กอ.จบปมฉาว ให้อัยการสาว ย้ายกลับภูเก็ต

จบข่าว! “บอร์ด ก.อ.” รีบเคลียร์เรื่องร้อนฉ่าคุกคามทางเพศวงการอัยการ เคาะอัยการหญิงย้ายกลับภูเก็ตตามคำขอ ขณะที่เรื่องวุ่นจบแบบวินวิน “รอง อสส.” คู่กรณีปิดปากเงียบกริบ ไม่คัดค้านหลังทั้งคู่ซัดกันหนักขึ้นโรงพักแจ้งความกัน  

เมื่อวันพุธ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด   ถนนเเจ้งวัฒนะ นายเรวัตร จันทร์ประเสริฐ ประธานคณะกรรมการอัยการ  (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก.อ. โดยมีวาระสำคัญพิจารณาเเต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งอัยการชั้นสี่ระดับผู้กลั่นกรองลงมา โดยมีรายงานว่า พนักงานอัยการหญิงที่ลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ท่าฉัตร ไชย อ.ถลาง ว่าโดนรอง อสส.กระทำอนาจาร ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรมจากรอง อสส.คนดังกล่าวต่อคณะกรรมการอัยการเเล้ว ทั้งนี้ ในที่ประชุม ก.อ.จะมีการพิจารณาเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามาเป็นวาระท้ายๆ  ภายหลังพิจารณาเรื่องการเเต่งตั้งโยกย้ายซึ่งเป็นวาระหลัก

ยังมีรายงานอีกว่า รอง อสส.ซึ่งตกเป็นคู่กรณีตามข่าวก็เดินทางมาประชุมในฐานะ ก.อ.ในวันนี้ด้วย ซึ่งแหล่งข่าวที่ได้พบเจอพบว่า รอง อสส.คนดังกล่าวมีสีหน้าไม่สู้ดีเเละเคร่งเครียดอย่างชัดเจน

โดยบรรยากาศวันนี้มีผู้สื่อข่าวมาปักหลักทำข่าวที่สำนักงานอัยการสูงสุดจำนวนมาก โดยตั้งแต่ช่วงเช้า อัยการสาวผู้เสียหายไม่รับโทรศัพท์จากสื่อ จนกระทั่งช่วงบ่าย โดยเธอปฏิเสธจะให้ข้อมูลพร้อมถามว่าทราบหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองได้อย่างไร ก่อนจะวางหูและไม่สามารถติดต่อได้อีก

สำหรับคดีนี้ อัยการสาวผู้เสียหาย ได้เข้าเเจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  ว่าถูกรองอัยการสูงสุดรายหนึ่งลวนลาม จึงมาร้องเรียนกับ ก.อ.

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันที่ 27  ก.พ.ที่ผ่านมา รองอัยการสูงสุดที่ถูกกล่าวหาได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง โดยปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และทำให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากการที่พนักงานอัยการหญิงรายนี้ไม่พอใจที่ถูกโยกย้าย ซึ่งถูกย้ายจากอัยการแขวงภูเก็ต มาเป็นอัยการที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 4  (กรุงเทพใต้) ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล หากพบว่ามีผู้กระทำความผิดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป

ทั้งนี้ การเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางดังกล่าว รองอัยการสูงสุดรายนี้ระบุว่า ตามที่ได้ปรากฏทางสื่อสารมวลชนต่างๆ ว่า ได้มีการนำรายงานประจำวันของพนักงานอัยการหญิงท่านหนึ่งออกเผยแพร่ทางสื่อมวลชน โดยมีข้อเท็จจริงว่าผู้แจ้งตำแหน่งรองอัยการสูงสุดได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านโฮคิชเช่นซีฟู้ด สาขาเหม่งจ๋าย ถนนประชาอุทิศ ขณะอยู่ในร้าน ผู้แจ้งเดินเข้าไปโอบกอดที่ร่างกายของพนักงานอัยการหญิงท่านนั้น โดยไม่ได้รับความยินยอม

หลังจากนั้นผู้แจ้งได้ชวนพนักงานอัยการหญิงท่านนั้นขึ้นไปนั่งบนรถของผู้แจ้ง แล้วผู้แจ้งได้เอื้อมมือมาโอบกอดพนักงานอัยการหญิงท่านนั้น พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของพนักงานอัยการหญิงท่านนั้น แล้วบอกว่าขอหอมแก้มหน่อย แต่พนักงานอัยการหญิงท่านนั้นไม่ยินยอม จึงใช้มือปัดออกแล้วปฏิเสธไม่ให้ทำ และเป็นเหตุให้ผู้แจ้งไม่พอใจและไล่ลงจากรถ

การที่พนักงานอัยการสาวผู้เสียหายแจ้งความจนเป็นข่าวสู่สาธารณชน ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง อีกทั้งดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการอัยการระดับสูง ซึ่งสาเหตุคาดว่ามาจากการที่พนักงานอัยการสาวไม่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นไปตามความประสงค์ของตนเอง

ในวันนี้ข้าฯ มาแจ้งข้อความไว้เป็นหลักฐาน และขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 17.00 น. คณะกรรมการอัยการได้ประชุมเสร็จสิ้น โดยมีรายงานว่า อัยการหญิงดังกล่าวได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้พิจารณาเรื่องการโยกย้ายเเต่งตั้งใหม่ โดยไม่มีประเด็นเรื่องที่ถูกลวนลามตามที่ได้เคยลงบันทึกประจำวัน

คณะกรรมการอัยการพิจารณามีมติเห็นควรให้พนักงานอัยการหญิงคนดังกล่าวให้ย้ายไปประจำที่สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตตามคำขอ โดยรอง อสส.คู่กรณีที่เคยอภิปรายคัดค้านในที่ประชุมโต๊ะเล็กเเละเคยระบุว่าอัยการหญิงคนดังกล่าวมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมเรียกรับผลประโยชน์ ก็ไม่ได้ออกมาเเสดงความเห็นอภิปรายคัดค้านมติในวันนี้ โดยในวันนี้ที่ประชุม ก.อ.ไม่ได้มีการระบุถึงกรณีที่มีการเเจ้งความลงบันทึกประจำวันของทั้งสองฝ่าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง