เชิญ‘สี’เยือนไทย จ่อส่งหมีแพนด้า เชื่อมสัมพันธ์อีก

สื่อจีนเผย "หวัง อี้" เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ระหว่างเยือนไทย พบ รมว.กต.ลงนามยกเว้นวีซ่า ทำให้สองประเทศผูกพันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น "เศรษฐา" จ่อเชิญ “สี  จิ้นผิง” เยือนไทยกระชับความสัมพันธ์ 50 ปี ขอเพิ่มไฟลต์บินเข้าไทยหลังหดหายช่วงโควิด หวังวีซ่าฟรีกระตุ้นท่องเที่ยว พร้อมเป็น ปท.กลางให้อเมริกา-จีนคุยกัน เผย “หวัง  อี้” รับปากส่ง "แพนด้า" มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นทูตสันถวไมตรีเชื่อมสัมพันธ์อีกครั้ง

สำนักข่าวซินหัวของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายงานว่า  เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ม.ค. นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ กรุงเทพมหานคร

นายหวังกล่าวว่า เขาได้พบปะกับนายปานปรีย์  พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศของไทยเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อการประชุมหารือประจำปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติสำคัญว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

นายหวังกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายลงนามข้อตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน พร้อมเสริมว่าจีนและไทยมีความใกล้ชิดสนิทสนมดังครอบครัวเดียวกัน และการแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ทั้งสองประเทศผูกพันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นายหวังกล่าวว่า กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นสหายที่ดีและเพื่อนเก่าของประชาชนชาวจีน โดยพระองค์ทรงเคยได้รับเหรียญมิตรภาพและเสด็จฯ ไปเยือนจีนมากกว่า 50 ครั้ง  ซึ่งส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนสองประเทศ และพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพจีน-ไทย

สำนักข่าวซินหัวรายงานอีกว่า หวัง อี้ กล่าวว่า จีนชื่นชมไทยที่ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว

นายหวังกล่าวถ้อยคำดังกล่าวระหว่างพบปะกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ในกรุงเทพฯ โดยระบุว่า จีนมองไทยมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสมอมา ในการสานสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน

นายหวังเสริมว่า จีนยินดีที่ได้เห็นไทยมีบทบาทเชิงบวกในเสถียรภาพระดับภูมิภาคและสันติภาพของโลก

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 ม.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายหวัง อี้ เข้าเยี่ยมคารวะว่า ได้มีการประชุมชั่วโมงกว่ากับ นายหวัง อี้ ซึ่งท่านได้เดินทางมาตั้งแต่ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และมีการพูดคุยกันในหลายมิติ โดยมีการเซ็นสัญญาระหว่างนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรีของทั้งสองประเทศในการเดินทางไปมา เริ่มต้นวันที่ 1 มี.ค. เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เป็นความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ที่ทั้งสองประเทศมีให้กันและมิตรภาพที่มีต่อกันมา ซึ่งจะครบ 50 ปีในปีหน้านี้ ถือเป็นมิติที่ดีในการที่เราจะสนับสนุนการไปมาหาสู่กันระหว่างสองประเทศ

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า เรื่องการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องความสำคัญกับเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างสูง ได้มีการพูดคุยกัน นายหวัง อี้ บอกว่าประเทศจีนมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย อยากให้นักท่องเที่ยวไทยไปด้วย ซึ่งตรงนี้ตนยืนยันว่าเราสนับสนุนการเดินทางไปมาของประชาชนทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังบอกไปด้วยในเรื่องของจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับเข้ามาสู่จำนวนปกติ ซึ่งก่อนโควิด-19 ไม่แน่ใจจำนวนอาจจะประมาณ 2,000 ไฟลต์ ปัจจุบันเหลือแค่ 1,200 ไฟลต์ ก็จะมีการยกระดับการเดินทางของทั้งสองประเทศเพื่อให้การไปมาหาสู่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และเริ่มมั่นใจว่าอนาคตอันใกล้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสูงขึ้น ขณะที่ประเทศไทยจะไปท่องเที่ยวประเทศจีนที่มีวัฒนธรรมอันดีงามด้วย จะเป็นผลดีของทั้งสองประเทศ

"ประเทศไทยยืนยันเจตนารมณ์ว่า เราให้การสนับสนุนการเป็นประเทศกลาง ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนได้มีการพูดคุยกันในหลายๆ มิติ และต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุนให้มีการเจรจาในลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยตอนที่ดำริว่าจะมีการพูดคุยกันก็บอกให้เป็นประเทศในเอเชีย ซึ่งจีนเลยบอกว่าเป็นประเทศไทย นั่นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่เรามีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทำให้เขาเลือกประเทศไทย ถือเป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกก็ว่าได้ เป็นที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย"

นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ ทั้งเรื่องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่แค่รถอีวีอย่างเดียว ส่วนมูลค่าทางการค้าคาดเดาไม่ได้ว่าจะเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ จะเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น จากการที่เรามีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน และปีหน้าจะครบ 50 ปี ตนได้เรียนเชิญนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาเยือนประเทศไทยด้วย

เมื่อถามถึงความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน นายเศรษฐา กล่าวว่า มีแผนงานอยู่แล้ว ขอให้แผนงานทั้งหมดออกมาเป็นรายละเอียดแล้วจะแถลงให้ทราบอีกที

นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้หารือกับนายหวัง อี้ ที่ผ่านมาสวนสัตว์เชียงใหม่เคยมีหมีแพนด้า แต่ปัจจุบันไม่มี และบังเอิญจริงๆ 2-3 วันที่ผ่านมาตนได้ดูใน x ประเทศใดยังมีหมีแพนด้าอยู่ ซึ่งไล่ลงมาแล้วประเทศไทยเป็นศูนย์ ซึ่งไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนที่ดีสำหรับด้านความสัมพันธ์ทางด้านการทูตที่ดีที่เรามีมากับประเทศจีน ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงได้เรียนขอกับนายหวัง อี้ ซึ่งท่านยินดีให้การสนับสนุน เราก็จะมีหมีแพนด้ากลับมาอีกครั้งนึง  มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ส่วนเมื่อไหร่นั้นก็คาดว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง