อัยการสวมบทหมอ เห็น‘แม้ว’แล้วป่วยหนักจริง นัด10เม.ย.ตัดสินคดีม.112

"อัยการ" ตั้งโต๊ะแถลงเหตุไม่อายัดตัว "ทักษิณ" คดีมาตรา 112 อ้างเจ้าตัวขอความเป็นธรรมสอบเพิ่ม อสส.เห็นชอบแล้วไปลุ้นยาวๆ 10 เม.ย.นี้ ชี้คำตัดสินเป็นที่สุด อึ้ง! อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาสวมบทหมอ บอกเห็น "แม้ว" แล้วสภาพวิกฤต นั่งวีลแชร์ไม่มีเสียงพูด "คปท." ซัดทำผิดหน้าที่ "ภูมิธรรม" เล่นเป็นแพทย์อีกราย ฟันธงเส้นเอ็นไหล่ขาด "เศรษฐา" เสียงแข็งยันเป็นนายกฯ คนเดียว เมินเสียง สว.เปรียบเป็นดาวไร้แสง สภาสูงเชื่อจะทำให้ความขัดแย้งการเมืองเพิ่้มขึ้น

เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ โดยนายทักษิณได้นั่งรถเข็นวีลแชร์เดินทางมาพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว มายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อรับทราบคำสั่งในคดีให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นประเทศเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ในคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีนายปรีชา  สุดสงวน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา นายประยุทธ  เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีอาญา 8 รับรายงานตัว ก่อนจะเดินทางกลับไป

ต่อมานายประยุทธ พร้อมคณะได้แถลงเรื่องดังกล่าวว่า นายทักษิณได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด  (อสส.) ตามที่งานโฆษกสำนักงาน อสส.เคยแถลงไปแล้วเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ล่าสุด นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อสส. ได้พิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้ว เห็นว่าคดีมีประเด็นให้สอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือที่นายทักษิณร้องขอ อสส.จึงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม

 “เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 นายทักษิณได้รับการปล่อยตัวจากกรมราชทัณฑ์ในคดีอาญาเรื่องอื่น เนื่องจากได้รับการพักการลงโทษ ในขณะที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมจึงยังไม่อาจลงความเห็นและมีคำสั่งทางคดี จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายทักษิณ โดยมีหลักประกันและนัดให้มาพบพนักงานอัยการในวันที่ 10 เม.ย. 2567  เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8” นายประยุทธ์กล่าว

ขณะที่นายปรีชากล่าวเพิ่มเติมว่า หลักประกันที่นายทักษิณใช้ประกันตัวเป็นหลักทรัพย์ในสมุดบัญชี ที่ได้รับการรับรองจากธนาคารมีเงิน 500,000 บาท ซึ่งอัยการไม่มีเงื่อนไข แต่เงื่อนไขทางกรมคุมประพฤติที่กำหนดนั้น ไม่สามารถตอบได้ว่านายทักษิณต้องปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างพักโทษ

นายปรีชายังเล่าถึงบรรยากาศขณะที่รับตัวนายทักษิณ โดยบอกว่าหลังจากที่ตำรวจนำตัวมาส่ง ซึ่งจากสภาพที่มองเห็นนายทักษิณมีอาการป่วยขั้นวิกฤต ต้องนั่งรถวีลแชร์มาเพราะเดินไม่ไหว และจากการที่ได้พูดคุย นายทักษิณไม่มีเสียงพูด ดูท่าทางมีการป่วยหนัก เพราะมีการสวมที่ดามคอมา

นายประยุทธยังกล่าวถึงการนัดในวันที่ 10 เม.ย.ว่า  สำนวนเดิมมีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องเป็นคำสั่งแรกตั้งแต่นายทักษิณยังไม่กลับไทย แต่เมื่อนายทักษิณกลับเข้ามาและแจ้งข้อกล่าวหากันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. รวมถึงมีการส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ทำให้มีการสอบสวนสำนวนใหม่ จึงทำให้วันที่ 10 เม.ย. นายทักษิณต้องมารับฟังคำสั่งด้วยตนเองว่าจะเห็นสมควรสั่งฟ้องทางคดีหรือไม่  โดยคำสั่งจะแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ 1.สั่งฟ้อง 2.ไม่สั่งฟ้อง และ 3.เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ถ้าหากสำนวนที่สอบเพิ่มเติมนั้นยังไม่ครบถ้วน แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณทราบ

 “คดีนี้ถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร หากวันที่ 10  เม.ย. อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องต้องนำตัวนายทักษิณเข้าสู่กระบวนการศาลทันที แต่หากมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดในชั้นของอัยการ ไม่ต้องส่งสำนวนไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้พิจารณาเหมือนกับคดีอื่นๆ  เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรที่อัยการสูงสุดมีอำนาจสอบสวนและพิจารณาเด็ดขาด” นายประยุทธ์กล่าวและว่า คดีนี้มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ที่อัยการสูงสุด จึงขอให้ไปดูประวัติการทำงานของอัยการสูงสุดว่ามีชื่อเสียงด้านความยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์ เเละมีทิศทางการทำงานตามกฎหมาย ขอให้สังคมมั่นใจในการพิจารณาของอัยการสูงสุด แม้ว่าคดีดังกล่าวจะมีผู้ต้องหาเป็นบุคคลสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ

ซัดอัยการทำผิดหน้าที่

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ตอบโต้นายปรีชาว่า "เมื่อทนายแผ่นดินทำหน้าที่ผิดตำแหน่ง สังคมเขาให้ผดุงไว้เพื่อความยุติธรรมของประเทศ ทนายแผ่นดินมีหน้าที่ทางกฎหมาย แต่กลับทำหน้าที่วินิจฉัยโรคแทนหมอ หมอก็ทำหน้าที่แทนผู้คุมจากราชทัณฑ์  โรงพยาบาลก็เป็นเรือนจำ อัยการก็เปลี่ยนจากทนายแผ่นดินเป็นโฆษกประจำคดีนายทักษิณ อัยการออกตัวขนาดนี้ รูปคดีคงไม่ต้องพูดถึง กระทิงแดง 2 เกิดขึ้นแบบหน้าด้านๆ"

ด้านความเคลื่อนไหวของภาคการเมืองนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ถึงเสียงสะท้อนการพักโทษของนายทักษิณ ในเรื่องการใช้กฎหมายและการใช้หลักนิติรัฐ 2 มาตรฐานแบบอภิสิทธิ์ชนว่า ก็เรียกร้องกันตอนที่นายทักษิณถูกพิจารณาพิพากษา ซึ่งหลายฝ่ายก็ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา ขณะที่หลายฝ่ายก็เห็นด้วย แต่หากย้อนหลังไปกว่า 10 ปีที่แล้ว มาถึงวันนี้ก็เรียกร้องให้นายทักษิณกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม และเมื่อเดือน ส.ค.นายทักษิณก็ได้กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม กรมราชทัณฑ์เองก็ตรวจสอบ รพ.ตำรวจเองก็ตรวจสอบ คณะกรรมาธิการของรัฐสภาก็เข้าไปตรวจสอบ  กระทรวงยุติธรรมก็มีมาตรฐานตรวจสอบอยู่ ตอนที่นายทักษิณถูกพิพากษาไปเราก็เชื่อในระบบอยู่แล้ว วันนี้นายทักษิณเข้าสู่กระบวนการที่จะรับโทษและได้รับการยกเว้น เพราะเหตุผล 1 2 3 4 5 ซึ่งก็เป็นกฎหมายที่เขียนไว้อยู่แล้ว วันนี้เราจะต้องมาพูดกันเรื่องนี้ทุกวันหรือเปล่า ก็ไม่ทราบ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย

 “วันนี้เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ทางกระบวนการที่นายทักษิณถูกพักโทษเป็นไปตามกฎหมายแล้ว ผมว่าเราเดินหน้าไปข้างหน้าดีกว่า วันนี้บ้านเมืองต้องการทำอะไรอีกหลายๆ อย่างจากรัฐบาล หรือจากทุกๆ ภาค รัฐบาลนี้ขอให้เราอยู่ด้วยกันด้วยกฎหมาย วันนี้กฎหมายบอกมาว่าเป็นอย่างไรเราก็ทำตามอยู่แล้ว ก็ขอให้ก้าวข้ามไปแล้วเดินหน้าไปดีกว่า”

เมื่อถามว่า แต่ก็มีเสียงของ สว.ออกมาบอกว่า การพักโทษของนายทักษิณส่งผลให้นายกฯ เป็นดาวที่ไร้แสง  นายเศรษฐายิ้มพร้อมกับกล่าวว่า ก็จะคิดอะไรก็คิดกันไป  พรุ่งนี้เช้า 7 โมงเช้าก็ตื่นเช้าไปทำงานและประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิตย์หน้าก็ลงภาคใต้ อาทิตย์ต่อมาก็ไปต่างประเทศ ไปเจรจาเรื่องเขตการค้าเสรี จะพูดอย่างไรก็ไม่ทำให้สะทกสะท้านได้ ยังทำงานต่อไปและยึดมั่นในผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคนให้ดีขึ้น จะมาว่าอย่างไรก็ว่าไป  ไม่เป็นไรก็รับฟัง

ถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีได้เรียนแล้วว่า รัฐมนตรีพรรคร่วมเราเองก็ทำงาน ทุกคนมีความตั้งใจดีในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ถ้าถึงเวลาที่เราต้องปรับก็ต้องปรับ แต่วันนี้ถ้าถามมาทุกๆ อาทิตย์ ไม่ปรับ ยังไม่มีการปรับ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ประเทศมี 2  นายกฯ หลังจากนายทักษิณได้รับการพักโทษออกมาว่า นายกฯ มีคนเดียว คนที่พูดแบบนี้เขาย้อนอดีตมากเกินไป

เมื่อถามถึงกรณีหลายคนระบุว่าจะเข้าไปกราบนายทักษิณ ส่วนตัวจะไปหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นธรรมดาของคนที่รักมีความผูกพันกัน ก็อยากไปเยี่ยมเยียน เพราะนายทักษิณจากบ้านไป 17 ปีแล้ว ทำงานด้วยกันมานาน คงต้องปล่อยให้เป็นเวลาของท่านและครอบครัว จากแรงพลังรักของเขา และถ้ามีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมก็จะไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ไม่ป่วยจริงได้ไง ที่ใส่เฝือกเพราะเส้นเอ็นไหล่ขาด ซึ่งก็เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่มานาน มันจะมีเส้นเอ็นที่ขาด คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้าง อย่าไปมองว่าเขาจะสร้างภาพ ถ้าคนวัยสัก 10 ปีแล้วมาห้อยแขนแบบนี้ ใส่ต้นคอ แล้วค่อยบอกว่ามันผิดปกติ แต่คนอายุ 70 ปีทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

คนเสื้อแดงนัดฉลองใหญ่

 เมื่อถามว่า ประชาชนจะได้เห็นนายทักษิณเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในส่วนใดบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายทักษิณตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และเคยพูดไว้ชัดเจนว่าหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะให้ความเห็นหรือเสนอแนะไป ซึ่งอยู่ที่ใครจะรับฟังหรือเอาไปเป็นประโยชน์ได้ ส่วนรัฐบาลจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติที่จะไปปรับใช้เอาเอง อย่าไปกังวลใจเรื่องที่จะเสนอความเห็น และอย่าเอาไปผูกกับประเด็นทางการเมืองว่าเข้ามาแล้วจะมาครอบงำ จะมีนายกฯ 2 คน หรือเป็นห่วงว่ามันจะเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเป็นห่วงเลย อย่ากังวลใจ รัฐบาลตั้งใจจะทำงานให้ดี

นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการพักโทษนายทักษิณว่า ทำตามกฎระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่โดยมาตรฐานเดียวกัน  และมีผู้ได้รับการพักโทษกว่า 900 คน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ดำเนินไป ไม่มีเรื่องของการช่วยเหลือหรือ 2 มาตรฐาน และไม่มีอะไรที่คิดว่าจะทำให้สังคมบิดเบี้ยว ส่วนที่ สว.ระบุว่าจะเป็นปมทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมืองนั้น นายทักษิณก็ได้ปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ได้ทำอะไรผิดไปจากมาตรฐานที่เขาทำกัน ท้ายที่สุดก็ได้รับการปฏิบัติจากกระบวนการเช่นนี้ และย้ำว่าไม่ได้ทำให้สังคมมีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องร้ายแรง

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับ ครม.ภายหลังนายทักษิณได้รับการพักโทษเกี่ยวกันหรือไม่ นายชูศักดิ์หัวเราะก่อนกล่าวว่า ไม่วิพากษ์วิจารณ์ การปรับ ครม.เป็นเรื่องของรัฐบาลว่าคิดอย่างไร นายเศรษฐาเคยกล่าวว่าท่านเป็นนายกฯ มีอำนาจเต็ม มีนายกฯ คนเดียว ไม่ได้มีนายกฯ หลายคนก็ฟังท่าน ก็เชื่อท่านให้ความมั่นใจกับท่าน ก็ว่าไป เราเป็นแค่ สส. แล้วแต่เขาจะคิด

นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ กล่าวว่า  การพักโทษครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นของการปรองดอง ความคิดขัดแย้งที่เคยมีมาจะหายไป เกิดสามัคคีประเทศไทย ทุกกลุ่มทุกสีเสื้อจะเลิกขัดแย้งร่วมมือกันแก้ปัญหาประเทศ ซึ่งในวันที่ 25 ก.พ. เวลา 17.00 น. พวกเราแกนนำเสื้อแดงฝ่ายประชาธิปไตย ขอเชิญพี่น้องคนไทยที่รักประชาธิปไตยและรักนายทักษิณ มาร่วมกันจัดงานเลี้ยงที่อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง เพื่อขอบคุณพี่น้องคนเสื้อแดงที่ยังมีอุดมการณ์ประชาธิปไตย และส่งกำลังใจไปให้นายทักษิณแข็งแรงในเร็ววัน

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ที่ระบุว่าขณะนี้ไทยมีนายกฯ 2 คน ว่าหากจะบอกว่ามี 3 หรือ 4 คน หรือ  5 คนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบางครั้งนายกฯ ต้องมีทีมที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษา หรือแม้แต่รัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็ยังมีที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ จะปรึกษาใคร ก็เป็นสิ่งที่ท่านพึงใช้วิจารณญาณของตนเอง แต่การที่จะมีนายกฯ ก็ยังเห็นต่างอยู่ว่ามีคนเดียวอยู่เช่นเดิม

ส่วนนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) กล่าวว่า จะปรับปรุงร่างแก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เคยเสนอต่อสภาชุดที่ผ่านมา แต่ญัตติตกไปเนื่องจากหมดวาระ และยื่นใหม่ในการประชุมสภาชุดนี้ เพราะมองเห็นถึงปัญหาของการบังคับโทษในส่วนของกรมราชทัณฑ์ จึงต้องมีการป้องกันการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากรณีเดียวกับนายทักษิณ เพราะต่อไปอาจมีคนอ้างในระหว่างที่ถูกคุมขังได้ว่าเป็นโรคนายทักษิณ ไม่อยากให้เกิดทักษิณโมเดลในปลายทางของกระบวนการยุติธรรม

จี้แถลงอาการโรคทักษิณ

ขณะที่นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า การพักโทษนายทักษิณอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายเดินหน้าตรวจสอบและตั้งสติให้ดี ให้ใช้กระบวนการทางกฎหมาย เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของนายทักษิณคงไม่มีปัญหาเพราะใช้ช่องทางทางกฎหมาย แต่ส่วนที่ต้องถูกตรวจสอบคือฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งมีองค์ประกอบคือฝ่ายบริหาร คนที่เกี่ยวข้องคือนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้กำกับดูแลหน่วยราชการทั้งหมดจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

นายสมชายกล่าวด้วยว่า อีกส่วนที่ต้องรับผิดชอบคือ  รพ.ตำรวจ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ปฏิเสธไม่ได้ และใครจะปรับปรุง ปรุงแต่ง แก้ไข บิดเบือน ถือว่ามีความผิด  หลักฐานสำคัญคือเวชระเบียน โดยวิกฤตร้ายแรงสำหรับผู้ป่วยคิดว่าทุกคนทราบดี ต้องเป็นโรคเอดส์ขั้นสุดท้าย มะเร็งขั้นที่ 4 ไตวายเรื้อรัง แต่เท่าที่คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาตรวจสอบมาตามที่นายทักษิณได้ยื่นตั้งแต่เข้าประเทศไทย เป็นใบรับรองแพทย์จากสิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ความดันโลหิตสูง กระดูกเสื่อม เส้นเลือดหัวใจตีบ และโรคปอด

 “ถ้าชี้แจงชัดเจนผมว่าสังคมรับได้ ผมไม่ได้แช่งหรืออะไร แต่ถ้าป่วยร้ายแรงผมเชื่อว่าสังคมไทยเป็นสังคมพุทธ มีความโอบอ้อมอารี ถ้าตัวท่านใกล้จะเสียชีวิตแล้ว หรือท่านอันตรายอย่างยิ่ง ผมว่าคนไทยไม่ใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่วันนี้เราไม่ได้รับคำยืนยัน วันนี้ยังไม่สาย คุณทักษิณก็ดี  ญาติพี่น้องก็ดี หรือแพทย์ใหญ่แถลงตรงไปตรงมา ผมว่าทุกคนก็จบ” นายสมชายกล่าว

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวว่า นายทักษิณเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีหลายเรื่องที่ถูกบันทึกไว้ในโลกนี้ เพราะฉะนั้นการทำดีทำชั่ว คนอื่นไม่รู้แต่ใจตัวเองต้องรู้  คือการตกนรกทั้งเป็น นายทักษิณจะต้องได้รับกรรมตรงนี้อยู่แล้ว

 “บางครั้งเขาไม่มีจะกิน ไปขโมยนมกระป๋องในห้าง ยังต้องถูกจำคุก แต่นี่นายทักษิณมีคดีที่ศาลตัดสินแล้วว่าทุจริต แล้วหนีไปต่างประเทศ 16-17 ปี แต่กลับมาไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว จึงขอถามประชาชนว่า กรณีของนายทักษิณถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกหรือไม่ และถ้านายทักษิณยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมายอย่างนี้ ผมเป็นห่วงบ้านเมืองว่าความขัดแย้งความรุนแรงของประชาชนจะมากมายแค่ไหน ซึ่งเป็นห่วงจริงๆ” นายกิตติศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า จะถึงขั้นนองเลือดหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า บอกไม่ได้ แต่การกระทบกระทั่งกันเริ่มแล้ว ดังนั้นตนกล่าวหาได้เลยว่า นายทักษิณเป็นตัวปัญหาที่สร้างความแตกแยกให้คนไทยทั้งประเทศ

เมื่อถามว่า จากนี้ไปประเทศไทยจะมีนายกฯ มากกว่า 2 คนหรือไม่ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า คิดว่ามากกว่า 2 คน  เพราะยังมี น.ส.แพทองธารอีกคน ดังนั้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับประเทศไทย และคิดว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ ใครทำผิด คนอื่นไม่รู้ สวรรค์รู้ ส่วนจะทำให้เก้าอี้นายกฯ ของนายเศรษฐาสั่นคลอนหรือไม่นั้น ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ให้ราคานายเศรษฐา เพราะที่มาก็ทราบอยู่แล้วว่ามาเพราะส้มหล่น หรือถูกหวย หรืออะไรก็ตาม ยิ่งเมื่อนายทักษิณมาอยู่ตรงนี้ นายเศรษฐาจะกลายเป็นดาวที่ไร้แสง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เศรษฐา’เป้าหลัก‘พิชิต’เป้ารอง ‘อำนาจเก่า’เขย่า‘แม้ว’แรง

สถิตินายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นพรรคพลังประชาชนจนมาถึงปัจจุบัน กับศาลรัฐธรรมนูญ ลงเอยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่