อิ๊งค์นัดเลี้ยงสส.รัฐบาล สว.ขู่เทซักฟอกยื่นปปช.

"อุ๊งอิ๊ง" เจ้าภาพจัดดินเนอร์มื้อค่ำ สส.พรรคร่วมรัฐบาล 13 ก.พ.นี้  ขณะที่ 20 ก.พ. "เศรษฐา-พรรคร่วมฯ" นัดฟาดแข้งสื่อมวลชนกระชับมิตร  “ภูมิธรรม” ลั่นไม่คิดหนีวงอภิปราย สว.  ย้ำนายกฯ กลับจากยุโรปกลาง มี.ค. สงสัยอะไรยินดีตอบ อยู่ที่วิปกำหนดวัน   ด้านบี้ "พรเพชร" บรรจุวาระด่วนขู่หาก รบ.เบี้ยวฟ้อง ป.ป.ช.ผิด ม.157 ครม.ยกคณะแน่ “พริษฐ์” เชื่อ “พิธา” ไม่หลุด สส. แม้ศาลสั่งฟันคดีชุมนุมสกายวอล์ก ชี้หากพ้นโทษแล้วยังมีคุณสมบัติเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ได้อยู่ 

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการนัดรับประทานอาหารร่วมกันกับ สส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเพื่อกระชับความสัมพันธ์นั้น ล่าสุดมีรายงานว่า วันที่ 13 ก.พ.นี้ พรรคเพื่อไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมพรรคร่วมรัฐบาล ในธีม “ร่วมมือร่วมใจ รัฐบาลประชาชน” โดยมีการเชิญคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรรมการบริหารพรรค สส. กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งตามมติ ครม. ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ในเวลา 18.00 น. ที่ห้อง Phayathai grand ballroom ชั้น 2 โรงแรม Eastin Grand Hotel Phayathai  และเวลา 19.00 น. หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะกล่าวต้อนรับ จากนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวเปิดงาน รับประทานอาหารและสังสรรค์

นอกจากนี้ ในวันที่ 20 ก.พ. เวลา 17.30-21.00 น. พรรคเพื่อไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมเตะฟุตบอลสานสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและสื่อมวลชน ที่สนามฟุตบอลอัลไพน์ (Alpine Football Camp Training Bangkok) ถ.รามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ โดยนายกฯ จะลงสนามร่วมเตะฟุตบอลด้วย มีพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งรองนายกฯ รัฐมนตรี สส. หัวหน้าพรรค ที่ปรึกษารัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล สส. และสื่อมวลชน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์  ให้สัมภาษณ์กรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.)  เรียกร้องรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งรัฐมนตรีไปตอบกระทู้ สว.ว่า โดยหลักการนายกฯ กำชับว่าในวันพฤหัสบดีให้รัฐมนตรีเคลียร์ตารางส่วนตัวเพื่อไปสภา  ถ้าติดขัดให้มอบหมายคนไปตอบ แต่ยอมรับว่าขณะนี้รัฐมนตรีทุกคนมีภารกิจค่อนข้างมาก และบางเรื่องเป็นเรื่องกะทันหันจริงๆ แต่เราก็พยายามว่าใครจัดสรรเวลาได้ แต่เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนทราบอยู่แล้วว่าหากเป็นไปได้ ก็จะพยายามเข้าไปให้ข้อคิดเห็นต่อรัฐสภา

ส่วนการที่ สว.ขอเปิดอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้ประสานกันแล้ว ตอนแรกจะเป็นช่วงต้นหรือกลางเดือน ก.พ. แต่นายกฯ ติดภารกิจตลอด และต้องเดินทางไปต่างประเทศอีก 10 กว่าวัน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่หนีไปไหน ยินดีไปคุยและรับฟังการอภิปรายตาม ม.153 ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป็นการสะท้อนความคิดเห็นสภา ขอให้ สว.ไม่ต้องกังวล รัฐบาลพร้อมตอบอยู่แล้ว การอภิปรายลักษณะนี้ต้องรอให้รัฐบาลมีความพร้อม ซึ่งเกิดจากภารกิจ ไม่ใช่ความพร้อมในการหนี เพราะไม่รู้จะหนีไปทำไม หนีไม่ได้อยู่แล้ว

กลาง มี.ค.พร้อมตอบ สว.แน่

เมื่อถามว่า กำหนดวันอภิปรายไว้วันที่ 18 มี.ค.นี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประมาณกลางเดือน มี.ค. เพราะนายกฯ กลับมาจากยุโรปประมาณก่อนวันที่ 10 มี.ค. ส่วนจะเป็นวันที่ 18 มี.ค.หรือไม่ เป็นเรื่องของสภา เวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือเนื้อหาที่จะอภิปราย ถ้าเนื้อหาเยอะก็อาจต่อเวลาได้ หากวิปรัฐบาลกำหนดว่าเมื่อไหร่ รัฐบาลก็จะดูเวลาให้เท่านั้น

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข่าวที่ระบุว่ารัฐบาลถ่วงเวลาการที่ สว.ขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติว่า ไม่คิดว่ารัฐบาลจะเตะถ่วงเวลาการอภิปรายแต่อย่างใด เพราะต้องให้เกียรติกระบวนการที่ สว.ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นที่ สว.จะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น นายกฯ และรัฐมนตรีคงจะไปตอบ จะได้ใช้โอกาสนี้ตอบ สว.และตอบประชาชนที่รับชมไปพร้อมกัน รวมทั้งส่งสัญญาณเรียกความเชื่อมั่นในนโยบายและแนวทางของรัฐบาลจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศไปด้วย เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. หารือความคืบหน้าการขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ ม.153 ว่า นายกฯ ควรให้ความสำคัญฝ่ายนิติบัญญัติบ้าง ใครจะรับผิดชอบหากเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ได้ มีอยู่ 2ฝ่ายคือ 1.ประธานวุฒิสภา 2.นายกฯ และครม. ขณะนี้ประธานวุฒิสภายังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขให้ครบถ้วน คือยังไม่บรรจุวาระขอเปิดอภิปรายทั่วไปให้เป็นเรื่องเร่งด่วน มัวแต่รอรัฐบาลอยู่ ขอให้ประธานวุฒิสภาเร่งบรรจุวาระเปิดอภิปรายทั่วไปเป็นเรื่องด่วนโดยเร็ว และแจ้งรัฐบาลอีกครั้งว่า สว.ประสงค์เปิดอภิปราย หากรัฐบาลไม่มา ถือเป็นความรับผิดชอบรัฐบาล จะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ผมจะยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องนี้

ด้านนายพรเพชรชี้แจงว่า การที่ประธานวุฒิสภาจะบรรจุระเบียบวาระเรื่องนี้ได้ ต้องรอรัฐบาลมีมติหรือแจ้งมาว่าพร้อมจะมาเมื่อใด จึงบรรจุระเบียบวาระได้ ยืนยันเมื่อตนได้รับคำร้องขอเปิดอภิปรายทั่วไปจากวุฒิสภา ก็ส่งเรื่องไปให้รัฐบาลทราบอย่างรวดเร็ว ตอนนี้รอฟังคำตอบจากรัฐบาลอยู่ ต้องรอฟังจากคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ว่านายกฯ มีคำตอบอย่างไร จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนข้อบังคับได้  การที่ สว.กำหนดวันเวลาไว้ คงมีการต่อรองวันเวลาอีกครั้ง ถ้ารัฐบาลยังไม่ตอบกลับมา จะสอบถามกลับไปใหม่

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ให้สัมภาษณ์ว่า มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปต่างประเทศ ขอเรียนว่าอย่าทำอย่างนั้นเลย เพราะ สว.ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และไม่อยากกล่าวหาว่าเป็นการหลีกเลี่ยงมาตอบ ซึ่งตนมองว่าไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใดทั้งนั้น ฝ่ายบริหารควรจะให้ความร่วมมือมาปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าให้เลยเถิดไปจนถึงขนาดหลีกเลี่ยงไปจนกระทั่งปิดสมัยประชุม เรื่องก็คงไปถึงป.ป.ช.แน่ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 อาจจะยื่นยกคณะก็ได้ เพราะรัฐมนตรีจะต้องมาตอบ ใน 7 กลุ่มที่ สว.ตั้งไว้ซักถามแทบทุกกระทรวง

เมื่อถามว่า ไม่เห็นใจรัฐบาลบ้างหรือ เพราะรัฐบาลบอกว่านายกฯ ทำงานหนักจนถึงขั้นล้มป่วย นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า   ถ้าไม่แข็งแรงตนว่ากลับบ้านดีกว่า สว.ก็เช่นเดียวกัน แต่ขนาดเจ็บป่วยก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นคุณมาปฏิบัติหน้าที่ 4-5 เดือนแล้วร่างกายอ่อนแอ ทำงานไม่ไหว ตนคิดว่ากลับเถอะ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวถึงการกำหนดอภิปรายวันที่ 18 มี.ค.ว่า ก็เป็นห่วงอยู่ เพราะระยะเวลาใกล้จะปิดสมัยประชุมวันที่ 9 เม.ย. ก็หวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้เทคนิคทางการเมือง หรือไม่ใช้วิธีซื้อเวลาในการที่จะให้พ้นจากการอภิปราย เราก็พยายามที่จะให้ประเด็นต่างๆ ที่เราจะซักถามเพื่อให้คลี่คลาย ถ้าช้าแล้วเป็นประโยชน์ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าซื้อเวลาแล้วยังไม่สามารถทำให้ดีได้ ก็จะเป็นความเสียหายของรัฐบาลเอง

'พิธา' เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีศาลมีคำพิพากษาจำคุกแกนนำพรรคอนาคตใหม่คดีเข้าร่วมการชุมนุมที่สกายวอล์ก เมื่อปี 2562 อาจเป็นผลให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จะไม่สามารถดำรงสถานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลได้ ตามรัฐธรรมนูญ ม.160 (7) ว่าทางผู้ที่ถูกฟ้องร้องได้เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ซึ่งตั้งข้อสังเกตถึงความคงเส้นคงวาของการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ โดยเฉพาะการวัดรัศมี 150 เมตร จะเริ่มวัดจากจุดใด ควรมีมาตรฐานเดียวกันในทุกกรณี นอกจากนี้ จะต่อสู้เรื่องความได้สัดส่วนของโทษว่าควรสูงถึงขั้นจำคุก 4 เดือนเลยหรือไม่ หากมีความผิดจริง เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์นายพิธาก็จะไม่หลุดจากสถานะ สส. ตาม ม.6 ที่ระบุว่า หากถูกพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว และหากการอุทธรณ์สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ก็จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสถานะทางการเมือง

ส่วนที่วิเคราะห์ว่าคำพิพากษาอาจเป็นผลให้นายพิธาไม่สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ตลอดชีวิต นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะใน ม.160 (7) ใช้คำว่ารัฐมนตรีต้องไม่เป็นผู้พิพากษาให้จำคุก แม้ว่าคดีนั้นยังไม่ถึงที่สุดหรือรอการลงโทษ ทำให้มองว่าข้อความนั้นไม่ได้พูดถึงผู้ที่เคยถูกคำพิพากษาให้จำคุก ซึ่งข้อความสำคัญที่ไม่ได้อยู่ในมาตรานี้คือคำว่า เคย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับมาตรา 98 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัคร สส. โดยเฉพาะ (9) ที่มีคำว่าเคย ระบุไว้อย่างชัดเจน จึงตีความได้ว่าหากพ้นโทษในกรณีนั้นมาแล้ว ก็จะสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เป็น 1 ใน สส. 44 คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่านโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกลมีการเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จะมีการเตรียมการชี้แจงอะไรหรือไม่ว่า เรื่องนี้ไม่กระทบต่อการทำงาน คงต้องหารือ สส.ที่ร่วมกันลงชื่อ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ เพราะอยู่ในกรรมการบริหารพรรคชุดนั้นจริง และเห็นด้วยกับการออกนโยบาย 300 ข้อในการหาเสียง เพราะฉะนั้นปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ที่จะมีการเรียกไต่สวน เรียกพยาน หรืออะไรก็แล้วแต่ พร้อมจะให้ความร่วมมือเต็มที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง