‘โจ๊ก’ดิ้นฟ้องพงส.ยกทีม อสส.จี้ฟันตร.ขู่คุกคาม

"โจ๊ก" ยันไม่เกี่ยวข้องเว็บพนัน "มินนี่" โบ้ยถูกแต่งบทละครใส่ร้ายดิสเครดิต ลั่นจะเข้าให้การต่อเมื่อเป็นคำสั่งของอัยการเท่านั้น จ่อร้อง ป.ป.ช.เอาผิดทีมสอบสวน ขู่สื่อแชร์ข้อมูลไม่จริงใช้ กม.จัดการ นายกสมาคม พงส.อ้างสำนวนสอบสวนเป็นความลับ ลั่นดำเนินคดี พงส.รายบุคคล "อสส." ส่งหนังสือถึง ผบ.ตร.ขอตรวจสอบ "แก๊งตำรวจมินนี่" แอบถ่ายอธิบดีอัยการ หากผิดต้องดำเนินคดี พร้อมให้อธิบดีอัยการพักการปรึกษาคดีจนกว่าจะมีมาตรการคุ้มครอง ยอมรับอาจกระทบคดีหลัก

ที่สโมสรตำรวจ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จะออกหมายเรียกให้ปากคำในฐานะพยานคดีพนันออนไลน์ "มินนี่" ว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ เนื่องจากตนไม่ได้ให้คุณให้โทษกับเว็บพนัน และตนไม่ได้คุมไซเบอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นรอง ผบ.ตร.ที่ดูความมั่นคงก็ตาม

"ส่วนกรณีพบเส้นทางการเงินของตนโอนไปยังลูกน้องนั้น ยืนยันว่าเป็นเงินที่ให้ไปทำงาน ไม่ใช่เงินที่มาจากเว็บพนัน และเชื่อว่าสังคมรู้ดีว่าเป็นการดิสเครดิต ส่วนจะเป็นเรื่องไหนนั้นไม่ขอพูด และเชื่อว่าจะมีการแต่งบทละคร ใส่ร้ายให้เสียชื่อเสียงจนกว่าคดีนี้จะยุติ"

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ส่วนหมายเรียกของ สอท.ที่ระบุให้ไปให้การในฐานะพยานนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานแต่อย่างใด ส่วนจะเดินทางไปหรือไม่นั้นต้องดูว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจอะไร และต้องเป็นคำสั่งของอัยการเท่านั้นถึงจะเดินทางไป เพราะสำนวนคดีนี้อยู่กับอัยการ และส่วนหนึ่งอยู่ที่ ป.ป.ช. ตนรู้สึกสงสารลูกน้อง และพนักงานสอบสวนบางคน ที่ถูกเรียกมาเซ็นชื่อแต่ไม่ได้ทำสำนวน ขอเตือนว่าพอถึงเวลาปัญหาเกิดขึ้นจะต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีนายอยู่เคียงข้าง เพราะตนเจอมาหมดแล้ว และเตือนสื่อมวลชนที่แชร์ข่าวให้ได้รับความเสียหาย ว่า ให้พึงระวังหากข่าวดังกล่าวไม่จริงจะใช้กฎหมายดำเนินการ

"ส่วนกรณีอัยการถูก 1 ใน 8 ลูกน้องของตนไปคุกคามสะกดรอยตามนั้น จากการสอบถามลูกน้องยืนยันว่า ไม่ได้กระทำการลักษณะดังกล่าว และหลังจากเป็นกระแสก็ได้ยื่นเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่"

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการไปคุกคาม ได้มาปรึกษาก่อนยื่นจดหมายถึงนายกฯ หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตนเพิ่งรู้หลังจากที่ยื่นหนังสือไปแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67  เพราะถ้าทราบก่อนจะไม่ให้ยื่นเด็ดขาด เพราะมองว่าไม่จำเป็น

ส่วนกรณีของ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ที่ถูกหนึ่งในชุดพนักงานสอบสวนของ สอท.โทรศัพท์เข้ามาเพื่อให้กลับคำให้การ ทำให้ตนและพวกเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า มีการติดต่อมาจริง เป็นพนักงานสอบสวนยศนายพัน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ลูกน้องของตนจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบ ว่าพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวเข้าข่ายผิด ม.157 หรือไม่

ด้าน พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน แถลงว่า สืบเนื่องจากที่มีข่าวแชร์ในโซเชียลว่า พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดีว่า สมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน และในนั้นมี 8 รายที่เป็นลูกน้องของ  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และมีการระบุข้อหาอย่างชัดเจน ว่าแต่ละคนโดนข้อหาอะไรบ้าง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ควรเป็นความลับทางคดี ไม่ควรถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ต่อมาได้มีการขยายเส้นทางการเงิน และมีการส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช.แล้ว 5 ราย ประกอบด้วย 1. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล 2.พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ 3. พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล 4.พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร 5. ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร

"ผมก็ยืนยันว่าได้รับเงินมาจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จริง โดยโอนมาจาก พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ โอนเข้าบัญชีบุตรชายของผม เป็นค่าที่ปรึกษาและค่าใช้จ่ายในการทำงาน  แต่เอกสารลับทางราชการเช่นนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งผิดตามความลับของราชการตำรวจ ข้อ 7 ที่ระบุว่า พนักงานสอบสวนจะต้องรักษาความลับของราชการ และความลับในการปฏิบัติหน้าที่"

พล.ต.ต.ไพโรจน์กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่ายของวันนี้ เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ว่าปฏิบัติหน้าที่ตามหลักการสืบสวนสอบสวน และการรับฟังพยานหลักฐานโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และให้มีการตรวจสอบข้อมูลว่าหลุดออกมาสู่สาธารณะได้อย่างไร ใครเป็นคนปล่อยข้อมูล และเผยแพร่เพื่ออะไร และในวันที่ 20 ก.พ. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่ ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบอำนาจของพนักงานสอบสวนว่ายังมีอำนาจอยู่หรือไม่ พร้อมเรียกสำนวนการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนมาดู โดยเฉพาะคำสั่งของอัยการว่ามีการสอบเพิ่มเติมตามคำสั่งหรือไม่

เขากล่าวว่า เชื่อว่าการปล่อยข่าวในครั้งนี้มีเจตนาดิสเครดิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กับตน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงข่าววันนี้เจตนาคือต้องการปกป้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หรือสถาบันพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.ไพโรจน์ตอบว่า ตนปกป้องสิทธิของประชาชนที่พึงได้รับ เพราะตนและพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต่างเป็นประชาชนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และยืนยันด้วยว่าตนเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนชุดดังกล่าว โดยจะฟ้องร้องเป็นรายบุคคลเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมาย ส่วนจะกี่คนนั้น จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง

ที่ชั้น 4 สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายประยุทธ  เพชรคุณ โฆษกสำนักงาน อสส. พร้อมด้วยนายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษก อสส. และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษก อสส. แถลงกรณีที่ อสส.มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอให้กำหนดความคุ้มครองความปลอดภัยพนักงานอัยการจากสำนักงาน อสส. ที่เข้าร่วมให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวน คดีที่จับกุมเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ (มินนี่) จำนวน 2 คน คือ  นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้กับพวกจำนวน 8 คน  ที่ยังรับราชการตำรวจอยู่ มีพฤติการณ์ข่มขู่คุกคามจากการเข้าไปให้คำแนะนำในการสอบสวน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอในคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ (มินนี่) จึงขอพักการปฏิบัติหน้าที่การเป็นที่ปรึกษาคณะพนักงานสอบสวนชั่วคราว จนกว่าสำนักงาน อสส.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยได้

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อสส.ได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เพื่อขอให้มีมาตรการป้องกันคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่อัยการทั้ง 2 คน และดำเนินมาตรการไม่ให้ผู้ต้องหาที่ยังคงรับราชการเป็นตำรวจทั้ง 8 คน คุกคามข่มขู่พนักงานอัยการและขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ให้อัยการทั้ง 2 คนหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามมาตรการเสร็จ และขอให้ ผบ.ตร.ตรวจสอบหากพบบุคคลกระทำความผิดอาญา ให้ดำเนินคดีและรายงานผลคดีให้ อสส.ทราบด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าจาก ผบ.ตร. ส่วนกรณีที่พนักงานอัยการพักการร่วมสอบสวนในคดี จะมีผลต่อความล่าช้าในการสอบสวนหรือไม่นั้น เชื่อว่ามี อาจส่งผลกระทบ เพราะนายกุลธนิตถือเป็นระดับอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ

ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษก อสส.  กล่าวว่า หาก ผบ.ตร.ตรวจสอบแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายข่มขู่คุกคาม ก็ขอให้ ผบ.ตร.เป็นผู้พิจารณาดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายภาพพนักงานอัยการระดับสูงในการปฏิบัติงาน เป็นการสะท้อนให้ ตร.เห็นว่า หากกรณีนี้เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปก็จะลำบากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในคดีอาญานั้นต้องมีเจ้าทุกข์เป็นผู้แจ้งความ แต่อัยการจะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง