นายกฯขายฝันชาวอีสาน สาง‘หนี้-ยาเสพติด-แล้ง’

"เศรษฐา"   ลุยมหาสารคาม-ร้อยเอ็ด แวะขึ้นเวทีเพื่อไทย ประสานเสียง "อุ๊งอิ๊ง" ขอบคุณเลือกเป็นรัฐบาล ชูปราบ 3 ปัญหาใหญ่วาระแห่งชาติ "หนี้นอกระบบ-ยาเสพติด-ภัยแล้ง" ขีดเส้น 90 วัน กวาดล้างยานรก รายงานความคืบหน้าทุกเดือน ปลื้มชาวบ้านแห่ต้อนรับบอกรักนายกฯ  ตีปี๊บ "จิราพร" รมต.หญิงคนแรกร้อยเอ็ด

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 09.30  น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6)  ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปตรวจราชการจังหวัดมหาสารคามและร้อยเอ็ด  ระหว่างวันที่ 5-6 พ.ค. พร้อมด้วยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง, นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ

โดยเวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อด้วยโตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร มาถึงที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อติดตามประเด็นยาเสพติดและหนี้นอกระบบ มีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของพื้นที่ พร้อมด้วย สส.มหาสารคาม ทั้ง 6 คน ให้การต้อนรับ

ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปการแก้ปัญหายาเสพติด สถานการณ์ภัยแล้ง และปัญหาหนี้นอกระบบ จากนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า วันนี้ได้มีการลงพื้นที่และมีการนำรัฐมนตรีมาด้วย เพื่อต้องการดูปัญหาจริงๆ ของจังหวัดมหาสารคาม หากดูจากตัวเลขแล้วยังน่าเป็นห่วง เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรยังต่ำอยู่เป็นลำดับที่ 57 ของประเทศ ซึ่งถือว่าต่ำอยู่มาก เรายังต้องพึ่งภาคเกษตรค่อนข้างเยอะ และภาคเกษตรจะดีได้ต้องมีน้ำซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการบริหารจัดการ ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ บอกปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากธรรมชาติยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในแง่การทำการเกษตร จึงได้มีการพูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป้องกันสาธารณภัย ให้ดูแลเรื่องน้ำ ขนส่งน้ำบริการประชาชน ซ่อมบำรุงการประปาให้กับประชาชน เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้ นอกจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกับทางกองทัพโดยทหารราชพัฒนา เนื่องจากรถบรรทุกน้ำของทหารที่มีทั่วประเทศ เพื่อให้ช่วยเหลือเกษตรกรดูแลเรื่องน้ำให้เพียงพอในทุกมิติ

ส่วนเรื่องปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่หยั่งลึกในสังคมไทย ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้หนี้ ตัวเลขที่ผู้ว่าฯ นำเสนอ ยอดมูลค่าหนี้ 300 ล้านบาท ต้องยอมรับว่ายังต่ำอยู่ จำนวนลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่เข้ามาลงทะเบียนในระบบมีประมาณไม่ถึง 3,000 คน ซึ่งต้องยอมรับ แม้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะทำงานหนักอย่างไรตัวเลขยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะตัวเลขที่มีทั้งระบบ หนี้นอกระบบ มีเป็นแสนล้าน แต่ขอให้กำลังใจและช่วยกันทำงานให้หนักขึ้น พยายามสนับสนุนให้ลูกหนี้เข้ามาแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลเรื่องผู้มีอิทธิพลที่ข่มขู่ไม่ยอมเข้าสู่ระบบ เพราะเป็นปัญหาใหญ่ หากแก้ที่รากฐานของปัญหาหนี้นอกระบบได้ ปัญหาต่างๆ จะลดน้อยลง

ขีดเส้น 90 วันปราบยานรก

นายเศรษฐากล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่เรามาดูแลในวันนี้คือปัญหายาเสพติด ปฏิเสธไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ของภาคอีสาน เรื่องใหญ่เกิดจากการทำงานใช้หนี้ไม่เพียงพอ การบังคับใช้กฎหมายตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมาจัดการกัน วันนี้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มากันครบ จึงอยากให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเรื่องนี้ ดูแลประชาชนให้เหมาะสม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม จัดทำบัญชีผู้ค้ายาเสพติดแบ่งเป็นขนาดใหญ่กลาง เล็ก ระบุกำหนดกรอบการปราบปราม ต้องไม่เกิน 90 วันตั้งแต่วันนี้ และให้ถือว่าผู้ที่มียาเสพติดในครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย แต่ต้องมีการแบ่งแยกระหว่างผู้เสพและผู้ค้า และให้รายงานต่อสำนักนายกรัฐมนตรีทุกเดือน

ขณะที่ของกลางจะต้องเร่งทำลายเผา อย่าให้มีการเคลื่อนย้าย ทุกอย่างต้องโปร่งใส ถูกต้อง และขอให้มีการตั้งศูนย์บำบัดทุกหน่วยราชการที่สามารถทำได้ เช่น ค่ายทหาร โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาร่วมดูแล ขณะเดียวกันตำรวจ ทหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำงานอย่างบูรณาการ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาช่วยกันปราบปรามดูแล และขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ปกครอง เข้ามาดูแลระเบียบการจัดการเรื่องความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขด้วย ขอให้เคร่งครัดปฏิบัติและคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพราะเรื่องยาเสพติดถือเป็นเรื่องใหญ่

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขบวนการยึดทรัพย์ต้องทำให้เร็ว สกัดตามชายแดนไม่ให้มียาเสพติดรั่วเข้ามา จัดการกับผู้ค้ายาอย่างเด็ดขาด เรื่องของการเอาชุมชนเข้ามามีส่วนแก้ไขปัญหา ดึงหมู่บ้านเข้ามามีส่วนร่วม ร่วมกันบูรณาการ ทุกคนต้องช่วยกัน ขอย้ำอีกครั้ง ถนนนี้อีกไกล เชื่อว่าเรามีแผนงานที่ชัดเจน แต่ปัญหาก็ยังอยู่ ราคายาบ้ายังไม่ขึ้น และยังมีมาก เราต้องทำงานกันให้หนักมากขึ้น

ต่อมาเวลา 11.45 น. นายเศรษฐา ได้เดินทางมายังศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้จัดเวทีเพื่อไทยพบประชาชน มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สวมใส่เสื้อสีแดง พร้อมนำ สส.พรรคเพื่อไทย ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยในหัวข้อ “พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน” โดยประชาชนที่มาร่วมงานต่างสวมใส่เสื้อสีแดง มีข้อความว่า “นักสู้สภา นักสู้สภา นักสู้สภา”

ใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีเพื่อไทย

จากนั้นได้มีการเปิดเวทีของรัฐบาล โดยนายกฯ สวมเสื้อสีแดง เดินทักทายประชาชน และมีประชาชนได้มอบผ้าขาวม้าและดอกกุหลาบสีแดงให้ ก่อนจะขึ้นกล่าวบนเวทีว่า จำได้หรือไม่ว่าเดือนนี้เมื่อปีที่แล้วมาหาเสียงที่นี่ ยังจำได้ว่ามีพายุฝนตกใหญ่ และจำรอยยิ้มได้ วันนี้มาไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังประทับใจในรอยยิ้มและความตั้งใจจริงของพี่น้อง ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าร้อน อุตส่าห์ตรากตรำมาให้การต้อนรับ ซึ่งตน รัฐมนตรี  สส.ภาคอีสานและ สส.บัญชีรายชื่อทุกคนรู้สึกภูมิใจ เป็นเกียรติและซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

นายเศรษฐาได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ปัญหายาเสพติด และปัญหาภัยแล้ง พร้อมตบท้ายว่าทั้ง 3 เรื่องเป็นวาระแห่งชาติ จึงขอให้มั่นใจรัฐบาลเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนได้ในทุกมิติ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายได้มีประชาชนตะโกนว่า “รักนายกฯ เศรษฐา” ด้วย

จากนั้นเวลา 14.10 น. ที่วัดกู่พระโกนา ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นายกฯ เดินทางไปติดตามเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และแผนพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ พร้อมรับฟังปัญหาของประชาชนเรื่องแหล่งน้ำ และการพัฒนาโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ โดยมีอธิบดีกรมชลประทานบรรยายสรุปแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำและทุ่งกุลาร้องไห้ในพื้นที่ มีส่วนราชการ ประชาชน รวมถึง สส.อีสานพรรคเพื่อไทย อาทิ นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด, นายครูมานิตย์ สุงข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย รอต้อนรับ

นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ล่าสุดคือดูเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ดีใจที่ได้กลับมา จ.ร้อยเอ็ดอีกครั้ง โดยมาดูใน 2 เรื่องใหญ่ที่เป็นเรื่องหลักคือ การบริหารจัดการน้ำ ได้สั่งการให้กรมชลประทานพิจารณาโครงการที่เสนอมาตามความเหมาะสมในการพัฒนาระบบชลประทานทั้งระบบใน จ.ร้อยเอ็ด และให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงการบริหารจัดการน้ำระยะยาวในโครงการที่อยู่นอกแผนของกรมชลประทานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในการอุปโภคบริโภค และใช้ทำมาหากิน

สำหรับการพัฒนาที่ดินทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของภาคอีสาน ครอบคลุม 5 จังหวัด มีศักยภาพในการพัฒนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลเกษตรกรและพัฒนาการส่งเสริมปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร                รวมทั้งทำแผนการตลาดและส่งเสริมการขายไปทั่วตลาดโลก

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเศรษฐา เดินทางถึงวัดกลางอุดมเวทย์ อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่ ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ทันทีที่นายกฯ เดินทางถึงได้สักการะองค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ โดย น.ส.จิราพรกล่าวกับนายกฯว่า พระธาตุแห่งนี้ที่นี่ชาวบ้านจะบนบานศาลกล่าวเพื่อขอตำแหน่งหากได้จะมาจุดบั้งไฟถวาย

จากนั้น นายกฯ ได้กราบนมัสการพระครูอดุลจันทคุณ เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ และเจ้าคณะตำบลพนมไพร เขต 1 โดยพระครูอดุลจันทคุณได้มอบหนังสือประวัติองค์พระมหาธาตุ และมอบกรอบรูปภาพพระครูประโชติธรรมานุยุต (หลวงพ่อชาลี) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ และมอบพระสมเด็จ 9 ชั้นแกะสลักจากงาช้างให้นายกฯ เป็นที่ระลึกด้วย

ขณะที่พระครูอดุลจันทคุณกล่าวเชิญชวนนายกฯ ให้มาร่วมงานบุญบั้งไฟพนมไพรของ จ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 20- 22 มิ.ย.67 โดยนายกฯ ยิ้มและพยักหน้า ก่อนตอบว่า “ครับ” ซึ่งในจังหวะนี้มีชาวบ้านพูดขึ้นว่า “หลวงพ่อบอกว่าอยากให้ท่านนายกฯ มาเป็นเจ้าภาพบุญบั้งไฟ 10 ล้านบาท”

จากนั้นเวลา 16.30 น. ที่โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร อำเภอพนมไพร  จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐารับฟังปัญหาและพบปะพี่น้องประชาชน ในเวทีเพื่อไทยพบประชาชน โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สส.เพื่อไทยและคณะร่วมด้วย

เมื่อมาถึงนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ ชูป้ายข้อความ  เช่น รักนายกฯ เศรษฐา รอเงินหมื่นดิจิทัล พร้อมคล้องพวงมาลัยและผ้าขาวม้าให้กำลังใจ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ช่วงหนึ่งนายเศรษฐายังได้อุ้มเด็กชายที่มารอต้อนรับอย่างอารมณ์ดีด้วย

ขอบคุณเลือกเป็นรัฐบาล

นายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น เรามากันครบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี สส. คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ขอบคุณพี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกคนที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้ามารับใช้ประชาชน ขอบคุณ สส.ที่มีส่วนผลักดันให้เราเป็นรัฐบาล วันนี้ยินดีที่ได้กลับมาจังหวัดร้อยเอ็ดและมาด้วยหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจแทนพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด  เรามี สส.หลายคน และมีตัวแทน สส. ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั่นคือรัฐมนตรีน้ำ (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นลูกของคุณพ่อนิสิต สินธุไพร ทุกคนรู้จักดี เป็นความภาคภูมิใจของคนร้อยเอ็ดทุกคน ดังนั้นขอแสดงความยินดีด้วยที่ผลักดันจนมีรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด

"เรื่องของระบบชลประทาน การแก้ปัญหาภัยแล้ง ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลเราที่จะต้องดูแลให้พี่น้องมีน้ำใช้อย่างสมบูรณ์ และเรื่องน้ำเป็นประเด็นสำคัญในการทำเกษตรกรที่พวกท่านต้องการน้ำ วันนี้มีรัฐมนตรีชื่อน้ำแล้ว ฉะนั้นเรื่องน้ำไม่มีปัญหา ขอขอบคุณ  วันนี้ดีใจมากที่พวกท่านมากัน และในวันนี้มาเป็นครั้งที่ 4 แล้วจะกลับมาอีก  ขอเสียงปรบมือต้อนรับรัฐมนตรีหญิงของจังหวัดร้อยเอ็ดคนแรกด้วย" นายเศรษฐาระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนายกฯ เดินทางมาถึง น.ส.แพทองธารได้ขึ้นกล่าวบนเวทีเดียวกัน โดยสวัสดีเป็นภาษาอีสานว่า "สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวพนมไพรทุกคนเด้อ" วันนี้รู้สึกตื่นเต้น เป็นเกียรติและดีใจมากๆ มาเยือนถิ่นชาวพนมไพร และเห็นว่าทุกคนมาพร้อมกันแบบสุดลูกหูลูกตา ถามหน่อยว่ายังจำกันได้หรือไม่ มีใครรอเจอพรรคเพื่อไทยอยู่บ้างไหม วันนี้พรรคเพื่อไทยมาทีมใหญ่ มาเพื่อมาเจอพี่น้องทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะอยากมาขอบคุณจากหัวใจ เพราะที่พนมไพรเราได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะที่สุดในประเทศไทย และมากไปกว่านั้น  น.ส.จิราพรยังได้คะแนนมากที่สุดด้วย  ตบมือให้ตัวเองหน่อยค่ะ และชาวพนมไพรมีรัฐมนตรีเป็นของตัวเองแล้ว

"ดิฉันเชื่อพี่น้องรักในตัว สส.และเชื่อในตัวพรรคเพื่อไทยว่าจะสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ที่บอกพี่น้องประชาชนไว้ได้ เรามีประวัติกันมายาวนาน จากพ่อใหญ่ทักษิณสู่แพทองธาร  จากครูนิสิต​ สู่น้ำ จิราพร และชญาภา  (น.ส.ชญาภา สินธุไพร) เหมือนเป็นครอบครัว เหมือนเป็นบ้าน และมาที่นี่ก็รู้สึกอุ่นใจมากๆ ที่ได้มา ตั้งแต่ไทยรักไทย มาจนถึงเพื่อไทย เราก็พร้อมที่จะดูแลพี่น้องต่อไป อยากจะมาให้ความมั่นใจว่า นโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องปากท้องสำคัญต่อเราพรรคเพื่อไทยเสมอ สำคัญต่อรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเสมอ และวันนี้รัฐบาลเองก็พยายามทำทุกนโยบายให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งก็ได้ขึ้นหลายตัวแล้ว และเราจะยืนยันทำต่อแน่นอน" น.ส.แพทองธารระบุ

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงปัญหายาเสพติดด้วยว่า เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ยาเสพติดก็ขายง่าย ก็มีการติดยาเป็นภาระเป็นความลำบากของครอบครัว พรรคเพื่อไทยเข้าใจอย่างมาก และนายกฯ ได้กล่าวไว้ว่าจะต้องเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ "พรรคเพื่อไทยมาแล้ว ยาเสพติดต้องหมดไป".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดชื่อ 40 สว. ร้องศาลรัฐธรรมนูญ สอย 'เศรษฐา-พิชิต'

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของ 40 สว.ที่ยื่นเรื่องต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน

5 เหตุผล 'เศรษฐา' รอดชั่วคราว

ทำไมคุณเศรษฐา ถึงรอดมาจากเงื้อมมือของศาลรัฐธรรมนูญได้ อย่างฉิวเฉียดขนาดนี้ (5:4) ซึ่งผมคิด แล้วก็เดาเอาเองว่ามันน่าจะมีสาเหตุมาจากหลายๆเรื่