ซักฟอกวิกฤต7ด้าน 98สว.ยื่นอภิปรายรัฐบาลจวก4เดือนไม่ทำตามที่แถลงไว้

"เสรี" นำทีม สว. 98 รายชื่อ ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายตาม ม.153 ชี้ปัญหาวิกฤต 7 ด้าน 4 เดือนรัฐบาลยังไม่ดำเนินการตามที่แถลงไว้ ทั้งด้านเศรษฐกิจปากท้อง เงินดิจิทัลวอลเล็ตสร้างภาระหนี้ การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษา 2 มาตรฐาน ปัญหาพลังงานเอื้อกลุ่มทุน จีนเทา แก้ รธน. ปฏิรูปประเทศ เผย 98 สว.มีทั้งทหาร-พลเรือน "เสรี" ยันไม่ได้หวังล้ม เชื่อเป็นผลบวกในทางปฏิบัติให้ รบ.นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน "พรเพชร" ขอตรวจสอบก่อนประสาน ครม.เคาะวันประชุม

ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. วันที่ 22 มกราคม นายเสรี  สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมด้วย สว. อาทิ นายสมชาย แสวงการ, นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม, นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน, ว่าที่ร้อยตรีวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี,  นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เข้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ. 2560 มาตรา 153 พร้อมรายชื่อ สว.ที่ร่วมลงชื่อในญัตติจำนวน 98 คน ยื่นต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย  ประธานวุฒิสภา

โดยนายเสรีกล่าวว่า ที่เราต้องยื่นอภิปรายเนื่องจากประเทศกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตทั้ง 7 ด้าน ยืนยันว่าไม่ได้เลือกอภิปรายตามบุคคล ไม่ได้เลือกซักฟอกตามรัฐบาล เพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้ก็เป็น ครม.เดียวกับชุดที่แล้ว และคาดหวังว่าการอภิปรายในสภาจะเป็นผลบวกในทางปฏิบัติ เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน โดยปัญหาที่เรานำมายื่นอภิปรายรัฐบาล ได้แก่ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ที่ทางรัฐบาลควรแก้ปัญหาได้เร็วและดีกว่านี้ แต่กลับวนเวียนอยู่กับการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต และอาจทำไม่สำเร็จเนื่องจากมีปัญหาตามมาเยอะ ซึ่งปัญหาเรื่องปากท้องเป็นเรื่องสำคัญตามที่รัฐบาลเคยพูดมาโดยตลอด แต่ 4 เดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม

นายเสรีกล่าวต่อว่า อีกข้อที่สำคัญคือ กระบวนการยุติธรรม ที่หากรัฐบาลไม่สามารถรักษามาตรฐานความเป็นธรรม เลือกปฏิบัติ หาช่องหาผลประโยชน์ให้คนบางกลุ่ม  ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัญหาใหญ่ในบ้านเมือง และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรอว่าบริหารมาเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องปัจจุบันที่สามารถนำมาพูดกันได้

เมื่อถามว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรมอาจมีการโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำเป็นต้องอภิปรายก่อนที่นายทักษิณจะได้รับการพักโทษหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เน้นตัวบุคคล แต่เราเน้นในหลักการ ดังนั้นจะเปิดอภิปรายก่อนหรือหลังไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าจะยึดหลักยุติธรรมให้เป็นธรรมได้แค่ไหน ซึ่งเราไม่ควรให้เกิดปัญหาในเรื่องนี้ขึ้น เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า กระบวนการยุติธรรมจะต้องใช้ได้กับทุกคนเท่าเทียมกัน

นายเสรีกล่าวว่า ตนตั้งใจไว้ว่าจะอภิปราย 2 วัน ส่วนใครจะเป็นผู้อภิปรายนั้น อยู่ที่ว่าใครจะมาแสดงความจำนง  ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้สนใจจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ต้องแสดงความชัดเจนเพื่อที่จะสามารถจัดลำดับได้

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของ สว.เกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากมีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ตรงกัน นายเสรีกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือวัตถุประสงค์ที่จะแจกเงินดิจิทัล โดยให้เหตุผลว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ซึ่งก็มีคำถามว่าแล้วกระตุ้นได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้สำหรับการแจกเงิน 10,000 บาทนั้น ประชาชนเชื่อว่าไม่ว่าจะแจกในรูปแบบใด เดี๋ยวก็ใช้หมดในเวลารวดเร็ว และเงินที่จะนำมาแจกนั้นมีที่มามาจากไหน กู้มาหรือไม่ มีดอกเบี้ยหรือไม่  ซึ่งเป็นภาระของประเทศจำนวนมหาศาล อีกทั้งนโยบายนี้เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเฉพาะจาก ป.ป.ช.ที่ระบุว่าเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง

"ฉะนั้นรัฐบาลต้องคิดให้ดีว่า การเป็นหนี้ 5 แสนล้านบาท หากนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนกับประชาชนอย่างยั่งยืน จะสามารถช่วยให้ประชาชนดำรงชีวิตได้ดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องนำมาพูดในสภาฯ" นายเสรีกล่าว

ได้อภิปรายช่วงเดือน ก.พ.

ขณะที่นายพรเพชรกล่าวว่า กระบวนการในการส่งหนังสือฉบับนี้ไปให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งจะตรวจสอบข้อมูลที่ระบุมาว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ และต้องประสานงานไปยัง ครม.ในการมาชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นต้องให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาไปประสานงานกับ ครม.ว่าประสงค์จะมาชี้แจงในเวลาใด และใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องรายงานกลับมาที่ตนว่า ครม.มีความพร้อมหรือไม่ ดังนั้น กระบวนการจะเริ่มตั้งแต่วันนี้

เมื่อถามว่า การอภิปรายในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุดใช่หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ถ้าเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินก็สำคัญ เพราะไม่งั้นคงไม่เข้าหลักตามรัฐธรรมนูญ ให้ ครม.ชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนเรื่องอื่นๆ ตนจะต้องไปตรวจสอบอีกที

เมื่อถามว่า จะเป็นผลงานชิ้นโบแดงทิ้งทวนก่อนหมดสมัยใช่หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ตนไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ แต่คิดว่าการทำงานของ สว.เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และถ้าสามารถรวบรวมรายชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายได้ ก็ยังอยู่ในกรอบการดำเนินงานของรัฐสภา จึงไม่มีปัญหาอะไร

 “จะโบแดงหรือโบขาวทุกคนก็จะตระหนักได้เอง ผมเข้าใจความประสงค์ของสมาชิกว่าต้องการทำให้เกิดประโยชน์” นายพรเพชรกล่าว

เมื่อถามว่าจะแจ้งให้รัฐบาลทราบเมื่อไหร่ นายพรเพชรกล่าวว่า คงแจ้งทันทีไม่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้ดูญัตติเลย ต้องขอดูก่อน ส่วนวันอภิปรายสมาชิกอยากได้ในช่วงเดือน ก.พ. ก็จะดูให้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนขั้นตอนธุรการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะจัดการให้ แต่เรื่องกรอบเวลาตนกับผู้เสนอจะเป็นคนประสานงานกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาในญัตติดังกล่าว ระบุว่า ครม.ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 66 และได้เข้าบริหารราชการแผ่นดิน มาจนถึงบัดนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประมาณ 4 เดือน รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาสำคัญตามนโยบายที่แถลงไว้ รวมถึงปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้แถลงนโยบายไปแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 7 หัวข้อ คือ 1.ปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติและปัญหาปากท้องของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นแนวทางในการสร้างงานสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืน การทำให้ประชาชนมีรายได้และมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และเป็นการแก้ปัญหาความยากจน รัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างไร รวมถึงสภาพปัญหาการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ชอบด้วยกฎหมายและไม่สร้างภาระหนี้สินให้ประชาชน จะดำเนินการได้จริงหรือไม่ รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลทำอยู่ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาจากต้นตอ

2.ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษา ที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยพวกพ้องหาผลประโยชน์ส่วนตัว สร้างมาตรฐานในกระบวนการที่บิดเบี้ยว  ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ไม่เท่าเทียม การทุจริตคอร์รัปชัน ยาเสพติดและการพนัน รวมไปถึงการแก้ปัญหาปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ การเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรรมอาจเอื้อประโยชน์แก่นายทุน รวมถึงแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด ที่ยังไม่เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม  มาตรการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับส่วย หรือการหาผลประโยชน์ทุกกรณี จะแก้ปัญหาจริงจังและเป็นรูปธรรมอย่างไร การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจะทำให้มีประสิทธิภาพอย่างไร

3.ปัญหาด้านพลังงาน ไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างปัญหาของประเทศ และการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม และน้ำมัน นอกจากนั้นจะแก้ปัญหากลุ่มทุนพลังงานมีอิทธิพลกับการเมือง ทำให้กลุ่มทุนกำหนดราคาพลังงานในอัตราที่สูงเกินความจำเป็น จนทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระราคาเชื้อเพลิงที่สูงเกินจริง

98 สว.สายทหารพรึ่บ

4.ปัญหาด้านการศึกษาและสังคม ไม่เร่งปฏิรูปการศึกษา เพิกเฉยต่อการผลักดันการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพื่อให้เป็นกฎหมายบังคับใช้เป็นแม่บทในการพัฒนาการศึกษาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่เร่งรัดและปล่อยปละละเลยการแก้ปัญหาการปรับโครงสร้างของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่งหลังจาก พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้มีผลบังคับใช้มาเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ไม่สามารถปรับโครงสร้างได้ ทำให้เกิดผลเสียต่อการศึกษาอย่างร้ายแรง รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งรัฐบาลยังไม่สามารถทำงานให้เป็นรูปธรรม และแก้ปัญหาผู้สูงวัย ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส และการรักษาพยาบาล การสาธารณสุข

5.ปัญหาด้านการต่างประเทศและการท่องเที่ยว รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไรกับผู้กระทำความผิดที่เป็นจีนเทา  เพราะจะกระทบกับความสัมพันธ์และความรู้สึกของชาวจีน  รวมถึงการวางตัวเป็นกลาง และการเลือกข้างของรัฐบาล กับความขัดแย้งของประเทศต่างๆ จะวางตัวอย่างไรให้เหมาะสม และมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย

6.ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการทำประชามติ ต้องมีความชัดเจน  เพื่ออธิบายให้ได้ว่ามีความจำเป็นในการดำเนินการอย่างไร โดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศได้อย่างไร และ 7.ปัญหาการดำเนินการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่วุฒิสภาได้เสนอแนะเร่งรัดต่อรัฐบาลไปแล้วนั้น รัฐบาลมีนโยบายและแนวทางดำเนินการตามข้อเสนอแนะอย่างไร

ในท้ายญัตติระบุด้วยว่า ปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่เร่งด่วน ที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการและแก้ไขปัญหาโดยทันที เพราะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมทั้งไม่บรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า  ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การยื่นญัตติดังกล่าวเป็นการยื่นเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการหรือดำเนินการล่าช้าในการแก้ไขปัญหาสำคัญตามนโยบายที่ได้แถลงไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สว.ทั้ง 98 คนที่ร่วมลงชื่อในญัตติดังกล่าวมาจากทุกสาย ทั้ง สว.ที่มาจากสายทหาร  อาทิ พล.อ.อู้ด เบื้องบน, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป, พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์,  พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร, พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ ด้าน สว.จากพลเรือน อาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์, นายจเด็จ อินสว่าง, นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน, นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม, นายถวิล เปลี่ยนศรี, นายสมชาย แสวงการ, นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์, นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ด้านสายนักธุรกิจมีอาทิ นายเจน นำชัยศิริ ด้านสายนักวิชาการ ได้แก่ นายแพทย์อําพล จินดาวัฒนะ จากสายข้าราชการ  คือ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล, นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นต้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ได้มาขอถอนรายชื่อก่อนที่คณะจะยื่นต่อประธานวุฒิสภา แต่มีนายสมชาย เสียงหลาย มาขอเพิ่มเติมรายชื่อ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง