ฮึ่ม!ขจัดความชั่วร้าย รร.นายร้อยจปร.พร้อมดูแลเสาเข็ม/ตร.จ่อจัดเต็มแก๊งป่วน

รร.นายร้อย จปร.ปรับกิจกรรม  “ถวายกำลังใจทูลกระหม่อมอาจารย์” เป็นถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย. “พ.ต.วิสิทธิ์” ชี้ความชั่วร้ายจะถูกขจัดออกไป "เศรษฐา" ย้ำการอารักขาขบวนเสด็จฯ เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด "ต่อศักดิ์" ขอเวลา 2 วันจัดเต็มยกแก๊ง เชื่อมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยแนะนำสั่งสอน  "บิ๊กโจ๊ก" ลั่นไม่เอาไว้จ่อฟันทั้ง ม.112 และ ม.116 "รังสิมันต์" รีบปัดอย่าเหมารวม เรื่องการประกันตัวต้องเห็นชอบการกระทำ "วิรังรอง" ซัดนายกฯ-ผบ.ตร.เอื่อยเฉื่อย ปล่อยให้ประชาชนต้องปกป้องสถาบันแทน

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น.  โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้จัดกิจกรรมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พลเอกหญิง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน 2567 ณ หอประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก โดยมี พล.ท.ไกรภพ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้ กิจกรรมวันนี้ถูกปรับเปลี่ยนชื่อจากเดิมที่กองทัพบกได้เชิญสื่อมวลชนทำข่าว “กิจกรรมถวายกำลังใจทูลกระหม่อมอาจารย์” โดยกำลังพลของ รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า มาเป็นการจัดงานในระดับจังหวัดนครนายกแทน

พ.ต.วิสิทธิ์ เสนารักษ์ ทหารประสานงานเส้นทางเสด็จถนนสายจงรักภักดี กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานตอนหนึ่งว่า พอมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ปรากฏทางโซเชียลมีเดีย แต่เราไม่หวั่นไหว อะไรที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ที่เป็นความชั่วร้ายต่อไปจะขจัดออกไป เพราะโรงเรียนของเรายืนยันจะหล่อหลอม ทั้งยังเป็นศูนย์รวมหลักที่ผลิตนายทหารชั้นสัญญาบัตรออกไปดูแลเสาเข็มที่สำคัญ และเราเป็นโรงเรียนที่มีความมั่นคง

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง หารือกันเรื่องมาตรการรักษาอารักขาความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้การดูแลบุคคลสำคัญของประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติกำชับให้ดูแลให้ดี เพราะไม่อยากให้มีการปะทะเกิดขึ้น อยากให้ประเทศอยู่ด้วยความสามัคคี ถ้ามีเวทีไหนที่เราเห็นต่าง ต้องเป็นเวทีที่เหมาะสมหรือเป็นเวทีที่นักวิชาการมาพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีหลายฝ่ายรวมถึงกองทัพออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบัน นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เขาทำกันปกติอยู่แล้ว ทุกฝ่ายรวมถึงกองทัพก็รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว

 “เรื่องการใช้กำลังอยากให้สองฝ่ายลดทอนลงไป ควรใช้เวทีสาธารณะอื่นๆ ดีๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาหรือนักวิชาการในการพูดคุยกันในเวทีที่ปลอดภัยกว่านี้ ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายก็อยากให้ประเทศชาติมีความปรองดอง ความสมัครสมานสามัคคี มีบรรยากาศที่พูดคุยกันได้ ทุกฝ่ายก็ให้ความสำคัญ ผมได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปว่าต้องระมัดระวังอย่าให้กระทบกระทั่งกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดความปลอดภัยของราชวงศ์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องนี้มีผู้ใหญ่ให้ท้ายอยากขอความร่วมมืออย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่ที่ไหนให้ท้าย แต่ถ้าจะให้พูดมันชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ควรมีการให้ท้าย ไม่ควรมีขบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะขบวนเสด็จฯ พระองค์ท่านมีภารกิจตลอดเวลา พระองค์ท่านทรงงานหนักทุกพระองค์ ฉะนั้นเรื่องของการเดินทาง ความสำคัญของพระองค์ท่านเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด  และฝ่ายที่เห็นต่างซึ่งบอกไปหลายหนแล้วว่าใช้เวทีที่ปลอดภัย เรามีสภา เรามีนักวิชาการ เราก็ไปพูดคุยในเวทีที่ถูกต้อง ไม่อยากให้เป็นเวทีที่มาใช้คำว่าท้าทาย เช่นตามศูนย์การค้าหรือที่สาธารณะต่างๆ ไม่เหมาะสมหรอก

ต่อมานายเศรษฐาทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า “ผมและคณะรัฐมนตรีไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อปกป้องสถาบันฯ ครับ”

ขอ 2 วันชัดเจนแน่

ด้าน พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ  (ผบ.ทร.) กล่าวถึงการป่วนขบวนเสด็จฯ ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่อยู่คู่บ้านเมือง และนำพาประเทศชาติรอดมาถึงทุกวันนี้ ขอให้คนไทยทุกคนระลึกและนึกอยู่เสมอว่าเรามีวันนี้ได้เพราะพระองค์ท่าน

 “การที่ท่านสัญจรไปไหนมาไหน ความรักในท่าน อยากให้เราทำการจราจรให้เรียบร้อย รถที่ติดนั้น พระองค์ท่านต้องไปปฏิบัติภารกิจมากมายก็จะได้เดินทางไปด้วยความเรียบร้อย ถึงที่หมายทันเวลาเท่านั้นเอง คือความมุ่งประสงค์ เพราะฉะนั้นอยากให้คนไทยทุกเข้าใจ เรารักใครสักคน คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน หากไม่สบาย มีรถฉุกเฉินก็เพื่อวัตถุประสงค์ไปให้ถึงจุดหมายที่ทันเวลาเท่านั้นเอง ขอให้เราคนไทยอยู่กันด้วยความเข้าใจ ความเคารพ ความรัก ความศรัทธา จะทำให้การปฏิบัติต่อพระองค์ท่านเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” ผบ.ทร.กล่าว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการเข้าพบนายเศรษฐาว่า นายกฯ เรียกไปพบพร้อมกำชับเรื่องการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ ส่วนการดำเนินคดีนั้นจะทำตามพยานหลักฐานที่มี  เชื่อว่าเยาวชนที่ออกมาไม่ได้ออกมาเอง มีขบวนการที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งขอตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ขอเวลาอีก 2 วันเดี๋ยวจะเห็นการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับ ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวจะมีการจับกุมดำเนินคดีแน่นอน

 “เรื่องการถวายความปลอดภัยพวกเราดูแลพระองค์ท่านด้วยชีวิต พวกพี่ดูแลด้วยชีวิตของพวกพี่จริงๆ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวและย้ำว่า บช.น.กำลังดำเนินการอยู่  ขอให้รออีก 2 วันเพื่อให้พยานหลักฐานใหม่ในการแจ้ง

ข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น แต่ยอมรับว่าจะมีการถอนประกันเยาวชนทั้ง 2 คน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าในทางสอบสวนมีบุคคลช่วยเหลือให้คำปรึกษาและไกด์ไลน์อย่างแน่นอน ส่วนจะเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลังได้มากน้อยเพียงใด ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ หากพยานหลักฐานสาวถึงใครเราก็จะเรียกมาทั้งหมด โดยได้รายงานนายกฯ ไปแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะที่กำกับดูแลความมั่นคงและจราจร กล่าวประเด็นนี้ว่า อยู่ระหว่างพิจารณาจะใช้มาตรา 116 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับกับกลุ่มคนที่พยายามคุกคามสถาบัน โดยสั่งให้พนักงานสอบสวนเข้าไปดูแลแล้ว และจะเรียกตัวกลุ่มคนที่กระทำการไม่บังควรมาพบพนักงานสอบสวน

 “ผมในฐานะรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมแบบนี้ได้” รอง ผบ.ตร.กล่าว

จ่อฟัน 112 พ่วง 116

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ย้ำว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเข้าไปพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำการมิบังควรเช่นนี้ในมาตราใดได้บ้าง เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 112 หรือไม่ หากไม่เข้าก็จะเป็นการดำเนินการตามมาตรา 116 ซึ่งเป็นการคุกคามบุคคลสำคัญ ซึ่งในวันนี้ สน.พื้นที่จะเรียกตัวผู้กระทำการอันมิบังควรเข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วย

ที่ สน.ดินแดง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เดินทางมาที่ สน.ดินแดง เพื่อเตรียมสอบปากคำและแจ้งข้อหาแก่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน  และนายณัฐนนท์ ไพโรจน์ ซึ่ง สน.ดินแดงได้เรียกตัวผู้ถูกกล่าวหา 2 คนมาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ทนายความของศูนย์สิทธิมนุษยชนได้นำหนังสือของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คนมายื่นให้พนักงานสอบสวน เพื่อขอเลื่อนการเข้าพบออกไปเป็นวันที่ 20 ก.พ.นี้ โดยอ้างว่าติดภารกิจเรื่องการเรียน จึงไม่สามารถเดินทางมาพบในวันนี้ได้

ด้าน น.ส.ทานตะวันโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ความจริงวันนั้นเพิ่งกลับจากงานศพ และมีธุระจะไปทำแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่รู้ว่าจะมีขบวนเสด็จฯ และไม่ได้ตั้งใจจะไปป่วน รวมถึงไม่ได้ขวางขบวนตามที่เป็นข่าว  เพราะหากใครดูคลิปจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้ขวางขบวนหรือปาดหน้าขบวนตามที่สื่อหลายช่องบอก แต่เพียงขับรถเร็วและไม่ระมัดระวังจริงๆ เพียงเพื่อจะรีบไปให้ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตามที่เราจะไปทำธุระ ซึ่งเราทบทวนเหตุการณ์นั้น และคิดได้ว่าการขับรถเร็วและไม่ระมัดระวังแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ จึงได้ขอโทษในส่วนนี้ไป และจะนำไปปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก" 

“นี่คือความจริงทุกตัวอักษร จะเชื่อหรือไม่เป็นสิทธิของทุกคน ที่มีคนบอกว่าเราขวางหรือขับรถตามขบวนเสด็จฯ ไม่เป็นความจริง ขอบคุณค่ะ” น.ส.ทานตะวันโพสต์

ส่วนความเคลื่อนไหวของภาคส่วนต่างๆ นั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)  กล่าวถึงกรณี สส.เตรียมเสนอญัติด่วนเกี่ยวกับเรื่องการถวายอารักขาขบวนเสด็จฯ ว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค ชทพ.เห็นด้วย 100% อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเลย เพราะทุกๆ ประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา ขบวนของประธานาธิบดีจะมีการอารักขา มีการปิดถนนอย่างแน่นหนามาก หากมีผู้ใดแทรกแซงเข้ามา ซึ่งเคยเห็นกับตาบวกกับในสารคดี ก็จะเห็นว่าบุคคลผู้นั้นหรือยานพาหนะนั้นจะถูกปาดจนตกถนน หรือโดนล็อกตัวออกไป ดังนั้นประเทศไทยก็เช่นกัน  การถวายอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

 “การที่เราจะเรียกร้องให้มีการรักษาสิทธิของบุคคลต่างๆ นั้น แต่ละคนก็ต้องเข้าใจในการที่จะไม่ละเมิดสิทธิคนอื่นเช่นกัน ดังนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาเราสนับสนุนญัตตินี้ร้อยเปอร์เซ็นต์” นายวราวุธกล่าว

14 ก.พ.ชงญัตติด่วน

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้พรรค รทสช.เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ให้มีความปลอดภัย เพื่อป้องปรามพฤติกรรมขัดขวางขบวนเสด็จฯ อันก่อให้เกิดอันตรายหรือเสื่อมเสียพระเกียรติยศ จะเสนอโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์  2567 โดยจะขอที่ประชุมพิจารณาญัตติดังกล่าวเป็นเรื่องแรกก่อนพิจารณาพระราชบัญญัติอีก 2 ฉบับ

“จะใช้เวทีของสภาอภิปรายเพื่อหาทางออก เพื่อลดความไม่สบายใจและความวิตกกังวลของพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนที่แสดงพฤติกรรมขัดขวางหรือก่อกวนขบวนเสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่บังควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง” นายอัครเดชกล่าว

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ  กล่าวถึงพฤติกรรมของ น.ส.ทานตะวันว่า เป็นพฤติกรรมแย่ๆ ใครอย่าได้ไปเลียนแบบ เพราะไม่ได้บอกว่าเป็นคนคิดเป็นหรือคนรุ่นใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นคนขาดจิตสำนึกต่อบ้านเมือง ส่วนกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองที่ใกล้ชิดกับคนพวกนี้ ถ้าไม่มีแนวคิดแบบเดียวกันต้องห้ามปรามอย่างจริงจัง ไม่ใช่มาเรียกร้องให้มีการถกเถียงกันหรือหาพื้นที่ให้คุยกัน คำถามให้คุยเรื่องอะไร ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแทบไม่มีประเด็นที่ต้องคุย ยกเว้นแถ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี ในฐานะรองโฆษกพรรค รทสช. กล่าวว่า ตอนนี้คนพรรคก้าวไกลพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า นำประเด็นการเมืองมาคละรวมกับการก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จฯ โดยใช้วาทกรรมหลักการคนเท่ากัน  สิทธิและเสรีภาพ และคนรุ่นใหม่ สร้างข้ออ้างให้คนทำผิด  ชักนำให้สังคมมองผิดเป็นถูก และสร้างสภาวะแตกแยกในประเทศ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) กล่าวว่า เหตุการณ์รุกรานขบวนเสด็จฯ ผ่านมาหลายวัน กลับแทบไม่มีความเคลื่อนไหวจากรัฐบาล เพิ่งจะมีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่นายกฯ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งรัฐบาลต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ นายกฯ ควรจริงจังหยิบยกไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ คณะรัฐมนตรีทุกคนต้องมีความรู้สึกกับเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ อยากรู้เช่นกันว่าที่ประชุม ครม.ที่จะถึงนี้จะหยิบยกไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการหรือไม่

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่มีการหาว่าพรรค ก.ก.เป็นผู้อยู่เบื้องหลังว่า หลายครั้งที่พรรคถูกปรักปรำในลักษณะนี้ ซึ่งการไปเป็นนายประกันให้นั้นต้องแยกออกจากการที่เขาขับเคลื่อน ซึ่งเหตุผลที่เราไปเป็นนายประกันให้คือสามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงให้สิทธิ์เขาในการต่อสู้คดี ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปประกันตัวจะเห็นด้วยกับการกระทำ  ไม่เช่นนั้นการประกันตัวที่เกิดขึ้นเต็มไปหมดในเรื่องต่างๆ  เท่ากับคนที่ไปประกันตัวต้องไปเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย  หากคิดอย่างนี้อยู่ถือว่าเป็นการคิดที่ผิด

 “ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังใคร และใครก็ไม่มาอยู่เบื้องหลังเรา พรรคก้าวไกลก็คือพรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่โดยมีจุดยืนในเรื่องของสิทธิมนุษยชน” นายรังสิมันต์ กล่าว

จี้ ก.ก.ลงมือทำอย่าดีแต่พูด

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า เตรียมเสนอผลการศึกษาการให้ความคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อวุฒิสภา โดยหยิบยกกรณีศึกษาจากต่างประเทศมาเปรียบเทียบชี้ให้เห็น

นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมือง โดยเฉพาะที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่าไม่เห็นด้วย ขอให้แสดงในทางปฏิบัติ อย่าพูด ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ เพราะมวลชนเหล่านั้นเป็นผู้ที่เชื่อมโยงศรัทธาหรือได้รับการประกันตัวจากสมาชิก สส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด

นายวันชัย สอนศิริ สว. กล่าวว่า พฤติกรรมของ น.ส.ทานตะวันไม่เหมาะสม ถือเป็นพฤติกรรมที่ย่ำยีความรู้สึกของคนไทย เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ประณามการกระทำครั้งนี้ ไม่ว่าจะพรรคการเมืองตลอดจนพี่น้องประชาชน ก็มีความรู้สึกว่าพฤติกรรมนี้ย่ำยีหัวใจประชาชนเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ส่วนที่อ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นขบวนเสด็จฯ นั้นฟังไม่ขึ้นหรอก เพราะเท่าที่ดูจากคลิป จากพฤติกรรม กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาอยู่แล้ว

มีรายงานว่า ในวันอังคารที่ 13 ก.พ. สว.สตรีนำโดย นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ นัดรวมตัวแสดงพลังในการปกป้องและถวายกำลังใจแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ณ บริเวณหน้าห้องประชุมวุฒิสภา ชั้น 2 อาคารรัฐสภา

ส่วนนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะผู้ประสานงาน "กลุ่มจุฬาฯ รักพระเทพฯ" กล่าวถึงกิจกรรมแสดงจุดยืนปกป้อง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และน้อมถวายกำลังใจทูลกระหม่อมฯ ว่า กิจกรรมจะจัดขึ้น ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเวลา 16.00 น. วันที่ 15  ก.พ.ที่จะถึงนี้ โดยแต่งกายสุภาพ ใช้ริบบิ้นหรือผ้าพันคอผืนเล็กสีม่วงพันแขนขวา หรือใส่เสื้อสีม่วง

“ผบ.ตร.ออกมาช้าเกินไป แล้วก็ยังไม่มีความชัดเจนในการที่ท่านจะแก้ปัญหา หรือแสดงความชัดเจนถึงหน้าที่ ที่ท่านต้องป้องกันเหตุการณ์ในอนาคตมิให้เกิดขึ้นอีก เพื่อให้ประชาชนได้สบายใจ ทุกวันนี้กลายเป็นว่าประชาชนต้องออกไปปกป้องคุ้มครองขบวนเสด็จฯ กันเอง ถ้าถึงกับขนาดเป็นแบบนี้ เรียกว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป แม้แต่นายกฯ ก็ดูจะไม่ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดนี้เป็นความรับผิดชอบของท่าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาสรุปว่าไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรเลย แล้วมันจะต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกกี่ครั้ง” นางวิรังรองกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง