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ในปี 2566 ในเอกสารงบประมาณ 2 ชุดไม่ตรงกัน และใช้วาทกรรมว่า โกง GDP นั้น ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังที่ น.ส.ศิริกัญญาหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปราย เพราะเข้าใจว่า น.ส.ศิริกัญญามีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจมากกว่านั้น แต่กลับนำมาเป็นวาทกรรมทางการเมือง

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ปกติแล้วการคาดการณ์ GDP มี 2 รูปแบบ คือ 1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เป็นตัวเงิน หรือ Nominal GDP คือค่า GDP ที่ได้จากการคำนวณมูลค่าของสินค้าหรือการลงทุนแบบตรงไปตรงมา โดยไม่ได้นำอัตราเงินเฟ้อ เงินฝืด หรือค่าเงิน ณ ขณะนั้นมาคำนวณด้วย ซึ่งตัวเลข GDP ที่แสดงในเอกสารงบประมาณที่ 5.4% เป็นการแสดงตัวเลขการคำนวณรายได้ของสำนักงบประมาณ เป็นการทำงานโดยปกติ หน้าอื่นของงบประมาณแสดงตัวเลขเป็น Real GDP มีเพียงหน้านั้นหน้าเดียวที่โชว์เป็น nominal สาเหตุที่ต้องรวมผลกระทบเงินเฟ้อ เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณการจัดเก็บรายได้ ซึ่งเป็นตัวเลข nominal เช่นเดียวกัน ถ้าจะโกงตัวเลข ทุกหน้าก็ต้องเปลี่ยนเป็น 5.4% แต่ น.ส.ศิริกัญญากลับหยิบยกหน้านี้ขึ้นมาโดยหวังให้มีประเด็น

"ส่วน GDP ที่ 3.2% เป็นการคำนวณ GDP ในแบบที่ 2.ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง หรือ Real GDP คือ ค่า GDP ที่ได้จากการนำอัตราเศรษฐกิจต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ เงินฝืด และอัตราค่าเงินมาคิดคำนวณด้วย ซึ่งต้องให้สอดคล้องกับการจัดทำประมาณการจัดเก็บรายได้ และโดยปกติในการรายงาน GDPของทุกสำนัก จะใช้ตัวเลขนี้ ซึ่งในเอกสารงบประมาณทุกหน้าก็ใช้ตัวเลขนี้ทั้งเล่ม" นายจุลพันธ์กล่าว

สุทินลั่นไม่มีซูเอี๋ยกองทัพ

เวลา 16.30 น. นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เป็นเวลา 3-4 เดือนที่ประชาชนขึ้นเรือมากับรัฐบาลชุดใหม่ มีนายเศรษฐาเป็นกัปตันเรือ แต่สิ่งที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 น่าผิดหวัง ให้ฉายาว่าเป็นงบประมาณ “เสดสา” เป็นภาษาใต้แปลว่า ลำบาก น่าเวทนา เพราะไม่สอดคล้องกับนโยบายที่ประกาศไว้

นายร่มธรรมกล่าวว่า ไม่สามารถเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วยเหตุผล 6 ข้อคือ 1.งบประมาณไม่สอดคล้องกับนโยบายที่หาเสียงไว้ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต รถไฟฟ้า 20 บาท แก้รัฐธรรมนูญ ค่าแรง 600 บาท ซอฟต์พาวเวอร์ที่ไม่ปรากฏในร่างกฎหมายฉบับนี้ ถ้ามีก็น้อยมาก 2.จัดสรรงบไม่สมเหตุผล ส่วนใหญ่มีแต่รายจ่ายประจำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่งบลงทุนมีแค่ 20% น้อยมาก 3.งบประมาณไม่ตอบโจทย์วิกฤตประเทศ ขณะนี้ประเทศเผชิญวิกฤตสิ่งแวดล้อม แต่งบรายจ่ายปี 2567 จัดงบยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดกว่าทุกยุทธศาสตร์ มีงบสิ่งแวดล้อมแค่ 0.3% หรือ 12,000 ล้านบาท ไม่สอดคล้องกับวิกฤตปัญหาด้านมลพิษทางอากาศ น้ำเสีย ขยะ รัฐบาลไม่ให้น้ำหนักด้านสิ่งแวดล้อม 4.งบไม่กระจายสู่ท้องถิ่น งบส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไว้ที่ส่วนกลางและภูมิภาค

5.งบไม่โปร่งใส ตรวจสอบยาก 6.งบต้องคำนึงถึงหนี้สาธารณะประเทศ ปัจจุบันมีหนี้สาธารณะ 11 ล้านล้านบาท หากยังต้องกู้เงิน 5 แสนล้านบาทมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอีก ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก หากมีแต่การกู้เงินเพิ่มขึ้น เมื่อครบวาระ สิ่งที่รัฐบาลจะฝากให้ประชาชนจดจำคือ หนี้ก้อนโตกับถุงเท้าสีชมพูเท่านั้น

เวลา 17.30 น. นายเศรษฐาชี้แจงถึงการแก้ปัญหาสภาพอากาศ ยืนยันรัฐบาลชุดนี้ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกมิติ แม้กระทั่งเรื่องอากาศบริสุทธิ์ที่ทุกคนควรได้ ก็เป็นหน้าที่รัฐบาลนำส่งสิ่งเหล่านี้ให้ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่ง พ.ร.บ.อากาศสะอาด อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นนิติบัญญัติ คาดว่าจะเสนอเข้าสภาวันที่ 11 ม.ค.นี้

เวลา 18.15 น. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงงบประมาณกระทรวงกลาโหมว่า ที่ตั้งคำถามว่ายุควิกฤตในรัฐบาลปัจจุบันทำไมไม่ลดงบประมาณลง ในข้อเท็จจริงนั้นปรับลดแล้ว  แต่เป็นไปภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ของประเทศ ภัยคุกคาม ซึ่งการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง คือเพิ่มขึ้น 1.2-1.3% หากเทียบกับราคาเงินเฟ้อ หรือสัดส่วนในภาพรวมของงบประมาณแผ่นดินเหมือนกับไม่ได้ขึ้น

นายสุทินกล่าวว่า ในส่วนการปรับลดกำลังพล หากปรับลดแบบทันด่วนจะกระทบต่อขวัญกำลังใจ ดังนั้นต้องใช้เวลาในการปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้ลดเร็วกว่านี้ นายพลมี 700 คน ในปี 2570 จะลดลง 380 คน เพื่อให้เร็ว จะทำโครงการเออร์ลีรีไทร์ นายพลที่จะเข้าโครงการรวดเร็วกว่าปี 2570 ซึ่งจะไม่เพิ่มภาระทางงบประมาณ ซึ่งตนมีแผนการปรับกำลังพล คือ ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น ควบรวมหน่วยที่ภารกิจใกล้เคียงกัน และปิดอัตราไม่บรรจุเพิ่มเมื่อบุคลากรเกษียณอายุราชการ

นอกจากนี้ นายสุทินได้ชี้แจงประเด็นงดเกณฑ์ทหาร แต่ใช้วิธีการสมัครทหารเกณฑ์ ด้วยใช้มาตรการแรงจูงใจ เช่น เงินเดือนทหารเกณฑ์รับเต็มจำนวน และประเด็นเรือดำน้ำนั้นเรื่องดังกล่าวต้องเห็นใจกองทัพเรือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีน โดยได้ถามอัยการสูงสุดในข้อตกลงที่ทำไปนั้นจะยกเลิกได้หรือไม่ หรือจะเดินหน้าอย่างไร เชื่อว่าจะรอไม่เกิน 2 วัน อัยการสูงสุดจะตอบมา

รมว.กลาโหมกล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อสังเกตว่า “สุทิน ดาวน์น้อย ผ่อนนาน” ความจริงไม่มีอะไร ปีแรกต้องจ่ายล่วงหน้า 15 เปอร์เซ็นต์ 5 เปอร์เซ็นต์จ่ายทีหลัง ส่วนงบปี 67 นั้น ที่น้อยเพราะสำนักงบประมาณเป็นคนตัดเอง เนื่องจากเห็นว่าเหลือเวลาใช้งบประมาณเพียง 4 เดือน เขาไม่เชื่อว่าจัดการใช้เงินทัน ก็ลดลงเท่านั้นเอง

"ผมยืนยันไม่ลืมจุดยืนเดิมที่เคยอภิปรายตอนเป็นฝ่ายค้าน และที่ไม่ลืมอีก คืออยากทำให้กองทัพทันสมัย แต่จะพูดโครมครามไม่ได้ ขอเวลาพิสูจน์การทำงานต่อไป และไม่ซูเอี๋ยกองทัพ"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง