เขย่าขวัญ‘พิธา-ก้าวไกล’ ชงปธ.สภาสกัด‘ธนาธร’

เขย่าขวัญ "พิธา-ก้าวไกล" ต่อเนื่อง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตา 31 ม.ค. “สมชาย” ตามขยี้ ไม่หลุดบ่วงคดีหนักรอรัดตัว ชี้ชัดเสนอยกเลิก ม.112 เจตนาล้มล้างการปกครอง ไม่ใช่ปฏิรูป ขณะที่ "หมอวรงค์" ดักคอก๊วนก้าวไกลดิ้นพล่าน 2 ช่องทางหลังอ่านคำวินิจฉัย สภายื่น "วันนอร์" วุ่นสกัด "ธนาธร" ยุ่มย่ามเก้าอี้ กมธ. "ไอซ์-รักชนก”  หายใจโล่งยกฟ้องหมิ่น 2 พิธีกรดังท็อปนิวส์

เมื่อวันจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า  "(ep.2) เหตุใดคดีที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่ถูกนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในพุธที่ 31 ม.ค. 2567 นี้ จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกวินิจฉัยให้มีความผิด หรือให้ยุติการกระทำตามคำร้อง  และอาจนำไปสู่การร้องดำเนินคดีที่หนักขึ้น ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลเข้าชื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรถึง 2 ครั้ง แต่ถูกประธานสภาฯ สั่งไม่ให้บรรจุวาระด้วยขัดรัฐธรรมนูญ ยังถูกขับเคลื่อนต่อในนโยบายพรรคและการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

โดยหากพิจารณาในเนื้อหาที่ยกร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ยิ่งชัดเจนในการลดมาตรการในกฎหมายคุ้มครองพระประมุข ในเกือบทุกมาตราลงจนอาจต่ำกว่ากฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไปด้วยซ้ำ สอดรับควบคู่กับการเคลื่อนไหวต่างๆ ขององค์กรเครือข่ายต่างๆ ที่เสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว รวมถึงการอภิปรายในเวทีต่างๆ การใช้สิทธิ สส.ประกันตัวผู้ต้องหามาตรา 112 ฯลฯ"

 “ทำให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19/2564 ที่สั่งการให้ผู้ถูกร้องและองค์กรเครือข่ายหยุดการกระทำดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เพราะการกระทําของผู้ถูกร้องแสดงให้เห็นมูลเหตุจูงใจว่าการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ มีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป” นายสมชายระบุ

นายสมชายระบุด้วยว่า การใช้สิทธิหรือเสรีภาพของผู้ถูกร้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต เป็นการละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ส่วนตัวจึงมีความเห็นว่าร่างแก้ไขมาตรา 112 นี้ อาจเป็นพยานหลักฐานอีกชิ้นสำคัญที่ถูกยื่นไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญ และมีน้ำหนักที่อาจทำให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลมีความสุ่มเสี่ยงในคดีเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสมชายได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ep.1 เหตุใดคดีที่พิธาและพรรคก้าวไกลที่ถูกนายธีรยุทธร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในพุธที่ 31 ม.ค. 2567 จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกวินิจฉัยให้มีความผิด หรือให้ยุติการกระทำตามคำร้อง และอาจนำไปสู่การร้องดำเนินคดีที่หนักขึ้นในก้าวต่อไป"

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีใจความช่วงหนึ่งว่า "ผมอยากให้พี่น้องลองไปค้นร่างที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอสภาฯ และตอนนี้ร่างนี้ยังอยู่ในสภาฯ ยังไม่ได้ถูกถอดถอนออกมา ในร่างที่เสนอแม้ชื่อร่างจะเขียนว่า ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา…. แต่ในมาตรา 4 ของร่างเขา เขียนไว้ชัดเจนว่า 'ให้ยกเลิกมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา….'

นพ.วรงค์ระบุว่า นี่ยังไม่นับรวมสาระสำคัญหลายๆ รายการที่มีการแก้ไข เช่น การลดโทษเหลือไม่เกิน 1 ปี สำหรับพระมหากษัตริย์ และไม่เกิน 6 เดือนสำหรับพระองค์อื่นๆ โดยไม่มีโทษขั้นต่ำ ที่สำคัญคือการยอมความกันได้  การย้ายจากหมวดความมั่นคงไปสู่หมวดใหม่ ห้ามประชาชนไปร้อง ต้องเป็นสำนักพระราชวัง รวมทั้งมีเหตุไม่ต้องรับโทษ  ท่านแน่ใจหรือว่า นี่ไม่ใช่การล้มล้างแบบแยบยล ค่อยๆ  เซาะกร่อน ทำลายช้าๆ สามารถเล็งเห็นผลได้ในระยะยาว

 “การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะสำคัญมาก ถ้าศาลชี้ว่าไม่ล้มล้างฯ คนเหล่านี้พร้อมเครือข่ายคงได้ใจ และกล้าออกมาขย่มสังคมไทยเต็มที่ เพราะได้รับคำรับรองจากศาลรัฐธรรมนูญ สังคมไทยอาจถึงจุดที่ทนไม่ได้ก็ได้ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าศาลชี้ว่าล้มล้างฯ บางคนกังวลว่า เขาจะไปปั่นกระแสว่าถูกกลั่นแกล้ง การเลือกตั้งครั้งใหม่จะมาถล่มทลาย ผมกลับมองว่าถ้าเรายึดหลักกฎหมายที่ดี จะไปกลัวอะไร ผิดคือผิด ถูกก็คือถูก ขอให้บังคับใช้กฎหมายแบบตรงไปมา ประเทศก็จะอยู่รอดได้ ที่มีปัญหาวันนี้เพราะไปกลัวจนไม่บังคับใช้กฎหมาย” นพ.วรงค์ระบุ

ที่รัฐสภา นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้มีการตรวจสอบการแต่งตั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็น กมธ.พิจารณาศึกษาโอนกองทัพให้อยู่ในการดูแลของหน่วยงานอื่น

โดยนายสนธิญากล่าวว่า นายธนาธรถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ขณะนี้ยังไม่ครบกําหนด และยังเป็นผู้ต้องหาคดีรุกป่า รวมไปถึงคดีมาตรา 112 โดยตนจะไปยื่นให้นายวันมูหะมัดนอร์พิจารณาว่า การแต่งตั้งนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ  หรือเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยเรื่องจริยธรรม ปี 2563 ที่ใช้บังคับกับ สส.และ กมธ.หรือไม่

นายสนธิญากล่าวว่า นอกจากนี้ตนขอถามผ่านนายวันมูหะมัดนอร์ ไปยังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคก้าวไกล จากกรณีถือหุ้นไอทีวีให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยนายพิธาระบุว่าเสียเวลาไป 6 เดือน พร้อมถามหาความรับผิดชอบ ทั้งนี้ตอนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นให้ตีความ กรณีการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลใช้เวลาพิจารณา 1 เดือนครึ่ง ขอถามกลับว่าใครจะรับผิดชอบ

 “ขอถามนายพิธาว่าเงินเดือน สส.ของนายพิธา รวมไปถึงเงินสำหรับผู้ช่วย ผู้ชำนาญการ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ทั้งหมด 6 เดือน เป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาท นายพิธาจะรับหรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าตลอดเวลา 6 เดือนได้ทํางานหรือไม่ และควรสร้างบรรทัดฐานใหม่ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน รวมถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่สภา จะมีการนำเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี  ที่มีคดีมาตรา 112 และหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ มารวมในกฎหมายด้วยหรือไม่” นายสนธิญาระบุ

วันเดียวกัน ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่ น.ส.อัญชะลี  ไพรีรัก (อดีตพิธีกรช่องท็อปนิวส์) และนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรช่องท็อปนิวส์ ได้ยื่นฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก  สส.เขตบางบอน-หนองแขม พรรคก้าวไกล ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา  ต่อมาเวลา 09.00 น.เศษ น.ส.รักชนกให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษาว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลบอกว่าคำพูดอาจจะมีความหยาบคายอยู่บ้าง แต่ว่าได้พิเคราะห์พิจารณาแล้วว่าเป็นการติชมโดยสุจริต ซึ่งคดีนี้โจทก์ทั้ง 2 ได้เรียกค่าเสียหายมาคนละ 10 ล้านบาท ศาลก็พิพากษาว่าในเมื่อไม่มีความผิดทางอาญาก็พิพากษาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายทางแพ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง