ชี้ตีเช็คเปล่า!ให้นายกฯ ธนาธรโผล่จวกกองทัพ

"วิโรจน์" ผิดหวัง "สุทิน"  ปล่อยรัฐบาลล่มเรือฟริเกต ซัดพรรคร่วมตัดทิ้งโอนเข้างบกลาง ตีเช็คเปล่าเอื้อนายกฯ แค้นจบฝันไทยศูนย์กลางต่อเรือ จ้างงานหลายพันล้าน ชมหวาน "ทร.-ทอ." โปร่งใส อาสาตัวกลางเชื่อมทหารกับ ปชช. "ธนาธร" ซัดกองทัพชงเองกินเองตรวจสอบเอง บี้ยก "สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์" ให้ อบจ.ปทุมธานีทำเป็นสวนสาธารณะ ชี้ถ้าถ่ายโอนไม่สำเร็จ ปลุกเลือกตั้งครั้งหน้าเลือก "ก้าวไกล" มากกว่านี้

วันที่ 10 มีนาคม ที่ห้องอาหารพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ. จัดงานสัมมนาหัวข้อ "การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการใช้งบของกองทัพ"  โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)  ปทุมธานี ในฐานะตัวแทนส่วนท้องถิ่น และ สส.พรรคก้าวไกล ร่วมงานด้วย

นายวิโรจน์กล่าวเปิดงานว่า การใช้งบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพส่วนใหญ่บางอย่างมีความจำเป็น แต่ทำไมพอจะซื้อประชาชนจึงเกิดแรงต้านทันที ซึ่งเป็นเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพลเรือนกับทหารวันนี้สั่นคลอน เหมือนคนที่เราไม่ไว้วางใจ อีกฝ่ายหนึ่งจะขยับ ประชาชนจะมองไม่ดีเอาไว้ก่อน ทำให้การจัดซื้อจัดจ้าง สิ่งที่มีความจำเป็นต่อความมั่นคงและการปฏิบัติหน้าที่ของทหารถูกลดทอนประสิทธิภาพลง ดังนั้น ดังนั้นบทบาทของ กมธ.การทหาร ที่สำคัญที่สุดคือการประสานให้ประชาชนกับกองทัพกลับมามีความไว้เนื้อเชื่อใจ และเข้าอกเข้าใจกันในเชิงเหตุผล ตรวจสอบซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชนตรวจสอบกองทัพอย่างสมเหตุสมผล อย่างมีเนื้อหาสาระ ไม่ได้ตรวจสอบในลักษณะที่มีการอคติหรือเกลียดชัง

"ล่าสุดทุกคนตกใจ เพราะเห็นเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน ตกใจว่าทำไม กมธ.การทหารไม่ได้คัดค้าน เราก็คิดว่าถ้ารัฐบาลกับพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยกมือ เรือฟริเกตก็ต้องผ่าน แต่ปรากฏว่ากองทัพเรือเตรียมเนื้อหาไว้เป็นดิบดี ตัวแทนจากก้าวไกลยกมือให้ผ่าน ขณะที่พรรครัฐบาลตัดงบเรือฟริเกต เชื่อว่าจะนำงบส่วนนี้ไปเข้าสู่งบกลาง ถือเป็นการตีเช็คเปล่าไปให้นายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้เชียร์ให้ซื้อ เดี๋ยวไปหาว่าวิโรจน์กินยาลืมเขย่าขวดแล้วมาเชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต ถามว่าทำไมถึงสมเหตุสมผล ก็เพราะเรือฟริเกตนี้จะถูกต่อในประเทศไทย น่าจะเป็นครั้งแรกที่จะมีการต่อเรือรบในประเทศไทย เกิดการจ้างงานมูลค่าหลายพันล้านบาท เป็นการต่อเรือด้วยมือของเราเองครั้งแรก และจะทำให้ลดต้นทุนในการบำรุงรักษาเวลาของเราในระยะยาว" นายวิโรจน์ระบุ

ส่วนสาเหตุที่สนับสนุนฟริเกต ไม่ใช่เรือดำน้ำ เพราะเรือดำน้ำเป็นการเอาเงินประโยชน์ให้เขา โดยที่ไม่ได้ประโยชน์กลับมา รัฐบาลบอกว่ากลัวงบประมาณไม่พอ แต่ปัญหาคือตัดทิ้งแล้วเอาเข้างบกลาง ตกลงแล้วเราจะเชื่อน้ำงิ้วของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมได้หรือไม่ และเขาจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ พูดแล้วยิ่งแค้น ถ้ามีกระป๋องจะเตะกระป๋องโชว์ ความฝันที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการต่อเรือจบลงแล้ว แล้วนายกรัฐมนตรีก็เคยพูดว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไม่เป็นไรมาก ถ้ามีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ของไม่จำเป็น บาทเดียวเราก็ไม่จ่าย แต่ถ้าจำเป็นและเกิดประโยชน์ ต่อให้เป็นหมื่นล้านแสนล้านก็ต้องจ่าย ไม่เกี่ยวกับเงินมากหรือน้อย อยู่ที่จำเป็นและเกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่

"นี่คือโอกาส ไม่ใช่โอกาสที่ประเทศไทยจะได้เรือรบ แต่เป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และการส่งเสริมการจ้างงานที่สูญหายไป 2-3 ปี จากการไม่ใส่ใจในเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัฐบาลนี้ สะท้อนว่า รมว.กลาโหมไม่ให้ความสนใจในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศเลย น่าผิดหวังมาก" นายวิโรจน์กล่าว และยังกล่าวถึงนายสุทินด้วยว่า ดูโหงวเฮ้งตนเองแล้วน่าจะเป็นรัฐมนตรีได้มากกว่านายสุทินอีก ยืนคู่กับนายสุทิน มีคนเเซวด้วยว่า "ดูปุ๊บใครเป็นรัฐมนตรี ใครเป็นโฆษกกลาโหม ดูรู้เลย"

นายวิโรจน์กล่าวว่า ในฐานะประธาน กมธ.การทหาร เราทำงานกับกองทัพได้  เชื่อว่ากองทัพเข้าใจแล้วว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้อยู่ด้วยความปฏิปักษ์ นอกจากเรื่องเรือฟริเกตแล้ว ในส่วนของกองทัพอากาศได้ทำสมุดปกขาวเปิดเผยการซื้อจัดจ้าง เท่าที่ตรวจสอบในรายละเอียดมีการเปิดเผยที่โปร่งใสมาก แต่กองทัพบก คิดว่ายังมีปัญหาการคอร์รัปชัน อย่างไรตาม ต้องขอบคุณอยู่ 2 เหล่าทัพ คือกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ที่ให้ความร่วมมือกับ กมธ.ดีมาก ส่วน ผบ.ทบ. กำลังสร้างความสัมพันธ์เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น เข้าใจว่าการสื่อสารของกองทัพกับประชาชนบางครั้งมีข้อจำกัด แต่ถ้าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วให้ กมธ.ช่วยในการประชาสัมพันธ์บอกเล่าเก้าสิบกับภาคประชาชน จะทำให้เกิดการไว้เนื้อเชื่อใจกันในที่สุด ทั้งนี้ท่าทีของตนต่อกองทัพไม่ใช่การเกี้ยเซียะ แต่ขึ้นอยู่ที่เนื้อหาสาระ

ประธาน กมธ.การทหารกล่าวถึงที่ดินสนามกอล์ฟของกองทัพอากาศว่า หากโอนให้กับท้องถิ่นได้จะประเสริฐที่สุด จะเป็นเรื่องดีที่สุด แต่ถ้ากองทัพยังดำเนินการต่อ ต้องชี้แจงให้ได้ว่าจะมีการจัดสรรให้กับนายทหารเท่าไหร่ มีความโปร่งใส มีการจ่ายเงินเข้ารัฐเท่าไหร่ เปิดให้ประชาชนได้เข้าใช้ในอัตราราคาที่เป็นธรรมได้หรือไม่

ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า จังหวัดปทุมธานีถือว่ายังไม่มีสนามกีฬาที่เป็นของจังหวัด มองว่าชาวปทุมธานีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนจะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ ตนอยากได้ ทำให้เป็นศูนย์กีฬาที่ออกกำลังกายของพี่น้องประชาชน เป็นปอดของพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนทำไมต้องไปเสี่ยงอุบัติเหตุข้างนอก เช่น การปั่นจักรยาน ยืนยันว่า อบจ.พร้อมและตั้งงบประมาณผูกพันไว้รอแล้ว

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนาว่า ทหารมีกิจการมากมาย แต่ไม่ได้ถูกรายงานให้กับสภาผู้แทนราษฎร หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยทหารจะมีกฎหมายอันหนึ่งเขียนมาเฉพาะกิจเพื่อให้กิจการกองทัพ คือเงินนอกงบประมาณประเภท 2 คือ เงินที่ส่วนราชการได้รับหรือต้องรับผิดชอบโดยที่ส่วนราชการนั้น หรือกระทรวงกลาโหมส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ออกข้อบังคับระเบียบคำสั่งหรือคำชี้แจง ไว้ให้ถือเป็นทางปฏิบัติ ก็แค่ไปเซ็นเอ็มโอยูร่วมกันเมื่อจะใช้ทรัพยากรของประเทศมาใช้แล้วออกข้อบังคับเองว่า จะจัดการปันส่วนแบ่ง โดยไม่ต้องขอต่อหน่วยงานไหนๆ เลย​ ซึ่งกิจการของกองทัพ ออกกฎเอง บริหารเอง สอบบัญชีเอง เพราะขอดูรายงานการสอบบัญชีกลับไม่เคยได้เลย

สำหรับสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ขนาด 625 ไร่ หากจัดการให้ประชาชนจะมีศักยภาพมาก แต่ปัจจุบันรอบๆ พื้นที่ดังกล่าวมีห้างสรรพสินค้า 5-8 แห่ง คนเดินเยอะ ทั้งๆ ที่เราอยากให้คนเดินสวนสาธารณะ พอมีแต่ห้างคนที่รวยก็คือเจ้าสัว ดังนั้น หากมีการจัดสรรดีๆ ที่นี่จะเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด สามารถรับใช้คนได้หลายแสนคน ให้มาใช้สำหรับการทำกิจกรรมครอบครัว รวมถึงจัดอีเวนต์ทางการเมือง แล้วจะเกิดเศรษฐกิจ 2 ข้างทางช่วยเหลือคนตัวเล็กตัวน้อย และคนที่เหมาะสมที่จะรับการถ่ายโอนพื้นที่ตรงนี้มากที่สุดคือ อบจ.ปทุมธานี นี่คือส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกองทัพ

ในช่วงท้าย เปิดให้ผู้เข้าร่วมประชุมซักถาม โดยมีผู้ถามว่าหากการถ่ายโอนไม่สำเร็จจะดำเนินการอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ง่ายๆ แค่ครั้งหน้าเลือกก้าวไกลให้เยอะกว่านี้ เป็นแผน 2 คือการชนะเลือกตั้งให้มากกว่านี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง