"เศรษฐา" ยังพาผ้าขาวม้าสู่เวทีโลก เดินสายทัวร์ยุโรปต่อ พบผู้นำมหาอำนาจฝรั่งเศส-เยอรมนี หลังปิดฉากผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย ตีปี๊บเกี่ยวแขนแดนจิงโจ้สู่พลังงานสะอาด มุ่งสู่ระบบนิเวศ EV ครบวงจร นายกฯ ประกาศลั่นพร้อมอ้าแขนรับ "สหรัฐ-จีน" ใช้ไทยเป็นเวทีหารือสานสัมพันธ์ พร้อมยันจุดยืนเมียนมาทางออกคือการเมือง เดินหน้าช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เมื่อวันพุธ ผู้สื่อข่าวรายงานการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน สมัยพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ อาเซียน-ออสเตรเลีย ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่นครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย วันสุดท้าย (6 มี.ค.) โดยภารกิจช่วงเช้า ตามเวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะผู้นำอาเซียน- ออสเตรเลีย พร้อมด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ณ ศูนย์การประชุม Melbourne Convention and Exhibition Centre
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้นายกรัฐมนตรียังใช้ผ้าขาวม้าลายสีขาว-เทา ทำเป็นผ้าพันคอมาเข้าร่วมประชุม โดยเป็นผ้าขาวม้าที่ได้จากการลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อโปรโมตสินค้าและซอฟต์พาวเวอร์ของไทย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมพิธีต้อนรับประมุขรัฐ หัวหน้ารัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียน ติมอร์-เลสเต และเลขาธิการอาเซียน โดยมีผู้สำเร็จราชการประจำรัฐวิกทอเรีย ให้การต้อนรับ และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน
ก่อนที่ช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย และปิดท้ายที่เข้าร่วมพิธีอำลาผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ ณ ทำเนียบผู้สำเร็จราชการประจำรัฐวิกทอเรีย และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่เครือรัฐออสเตรเลียแล้ว ช่วงเย็นนายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมลเบิร์นไปยังกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อร่วมงาน ITB Berlin 2024 และเยือนประเทศฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการ พร้อมเข้าร่วมงานมหกรรม MIPIM 2024 ณ เมืองคานส์ ซึ่งเป็นงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย วันที่ 14 มี.ค.2567
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ทางการออสเตรเลียได้จัดรถยนต์ไฟฟ้า BMW IX40 สำหรับผู้นำแต่ละประเทศ โดยรถของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เป็น BMW IX40 สีขาว ทะเบียน 081 ประดับธงชาติไทย
ขณะที่ในเวลา 10.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาร่วมการประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย เชื่อมั่นว่าการเดินทางมาครั้งนี้ได้เพิ่มโอกาส สร้างประโยชน์ให้ประเทศและประชาชนไทยอย่างมาก การเดินทางครั้งนี้เพื่อส่งเสริมถึงความร่วมมือระหว่างอาเซียน-ออสเตรเลีย ภายใต้ 3 เสาหลักของอาเซียน 1.การเมืองและความมั่นคง 2.เศรษฐกิจ 3.สังคมและวัฒนธรรม และถือเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปีอาเซียน-ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน
นายเศรษฐากล่าวว่า สิ่งที่ประเทศไทยพร้อมผลักดันใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ Connectivity ได้แก่ การค้าการลงทุน เพิ่มมูลค่าทางการค้าผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ ด้านที่สอง ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมระบบโลจิสติกส์ให้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ไร้รอยต่อ Seamless ด้านที่สาม ด้านดิจิทัล โดยได้เริ่มพัฒนาเจรจาความตกลง DEFA (Digital Economy Framework Agreement) ซึ่งจะสร้างมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
"และในด้านสุดท้ายที่มีความสำคัญมาก คือด้านประชาชน การติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างประชาชนผ่านการส่งเสริม Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการช่วยเหลือด้านการเชื่อมโยงด้านการตรวจลงตราระหว่างกัน และ 2.การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งไทยสามารถร่วมกับ ออสเตรเลีย ทำให้เกิดระบบนิเวศ EV ครบวงจร รวมถึงการออก Sustainability bonds" นายกรัฐมนตรีระบุ
นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อมั่นว่าจะเกิดความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาคผ่านการมีเป้าหมายร่วมกัน และจะเกิดความร่วมมือ เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ เกิดการพัฒนา ซึ่งจะต้องไม่ลืมที่จะต้องรับมือกับ Climate Charge ร่วมกันด้วย โดยประเทศไทยได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมมืออย่างเต็มที่ในกรอบความร่วมมือนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จของภูมิภาค
นายกฯ กล่าวว่า ได้พบหารือกับผู้นำ 4 ประเทศ ในการพบหารือกับผู้นำลาวได้พูดถึงการค้าชายแดน พบหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้พูดคุยถึงสันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นโอกาสให้พูดคุยเรื่องโอกาส ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยว่าเราควรเริ่มพูดคุยแนวทางการแก้ปัญหาจากการเพิ่มโอกาส ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการลงพื้นที่เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นการสร้างโอกาสให้เกิดการขุด Hidden Gem ถือเป็นอีกมิติในการแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้ ในส่วนของการคบหากับผู้นำออสเตรเลียนั้น ได้พูดคุยเรื่องการสนับสนุนการนำเข้าแรงงานไทยมาทำงานด้านการเกษตรที่ออสเตรเลีย และได้ขอบคุณออสเตรเลียที่ดูแลนักเรียนไทยอย่างต่อเนื่องมาตลอด ในการพบหากับนิวซีแลนด์ ได้พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ทั้งในเรื่องของ Visa Free และในปีนี้ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์มีกำหนดการเดินทางไทยในช่วงเดือนเมษายน
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพบหารือกับฝ่ายเอกชน ยังได้พบหารือกับผู้นำเอกชน 6 บริษัทใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทสำคัญทั้งในด้านอุตสาหกรรม พลังงานสะอาดและด้านกองทุน ซึ่งตนเชื่อมั่นมากว่าประเทศไทย คนไทย จะได้ประโยชน์จากการเดินทางครั้งนี้
หลังจากนั้น ในเวลา 13.45 น. นายเศรษฐาเข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย ณ ห้อง State Ballroom ที่ Government House Victoria โดยนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เป็นผู้กล่าวเปิด และกล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “วิสัยทัศน์ต่อภูมิภาค ประเด็นสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และแนวทางความร่วมมือระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียในการรับมือกับปัญหาท้าทายร่วมกัน” จากนั้นผู้นำประเทศอาเซียนกล่าวถ้อยแถลง
โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญจากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี สรุปใจความว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าความมั่นคงในภูมิภาค ภูมิทัศน์ของโลก และการร่วมกันจัดการกับข้อห่วงกังวลร่วมกันจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ โดยนายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความท้าทายที่สำคัญ 1.จำเป็นต้องส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าเราทุกคนมีวิสัยทัศน์เดียวกัน คือภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง ยึดตามกฎ และครอบคลุม
โดยนายกฯ ยินดีที่สหรัฐอเมริกาและจีนใช้ไทยในการเป็นเวทีสำหรับการหารือเพื่อรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ นอกจากนี้ จำเป็นต้องเสริมสร้างสถาบันระดับภูมิภาคและพหุภาคีเพื่อส่งเสริมการสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่น เราหวังว่าออสเตรเลียจะสนับสนุนกลไกของอาเซียน ซึ่งรวมถึงการมีส่วนร่วมของ AUKUS และ Quad ด้วยอินโดแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ โดยความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองขึ้นอยู่กับการเดินเรือที่เสรี เปิดกว้าง และเป็นไปตามกฎ จึงยินดีให้ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล และความร่วมมือด้านอื่นๆ ภายใต้ the ASEAN Outlook ในส่วนของตะวันออกกลาง มีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในฉนวนกาซา ย้ำข้อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและการสู้รบ ให้ปล่อยตัวประกันทั้งหมดทันที ซึ่งรวมทั้งคนไทยด้วย
นายกฯ กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมา เชื่อว่าทางออกที่สันติ มั่นคง และเป็นหนึ่งเดียวของเมียนมาคือทางออกด้านการเมือง อย่างไรก็ดี ไทยได้ริเริ่มโครงการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของอาเซียนในการผลักดันฉันทามติ 5 ข้อ หวังว่าจะเป็นเส้นทางสู่การเจรจาที่สร้างสรรค์ และยินดีที่อาเซียนสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ และหวังว่าออสเตรเลียจะสนับสนุนความคิดริเริ่มนี้ด้วย
นายเศรษฐายังระบุถึงความจำเป็นในความร่วมมือเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยได้เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 50% ภายในปี 2040 รวมทั้งออกพันธบัตรด้านความยั่งยืน และได้ระดมทุนไปแล้ว 12.5 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งความท้าทายเร่งด่วนอีกประการคือปัญหา PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ ไทยร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันข้ามพรมแดน
นายชัยเปิดเผยด้วยว่า นายเศรษฐา และคณะมีกำหนดการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7-14 มี.ค.นี้ โดยจะเดินทางจากนครเมลเบิร์นในช่วงเย็นวันที่ 6 มี.ค. และจะถึงกรุงเบอร์ลินช่วงเช้าของวันที่ 7 มี.ค. สำหรับการเดินทางดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนนโยบายรัฐบาล ยืนยันค่านิยมเสรีประชาธิปไตยของไทย สร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดการลงทุน ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป การขอยกเว้นการตรวจลงตราเชงเกนให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย
รวมทั้งการหารือในประเด็นเพื่อความร่วมมือในการแก้ปัญหาความท้าทายในโลกร่วมกัน อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน พลังงานสะอาด และความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกับฝรั่งเศส ไทยมีแผนจะยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี 2567 ตามแผนการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ.2022-2024) ส่วนเยอรมนี นายกรัฐมนตรีจะไปย้ำและเสนอยกระดับความสัมพันธ์สู่เป้าหมายการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
นายชัยระบุว่า โดยในการเดินทางเยือนทั้งสองประเทศอย่างเป็นทางการครั้งนี้ มีกำหนดการสำคัญๆ อาทิ การหารือกับผู้นำของทั้งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐฝรั่งเศส การเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นเกียรติ รวมทั้งการแถลงข่าวร่วมกัน ในส่วนของภารกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน อาทิ การเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี การเข้าร่วมพิธีเปิดงาน MIPIM 2024 และเยี่ยมชมนิทรรศการ และการร่วมงานและกล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเยอรมนี
"ในการเดินทางเยือนยุโรปของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีกำหนดการพบหารือกับภาคเอกชนสำคัญระดับโลกในหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเเฟชั่น และอุตสาหกรรมค้าปลีก” นายชัยระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คิกออฟเลือกสว./นักวิชาการสับเละ
“กกต.” คิกออฟเลือก สว. มั่นใจได้ 200 รายแน่ “มท.” ยันอนุทินกำชับอย่าให้พลาด
‘19-21’มิ.ย.ถกงบปี2568 พิพัฒน์ย้ำ1ต.ค.ได้400แน่
ดีเดย์ 19-21 มิ.ย.ถกงบรายจ่ายปี 2568 “ก้าวไกล” ดี๊ด๊าบอกสมาชิกแห่ขอลงชื่อจองกฐินซักฟอก
ภูมิใจไทยยื้อกัญชากลับยาเสพติด
ภท.เรียงหน้ายื้อกัญชากลับเป็นยาเสพติด “อนุทิน” ลั่นต้องเป็นไปตามนโยบาย
ระทึก!ศาลรธน.รับคำร้องปม‘นิด’ตั้ง‘พิชิต’
“เศรษฐา-พิชิต” เก้าอี้สะเทือน ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องปม 40 สว.ยื่นให้ตีความเสนอชื่อ “ทนายถุงขนม”
‘บุ้ง-แม้ว’เท่าเทียม! ‘ทวี-ราชทัณฑ์’แจ้นแจง พรรคร่วมยี้ปล่อยผี112
"ทวี" ยันราชทัณฑ์ดูแล "บุ้ง" มาตรฐานเดียวกับ "ทักษิณ" ขอครอบครัวมั่นใจผลชันสูตรโปร่งใส "อธิบดีกรมคุก"
นายกฯ เยือนโรงงานผลิตผ้าแบรนด์ชั้นนำอิตาลี ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าย้อมครามไทยสู่สากล
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของห้องเสื้อ Zegna เมืองวาลดิลานา (Valdilana) และพบหารือกับนาย Gildo Zegna ผู้บริหารของห้องเสื้อ Zegna