บิ๊กตู่อยู่ยาวถึงปี70! วาระ8ปีเริ่มนับ9มิ.ย.62 ครม.ไฟเขียวกม.ลูก2ฉบับ

"บิ๊กตู่" อาจได้เฮ สะพัดฝ่ายกฎหมายสภาชี้วาระดำรงนายกฯ แปดปี ต้องนับตั้งแต่วันรับตำแหน่งนายกฯ หลังเลือกตั้ง 2562 อ้างเหตุกฎหมายในทางเป็นโทษจะนำมาบังคับใช้ย้อนหลังไม่ได้ ครม.ไฟเขียวร่างกฎหมายลูกสองฉบับ รอส่งรัฐสภาโหวตวาระแรก ม.ค.ปีหน้า เคาะค่าจัดเลือกตั้งครั้งหน้า 5.6 พันล้านบาท ประชุม ครม.นัดสุดท้ายสิ้นปี นายกฯอารมณ์ดี ไม่งอนสื่อตั้งฉายาแรง "ป้อม" ยอม "รองช้ำ" เพื่อชาติ

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม มีรายงานข่าวจากรัฐสภาเปิดเผยว่า หลังจากมีประเด็นถกเถียงทางกฎหมายถึงการนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 258 วรรคสี่ ที่ระบุนายกรัฐมนตรีมีวาระดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปีนั้น จะให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎรได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาหาข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว

โดยมีรายงานล่าสุดว่า ฝ่ายกฎหมายของสภาได้พิจารณาและส่งความเห็นให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับทราบข้อสรุปในประเด็นนี้แล้วตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.2564 โดยเห็นว่าการนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.2562 ที่เป็นวันโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นต้นไป (หลังการเลือกตั้งมีนาคม 2562) เพราะการกำหนดเงื่อนไขให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งรวมแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้นั้น เป็นเงื่อนไขการจำกัดสิทธิบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการบัญญัติกฎหมายในทางเป็นโทษ จะนำมาบังคับใช้ย้อนหลังในทางที่เป็นโทษไม่ได้ การกำหนดเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญให้ผลย้อนหลังใช้บังคับกับการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ ย่อมขัดหลักกฎหมาย

ส่วนประเด็นรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 264 ที่แม้จะกำหนดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม. ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้นั้น การปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ตามมาตรา 264 เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทน ครม. ตามบทหลักของรัฐธรรมนูญปี 2560 เพียงชั่วเวลาหนึ่ง และต้องพ้นจากหน้าที่ ภายหลังจากที่ครม.ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เข้าปฏิบัติหน้าที่ หากรัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้นับระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ จะต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่า ให้นับระยะเวลาดังกล่าวรวมเป็นระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

"ดังนั้นระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามมาตรา 264 นับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 ที่รัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ จนถึงวันที่ 9 มิ.ย.2562 ที่พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงไม่ถือเป็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 158" รายงานข่าวจากสภาผู้แทนราษฎรระบุ

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุม ครม. ครั้งสุดท้ายของปี 2564 เมื่อวันอังคารที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างผ่อนคลาย พล.อ.ประยุทธ์ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตลอดการประชุมมีการหยอกล้อและแซวรัฐมนตรีเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ไม่ได้มีการพูดถึงฉายารัฐบาลและฉายาของตัวเองที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ ตั้งให้ประจำปี

ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังมีการแลกของขวัญกันระหว่างกระทรวง โดยชิ้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวชื่นชมคือของขวัญของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นปากกาลายไทยสลักชื่อรัฐมนตรีแต่ละคน โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้หยอดมุกกับ ครม.ว่า “อย่าเผลอลืมทิ้งไว้ในสถานที่อโคจรนะครับ เพราะมีชื่อตัวเองสลักไว้” ทำให้ ครม.ต่างพากันหัวเราะชอบใจ

นอกจากนี้ ในที่ประชุม ครม. ได้มีการนำดอกบัวสีม่วง พันธุ์ฉลองขวัญ ซึ่งนายกฯ รู้สึกประทับใจในช่วงที่ลงพื้นที่สวนเบญจกิติเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยนำดอกบัวชนิดดังกล่าวมาใส่แจกันวางไว้ด้านหน้าที่นั่งของนายกฯ และนายกฯ ได้กล่าวถึงดอกบัวดังกล่าวว่า อยากให้หน่วยงานต่างๆ เอาดอกบัวดังกล่าวไปปลูกในสวนสาธารณะ เป็นดอกบัวไทยแบบบ้านๆ ไม่ต้องไปปลูกดอกบัวพันธุ์ที่แพงมาก

ในที่ประชุม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ได้รายงานวาระงานของสภาว่า ในสัปดาห์นี้จะไม่มีการประชุม ซึ่งจะกลับมาประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับเกี่ยวกับการประชุมสภาที่ล่มบ่อยว่า "เรื่องสภาผมก้าวล่วงไม่ได้ แต่อยากให้ผู้ประสานงานสภา ประสานให้ดีว่าวันไหนมีกฎหมายของรัฐบาลเข้าสู่ที่ประชุม อย่าให้เกิดปัญหาเหมือนเดิมอีก และอยากให้ ส.ส.อยู่ให้พร้อมเพรียงกัน"

"บิ๊กตู่"ไม่งอนอวยพรสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้อวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลวันขึ้นปีใหม่แทนการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2565 ที่จะมาถึงนี้ ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้อำนวยพรให้สื่อมวลชนทุกท่าน ทุกแขนง มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งไว้ และเป็นส่วนสำคัญในการนำพาประเทศชาติและประชาชน เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และยั่งยืน ในฐานะสื่อกลางที่มีคุณภาพ และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของสื่อมวลชน เพื่อความรักสามัคคีของคนไทย”

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการแถลงข่าวการประชุม ครม.ว่า เนื่องจากวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีภารกิจในช่วงเย็น จึงไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ฝากคำถามไว้ “และขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้งอนสื่อ ตามที่มีสื่อบางสำนักพาดหัว ในข้อเท็จจริงนายกรัฐมนตรีไม่ได้งอนสื่อ และได้มีการทักทายสื่อตามปกติ รวมทั้งเข้าใจในการทำงานของสื่อทุกสำนัก”

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังถูกถามว่าทราบฉายาที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้เป็น “รองช้ำ” แล้วหรือยัง ว่า “อ่อ ผมก็รองช้ำ รองช้ำเพื่อชาติไม่เป็นอะไรหรอก รองช้ำเพื่อชาติ เพื่อให้ประเทศชาติอยู่ต่อไปได้”

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงฉายา "นายกฯ บางโพล" ว่า ตลกดี ส่วนตัวไม่มีความเห็นอะไร แต่ยอมรับว่าคนตั้งก็เก่ง

เมื่อถามว่า คิดว่าจะเป็นนายกฯ ตัวจริง ไม่ใช่แค่นายกฯ บางโพล ตามที่มีการตั้งฉายาได้หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคต ซึ่งวันนี้เราก็มีนายกฯ อยู่แล้ว

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงฉายา “ว้ากซีน” ว่า “ก็ดี จะได้เป็นคำติดหู คนจะได้มาฉีดวัคซีนกันเยอะๆ”

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงฉายา “มหาเฉื่อย 4D” ว่าไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด “ไม่เคืองหรอก เพราะอาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน ก็อาจจะคิดได้ ไม่มีปัญหาอะไร จะไปโกรธได้อย่างไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด”

ถามย้ำว่าจะสานต่องาน 4D หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ก็สานต่อสิ เพราะของมันดีหนิ และเป็นเรื่องสำคัญให้ความรู้ความเข้าใจ และประชาชนต้องเข้าใจมากกว่านี้ คนอื่นจะได้เข้าใจมากกว่านี้ และเดี๋ยวก็จะเห็นผล เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลาในระยะยาวก็จะเห็นผล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบนายกฯ หลังการประชุม ครม. ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ว่าเป็นการพูดคุยกันทั่วไป นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเข้าพูดคุยกับนายกฯ เป็นเรื่องงานในกระทรวง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในเรื่องดาวเทียม ที่รับโอนมาจากไทยคม ซึ่งต้องทำให้เรียบร้อย และถูกกฎหมาย เพื่อบริหารงานได้ต่อไป ส่วนในที่ประชุม ครม. นายกฯ ขอให้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำงาน โดยปีหน้าเป็นปีสำคัญที่เราต้องขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาล และแก้ไขปัญหาให้ประชาชนให้สำเร็จและเร็วที่สุด ส่วนของฉายารัฐบาลที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าว

ครม.ไฟเขียว กม.ลูก 2 ฉบับ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญรวม 2 ฉบับ คือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่..) พ.ศ..... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่..) พ.ศ..... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ เพื่อให้สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2564 ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 83 มาตรา 86 และมาตรา 91 โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ .. (พ.ศ....) มีสาระสำคัญ อาทิ 1) ให้ กกต.ดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 400 คน และการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 100 คน 2) ให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้วจึงมีสิทธิส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ และต้องกำหนดให้ส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยต้องกำหนดวันที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 3 วัน 3)กำหนดให้มีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 7 คน มีหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนในที่เลือกตั้งและนับคะแนนของหน่วยเลือกตั้งแต่ละแห่ง 4) ให้ใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบละ 1 ใบ (บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส่วนหีบบัตรเลือกตั้งให้มีลักษณะตามที่ กกต. กำหนด) 5) แก้ไขเพิ่มเติมการประกาศผลเลือกตั้ง โดยเมื่อรวมผลเลือกตั้งแล้ว คะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น รวมทั้งคะแนนที่ได้จากการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง และการลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรแล้ว ให้ กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง ดำเนินการประกาศผลรวมคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง คะแนนที่ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ผลการรวมคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และคะแนนที่ไม่เลือกพรรคการเมืองใด แล้วรายงาน กกต.โดยเร็ว

2.ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่..) พ.ศ..... มีสาระสำคัญดังนี้ 1)แก้ไขเพิ่มเติมให้คณะกรรมการสรรหาของแต่ละพรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่เกิน 100 รายชื่อ 2) แก้ไขเพิ่มเติมให้สมาชิกพรรคการเมืองลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้คนละไม่เกิน 10 รายชื่อ จากเดิม 15 รายชื่อ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนี้จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบเชื่อว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน ก่อนเสนอไปยังสภาหลังวันที่ 15 ม.ค. ขณะที่ร่างกฎหมายลูกของ ส.ส.ก็จะบรรจุในระเบียบวาระหลังวันที่ 15 ม.ค. เช่นเดียวกันเนื่องจากระหว่างนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของสภา สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะอยู่ที่ประมาณ 5.6 พันล้านบาท

มีรายงานด้วยว่า ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ทั้งสองฉบับ โดยมีรองเลขาธิการ กกต.ได้อธิบายรายละเอียดของกฎหมายต่อที่ประชุม ครม. นายจุรินทร์ กับนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ซักถึงรายละเอียดที่ กกต.ยกร่างว่าสามารถแก้ไขในสภาได้หรือไม่ ซึ่งรองเลขาธิการ กกต.ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว แต่มีผู้ร่วมประชุมคนอื่นให้ความเห็นว่าสามารถแก้ไขในสภาได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง