‘เศรษฐา’ค้างคืน24ม.ค. สว.โชว์7ประเด็นซักฟอก

เปิด 7 ประเด็น สว.ซักฟอก “รัฐบาล” คลุมทั้งดิจิทัลวอลเล็ต-ประชามติแก้ รธน.-แก้หนี้ เช็กชื่อแล้วได้ 55 คนจากเกณฑ์ต้องใช้ 84 คน “เศรษฐา” ได้ฤกษ์นอนทำเนียบฯ 24 ม.ค.นี้ เตรียมเดินสายขึ้นเหนือ-ล่องใต้ประชุม ครม.สัญจร เพิ่มศักยภาพชายฝั่งทะเลอันดามัน-แลนด์บริดจ์ รมต.เพื่อไทยเรียงหน้ากระดานแจงเหตุไขก๊อก สละเก้าอี้ สส.ให้คนรุ่นใหม่นั่ง

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เตรียมเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ระหว่างวันที่ 10-12 ม.ค.นี้ พร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เป็นต้น

โดยวันแรก มีกำหนดการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการต่างๆ ที่เชื่อมโยงระบบขนส่งและเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ โครงการก่อสร้างสนามบินล้านนา  (เชียงใหม่แห่งที่ 2) โครงการรถแดงไฟฟ้า (EV) โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบ 3 เชียงใหม่ แผนการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว 7 แห่ง การพัฒนาถนนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือ จากนั้นเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และความพร้อมปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 และสาธิตวิธีการปล่อยฝนหลวง ณ บริเวณจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กองบิน 41 อ.เมืองเชียงใหม่ เยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจุดความร้อน (Hotspot) และการทำแนวกันไฟ และเดินทางไปติดตามความคืบหน้าแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (โครงการพืชสวนโลก) อ.เมืองเชียงใหม่ วันรุ่งขึ้นไปเป็นประธานพิธีสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ณ อาคารสายธารธรรม  มหาวิทยาลัยพายัพ อ.สันทราย

นายชัย​กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงบประมาณที่ช่วยจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พร้อมกำชับว่ารัฐบาลนี้เพิ่งเข้ามา การตั้งหลักทำงบประมาณก็ยังไม่เต็มร้อย และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ขณะนี้ที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้ทุกหน่วยงานที่จะเสนองบประมาณ ให้นำนโยบายของรัฐบาลมาเป็นจุดเน้น และมีตัวชี้วัดในการดำเนินแผนงานโครงการ ส่วนจะเพิ่มหรือลดงบประมาณนั้น ก็ต้องต้องอธิบายเหตุผลและความจำเป็น​ได้ นายกฯ ยังสั่งให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐที่มีการตั้งงบประมาณเพื่อจัดหาระบบคลาวด์​ ชะลอออกไปก่อนเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล หรือ National Cloud นอกจากนี้ยังมอบนโยบายว่า หลังจากนี้ในรัฐบาลจะไม่มีการต่ออายุเกษียณอายุราชการ เกษียณแล้วเกษียณเลย

นอนทำเนียบฯ 24 ม.ค.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า วันแรกที่จะนอนทำเนียบรัฐบาลคือวันที่ 24 ม.ค.นี้ ส่วนเหตุผลที่เลือกวันที่ 24 ม.ค.เพราะเป็นวันที่มีฤกษ์ดี และเป็นวันที่ไม่ได้เดินทาง เพราะที่เคยบอกไปแล้วระหว่าง 14-19 ม.ค. มีภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์ และ 19-21 ม.ค. มีภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงเลือกวันพุธที่ 24 ม.ค.เป็นวันที่ฤกษ์ดี แล้ววันรุ่งขึ้นก็จะทำงานต่อ ส่วนจะพักค้างคืนต่อเนื่องยาวเลยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "ไม่ครับ ไม่แน่นอน"

นายเศรษฐายังกล่าวถึงการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ช่วงปลายเดือน ก.พ.ว่า เป็นการลงพื้นที่ตามปกติ  ไม่ได้นอนในค่ายทหาร นอนโรงแรมธรรมดา และไปดูแลเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่ได้พูดถึงเรื่องปัญหาอะไร จะไปดูเรื่องการสร้างโอกาสมากกว่า และลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อยากจะพูดเรื่องของโอกาส ไม่อยากพูดเรื่องของปัญหา อยากให้เป็นเรื่องสร้างสรรค์เชิงบวก ซึ่งต้องเห็นใจประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหามาเยอะแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะลงไปก็ต้องมีการเคลียร์แล้วว่าพื้นที่ที่จะไปมีความปลอดภัย ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 2 จ.ระนองนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพจังหวัดที่อยู่ชายฝั่งทะเลอันดามัน รวมถึงจะไปดูโครงการแลนด์บริดจ์และแหล่งท่องเที่ยวใหม่

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ได้แสดงความจำนงต่อผู้บริหารพรรคเพื่อไทยในการลาออกจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ โดยจะมีผลตามกฎหมายในวันที่ 15 ม.ค. เปิดทางให้คนรุ่นใหม่ของพรรคได้เข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร เพื่อขับเคลื่อนงานนิติบัญญัติแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ส่วนกระแสข่าวว่าการลาออกจากตำแหน่ง สส.จะเป็นเงื่อนไขทำให้ได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปได้อย่างต่อเนื่องนั้นไม่ใช่เรื่องจริง นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า ภายหลังที่่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ซึ่งมี สส. 3 คนที่โหวตสวนมติ ได้ติดต่อมาพูดคุยเพื่อขอโทษอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านได้พูดคุยกับนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเดิมเป็นโควตา กมธ.ของพรรคก้าวไกล ที่มอบให้พรรคไทยสร้างไทยมา นายฐากร ได้แจ้งขอคืนตำแหน่งประธาน กมธ.อว.ให้พรรคก้าวไกล ก่อนกำหนดที่คุยกันไว้แล้ว

 โดยนายปกรณ์วุฒิยืนยันว่า พร้อมร่วมงานกับ 3 สส.ไทยสร้างไทยที่โหวตสวนมติวิปฝ่ายค้านและพรรคการเมืองต่างๆ ด้วย ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเล็ก แต่ในส่วนของนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่โหวตสวนมติฝ่ายค้านเช่นกันนั้น ยังไม่เคยพูดคุยถึงการทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกันอย่างเป็นทางการ และจากการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายสุรทินไม่ได้อยู่ร่วมกับฝ่ายค้าน ซึ่งไม่เป็นไรก็อยู่กันเท่าที่มี

เปิด 7 ประเด็นซักฟอก

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการเตรียมเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 โดยมีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.  และนายจเด็จ อินสว่าง สว.เป็นแกนนำ ล่าสุดมีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของญัตติดังกล่าวว่า รัฐบาลของนายเศรษฐาบริหารราชการแผ่นดิน  4 เดือน แต่ไม่ได้แก้ปัญหาสำคัญตามนโยบายที่แถลง รวมถึงปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นภายหลังจากการแถลงนโยบาย ดังนี้

1.ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องประชาชน  อาทิ การสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้ประชาชน รวมถึงการแก้ปัญหาความยากจน ที่ตั้งคำถามถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม, สภาพปัญหาการทำนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่สร้างภาระหนี้ให้ประชาชน, การแก้หนี้นอกระบบ ที่ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาต้นตอในระดับครัวเรือน, การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมประมง, การสร้างรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติ

2.ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย อาทิ การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษา ที่สะท้อนกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน, การทุจริตคอร์รัปชัน ยาเสพติด, การลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์,  การเปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุน จะรับมืออย่างไร

3.ปัญหาด้านพลังงาน อาทิ การจัดการราคาค่าไฟฟ้า  ก๊าซหุงต้ม และน้ำมัน ปัญหากลุ่มทุนพลังงานที่มีอิทธิพลต่อการเมือง ส่งผลให้ประชาชนแบกรับภาระต้นทุนราคาเชื้อเพลิง ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน 4.ปัญหาการศึกษาและสังคม อาทิ การปฏิรูปการศึกษาผ่านร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ, การแก้ปัญหาหนี้สินครู การจัดหลักสูตรการศึกษาให้ประชาชนเข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, ปัญหาการดูแลผู้สูงวัย ผู้พิการ  และผู้ด้อยโอกาส

5.ปัญหาการต่างประเทศและท่องเที่ยว อาทิ ปัญหาจีนเทาที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, การไม่เลือกข้างความขัดแย้งของรัฐบาล, มาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว 6.ปัญหาการแก้รัฐธรรมนูญ  ความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวที่ต้องอธิบายการดำเนินการ โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนและการพัฒนาประเทศ และ 7. ปัญหาการปฏิรูปประเทศ  แนวทางของรัฐบาลต่อการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเข้าชื่อของ สว.เพื่อเสนอญัตติดังกล่าวต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องใช้เสียงสนับสนุน 1 ใน 3 ของ สว.ที่มีอยู่ หรือ 84 คนนั้น ล่าสุดหลังจากเปิดให้ สว.ร่วมกันลงชื่อตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 9 ม.ค. ช่วงเวลา 14.00 น. มียอดผู้ลงชื่อแล้ว 55 คน โดยมีทั้ง สว.สายพลเรือนและสายทหาร

ที่รัฐสภา วันเดียวกันมีการประชุมวุฒิสภา โดยมี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีการพิจารณาเรื่องด่วน การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จำนวน 45 คน เพื่อพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2567 โดยมีรายชื่อ กมธ. อาทิ นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์, นายคำนูณ  สิทธิสมาน, นายเจน นำชัยศิริ, นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน,  พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช, นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ โดยมีระยะเวลาพิจารณา 10 วัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' จ่อเคลียร์ใจ 'ปานปรีย์' ชวนนั่งกุนซือพรรค ไม่รู้ 'นพดล' เสียบแทน

'เลขาฯ เพื่อไทย' รับต้องคุย 'ปานปรีย์' หลังไขก๊อกพ้น รมว.ต่างประเทศ แย้มชงนั่งที่ปรึกษาพรรค มั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม ปัดวางตัว 'นพดล' เสียบแทน ชี้ 'ชลน่าน-ไชยา' หน้าที่หลักยังเป็น สส.