ยํ้าไม่เกินธ.ค.ได้เงินดิจิทัลแน่

“เศรษฐา-แพทองธาร”   เดินสายโอ่ไม่เกิน ธ.ค.นี้ได้เงินดิจิทัล 1   หมื่นแน่ “ชัยชนะ” ซัด 8 เดือนรัฐบาลมุ่งแต่หาแพะมาสังเวยโครงการ แนะควรต่อยอดนโยบายยุคลุงตู่คนละครึ่งดีกว่า   “แก้วสรร” ชำแหละแผนเศรษฐา 1/2  ชะลองบปี 2567 ให้ล่าช้าเพื่อหาเงินใส่โครงการ ซัดแรงเป็นการทรยศและลวงโลก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดมหาสารคามและร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 5-6 พ.ค.2567 โดยระหว่างลงพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม นายเศรษฐากล่าวตอนหนึ่งว่า “วันนี้ปัญหาใหญ่อยู่ข้างหน้าของรัฐบาลนี้มีเยอะ  เมื่อกี้นี้ท่านโฆษกพรรคเพื่อไทยได้พูดไปแล้วเรื่องของเงินดิจิทัล ไม่ต้องห่วงไตรมาส 4 มาแน่นอนเรื่องดีๆ”

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งทำหน้าที่พิธีกรบนเวทีได้ถามประชาชนว่า เอาเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ โดยประชาชนต่างตะโกนตอบว่า “เอา”

ในช่วงเย็นเวลา 16.00 น. คณะนายเศรษฐาเดินทางถึงวัดกลางอุดมเวทย์ ต.พนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด นายกฯ  เดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมชูป้ายโดยมีข้อความระบุว่า  “10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต หวังคนไทยความหวังของเรา ใครอย่ามาขัดขวางความเจริญ” นอกจากนี้ยังมีป้ายข้อความต่างๆ อาทิ “รอเงินหมื่นดิจิทัล,  รักอุ๊งอิ๊ง, รักษาฟรี รักนายกฯ เศรษฐา,  รัฐบาลเศรษฐา รัฐบาลของประชาชน  ช่วยคนยากจนได้ลืมตาอ้าปาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างที่นายกฯ เดินพบปะประชาชน ปรากฏว่าชาวบ้านที่ถือป้ายดิจิทัลวอลเล็ตได้สอบถามนายกฯ ว่า “เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไหร่” โดยนายกฯ ตอบกลับว่า ไม่เกิน ธ.ค.นี้แน่นอน

ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่ รร.พนมไพรวิทยาคาร ต.พนมไพร นายเศรษฐาได้เดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับชูป้ายข้อความ เช่น รักนายกเศรษฐา รอเงินหมื่นดิจิทัล พร้อมคล้องพวงมาลัยและผ้าขาวม้าให้กำลังใจนายกฯ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

“วันนี้ไม่ได้มาแค่โชว์ตัวรัฐมนตรี แต่เรามีนโยบายดีๆ ไม่ว่าจะการมายืนยันกับพี่น้องว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต สิ้นปีนี้พี่น้องจะได้” นายเศรษฐากล่าวกับประชาชน

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีเดียวกันว่า “ใครรอเงินดิจิทัลวอลเล็ตอยู่บ้าง ปลายปีนี้แล้วที่เงินดิจิทัลจะออกมาแน่นอน เราทำเต็มที่แน่นอน”

ขณะที่ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า พรรคเพื่อไทยอวดอ้างว่าจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจถึง 4 ลูก แต่ในความเป็นจริง นโยบายดังกล่าวกลายเป็นพายุหมุนที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปตามที่คาดหวังไว้ และเหมือนกับที่เคยให้ข่าวว่า เป็นนโยบายที่เข้าทำนองที่ว่ากลับไม่ได้ ไปไม่ถึง เพราะพรรคเพื่อไทยคงคิดเอาเองว่า ที่มีคนเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาคือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็เลยพยายามเดินหน้าโครงการนี้อย่างเต็มที่  แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาลจริงๆ แล้วปรากฏพบความจริงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ยังสามารถเดินหน้าไปต่อได้ จนทำให้ขุนพลของพรรค พท.ต้องออกมาพูดกล่อมประสาทประชาชนว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในขั้นวิกฤต จึงจำเป็นต้องมีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ความเสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วยงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ เป็นต้น

ซัด 8 เดือนมุ่งแต่หาแพะ

“แหล่งเงินทุนซึ่งหวยไปออกที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นหลักนั้น ถือว่ารัฐบาลเกิดอาการเข้าตาจน เพราะอย่าลืมว่า ขณะนี้รัฐบาลยังคงค้างหนี้ในโครงการจำนำข้าวอยู่อีก 2.4 แสนล้านบาท และยิ่งก่อหนี้ตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะใช้งบ 1.7 แสนล้านบาท รัฐบาลก็จะติดหนี้ ธ.ก.ส. 4.1 แสนล้านบาท รวมทั้งจะต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่ว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ไม่นับเสียงคัดค้านที่มาจากทุกสารทิศ ที่แสดงความไม่เห็นด้วยต่อโครงการ โดยส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่าจะเป็นโครงการที่เข้าทำนองได้ไม่คุ้มเสีย และมีนโยบายอื่นๆ  ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่า”

นายชัยชนะกล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนการดำเนินงานโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชนเสียใหม่ เพราะหากดันทุรังไปจนถึงปลายทางแล้ว พรรค พท.อาจได้รับคะแนนนิยมจนชนะการเลือกตั้งก็จริง แต่ก็ทิ้งความเสียหายให้ประเทศเป็นจำนวนมาก ยิ่งเอาเงินจริงไปผูกกับความผันผวนในตลาดเงินดิจิทัลแล้ว ถือเป็นการเอาอนาคตประเทศไปแขวนอยู่กับเส้นด้ายที่บอบบางเป็นอย่างมาก

 “ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีความคืบหน้าอยู่ แต่เป็นความคืบหน้าในการหาแพะรับบาป เพราะแรกเริ่มเดิมที แพะตัวแรกที่สังเวยไปแล้วคือกฤษฎีกา เพราะเมื่อมีความเห็นทางกฎหมายออกมาว่า ต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กลายเป็นว่ามวลชนที่สนับสนุนก็ออกมาโจมตีกฤษฎีกา ต่อมาก็มีแนวคิดที่ใช้เวทีรัฐสภาในการออกพระราชบัญญัติ ผมก็รู้ทันทีว่ารัฐบาลจะโยนบาปให้กับ สส.ที่ไม่เห็นด้วยและลงมติไม่เห็นชอบ จะได้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ประชาชนโกรธแค้น และกลายเป็นแพะรับบาปในสายตาประชาชน และล่าสุดคราวนี้ถึงกับเล่นใหญ่ โดยระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคในการทำงาน โดยพยายามให้ประชาชนเข้าใจว่า  ธปท.เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบาย ซึ่งจะกลายเป็นแพะรับบาปอีกรายหนึ่ง  ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทราบกันโดยทั่วไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายเศรษฐา และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ราบรื่นนัก”

นายชัยชนะกล่าวต่อว่า การนำสิ่งที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว อย่างเช่น โครงการคนละครึ่ง ที่ชาวบ้านเข้าใจเป็นอย่างดี และมีแอปเป๋าตังอยู่แล้ว มาปรับให้เกิดความเหมาะสม เพราะชาวบ้านก็ยืนยันแล้วว่าโครงการคนละครึ่งสามารถสร้างกำลังซื้อให้เกิดความคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น ส่วนข้อบกพร่องของโครงการคนละครึ่งที่เจ้าของร้านค้าเกรงว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมนั้น  รัฐบาลก็ต้องหามาตรการจูงใจให้คลายกังวลเพื่อให้เจ้าของร้านค้ามาร่วมโครงการให้ได้ มากกว่าการคิดโครงการที่หวือหวาให้คนมาลงคะแนนเสียง แต่เสี่ยงที่จะดำเนินการไม่ได้ในทางกฎหมายและข้อปฏิบัติ

ส่วนนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ได้เผยแพร่บทความในรูปถาม-ตอบ ในหัวข้อ “โครงการแจกเงินดิจิทัล : ทรยศและลวงโลก?” โดยยกตัวอย่าง ระบุว่า คุณเป็นโรคขาดเลือด เพราะไขสันหลังไม่ทำงานผลิตเม็ดเลือดแดงให้เพียงพอ พอเม็ดเลือดแดงมีน้อย การขนส่งออกซิเจนกับธาตุอาหารไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายก็ไม่เพียงพอตามไปด้วย ร่างกายก็เสื่อมทรุดถึงตายได้ในที่สุด ซึ่งคือวิกฤตที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเกิดขึ้นแล้ว ต้องเร่งเติมเงินเติมเลือดเข้าไปโดยด่วน แต่นักวิชาการยังเถียงกันอยู่   ซึ่งที่ฟังแล้วเห็นด้วยคือความเห็นที่ว่าคนไข้ขาดเลือดก็ต้องเอาเลือดใหม่เข้ามาเติม ไม่ใช่ดูดเลือดจากแขนซ้ายไปอัดใส่แขนขวาแบบนี้ ทำอย่างนี้มันไม่ใช่การเติมเม็ดเลือดใหม่ให้ร่างกาย มันไม่มีผลสร้างสุขภาพใหม่ขึ้นมาได้

ปูดแผนดึงงบล่าช้า

“ที่มาของเงินแจกในครั้งนี้มันเป็นเงินเดิมเลือดเดิมที่มีในวงจรเศรษฐกิจอยู่แล้ว อยู่ในงบประมาณปี 2567 และ 2568 รวมกว่า 3.7 แสนล้านบาท และถ้าเอามาจาก ธ.ก.ส.จริงอีก 1.3 แสนล้านบาท วงเงินก้อนนี้ก็เป็นเงินที่ ธ.ก.ส.เขามี และจะให้กู้ช่วยการประกอบการของเกษตรกรอยู่แล้ว มันจึงไม่ใช่เลือดใหม่อะไรทั้งสิ้น ที่สำคัญยังมีการละเว้นหน้าที่ไม่เร่งรัดผ่านงบประมาณปี 2567 เช่นที่ควรจะเป็น เพราะงบปี 2567 พึ่งประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อ พ.ค.นี้เอง มีเวลาใช้งบลงทุนเหลืออยู่แค่ 6 เดือนเท่านั้น รับรองว่าผูกมัดหาคู่สัญญาไม่ทันแน่นอน พอพ้น ต.ค.ไปแล้วก็จะใช้มติ ครม.ผลักเงินที่เหลือจ่ายเข้าโครงการดิจิทัลได้ทั้งหมดเลย

เมื่อถามว่า มีเจตนาประวิงให้งบประมาณปี 2567 ผ่านล่าช้าเลยเชียวหรือ นายแก้วสรรระบุว่า ถ้าสุจริต ก็ควรต้องเร่งรัดได้เร็วกว่านี้ เป็นรัฐบาลเมื่อ ก.ย.2566 ก็ควรเปิดสภาวิสามัญลุยผ่านงบให้เสร็จได้ในสิ้น ธ.ค.ก็ไม่ทำ เอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ จนเวลาหายไปอีก  4 เดือน วันนี้เหลือเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งเมื่อสอบถามพรรคพวกในกระทรวงคลังแล้ว เขาบอกว่าไม่มีทางทัน และที่สำคัญเขาไม่เห็นมาตรการเร่งรัดเช่นที่ควรจะเป็นเลย 

“ถ้าสุจริตตรงไปตรงมาจริงๆ ต้องมีมติ ครม.โดยพลัน วางมาตรการเร่งรัด เอาไปใช้บังคับในงบทุกรายการ ทุกส่วนราชการเลย ขั้นตอนหาคู่สัญญาที่ไม่จำเป็นก็ใช้มติ ครม.ยกเว้นเสียให้หมด   ทุกรายการงบประมาณต้องมีแผนปฏิบัติการผูกมัดงบประมาณ เห็นเป็นแผนเวลาชัดเจน โดยต้องรายงานทุกเดือนว่าคืบหน้าตามแผนหรือไม่ ถ้าล่าช้าต้องรายงานพร้อมเสนอมาตรการแก้ไขมาด้วย ซึ่งเพื่อนผมบอกว่าดีไม่ดีน่าจะแอบส่งสัญญาณห้ามเร่งรีบซะด้วยซ้ำ คุณดูอาการในงบกระทรวงคมนาคมให้ดีๆ ก็แล้วกัน”

นายแก้วสรรระบุอีกว่า ถ้าเตะถ่วงได้เต็มที่จริงๆ เงินจะเหลือได้ถึง 3 แสนล้านบาทเลยทีเดียว เติมงบกลางอีกหน่อย ก็ไม่ต้องไปกู้ ธ.ก.ส. โดยการที่รัฐบาลบอกจะกู้ ธ.ก.ส. 1.3 แสนล้านบาทอาจเป็นข่าวโคมลอย ที่หลอกให้ผู้คนหลงทางโจมตีกันไป เพราะทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่เขามีดีเอ็นเอเดียวกันทั้งนั้น สามารถจะร่วมมือกันดึงงบได้ดีทีเดียว

“เป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการโดยสุจริต มุ่งประโยชน์ทางการเมืองที่มิควรได้ ทำให้เศรษฐกิจบ้านเมืองเสียหายงบแผ่นดินไม่ถูกเร่งผลักดันออกมาใช้ในเวลาอันควร จนบ้านเมืองขาดเงินหมุนเวียนเป็นแสนล้านกว่า 6 เดือน ในทางกฎหมายยังเถียงกันได้ แต่ในทางการเมือง ถูกตราหน้าว่าลวงโลกและทรยศต่อหน้าที่ ได้แน่นอน ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะบ้านนี้เมืองนี้ ประชาชนมีไว้หลอกลวงและป้อนอาหารเม็ดอยู่แล้ว” นายแก้วสรรทิ้งท้าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

5 เหตุผล 'เศรษฐา' รอดชั่วคราว

ทำไมคุณเศรษฐา ถึงรอดมาจากเงื้อมมือของศาลรัฐธรรมนูญได้ อย่างฉิวเฉียดขนาดนี้ (5:4) ซึ่งผมคิด แล้วก็เดาเอาเองว่ามันน่าจะมีสาเหตุมาจากหลายๆเรื่