ฉลุย!สภาโหวตงบรายจ่ายปี67

สภาโหวต 298 ต่อ 166 เสียง ผ่านงบประมาณปี 2567 แล้ว  เตรียมชงสภาสูง 26 มี.ค. “เศรษฐา” โผล่ขอบคุณสมาชิก พร้อมน้อมรับข้อติติง ยันจะใช้เงินแผ่นดินอย่างโปร่งใส วันสุดท้าย “ก้าวไกล” ยังดุ สับงบ สตช.-กอ.รมน.-ศาล เพื่อไทยพล่านพาเหรดแถลงแจงเรื่องฝายแกนดินซีเมนต์

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปี ที่ 1 ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน  3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาเสร็จแล้วเรียงตามมาตราเป็นวันสุดท้าย

โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ  ว่า เท่าที่ทราบไม่มีตรงนี้ เพราะรัฐบาลเองก็เหนียวแน่นหมด ทุกพรรคทุกท่าน ไม่น่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือวิเคราะห์หรือไม่ว่ากระแสข่าวมาอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มี แต่อ่านหนังสือพิมพ์มีฉบับหนึ่งที่บอกมา  ซึ่งฝ่ายสภาเช็กแล้วก็ไม่มีอะไร เราเองก็ทำงานด้วยกันดี ไม่น่ามีอะไร เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่  นายเศรษฐากล่าวว่า “อ๋อ มั่นใจครับ”

เมื่อถามอีกว่า ไม่มีสัญญาณอะไรใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีครับ ถ้าพูดถึงการวัดเนื้องานเป็นหลัก เราทำงานร่วมกันดี ตรงนี้ไม่มีประเด็นอะไรเลย

ถามว่า ได้สอบถามไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือในส่วนแกนนำของพรรค พปชร.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ถามครับ เพราะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ด้านนายวิสุทธิ์  ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการลงมติร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ว่า เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา และมั่นใจจะผ่านสภาได้อย่างแน่นอน ทุกคนก็รอให้งบประมาณผ่านเพื่อส่งไปให้สมาชิกวุฒิสภา และคาดว่าต้นเดือน  เม.ย. งบประมาณที่ทุกคนรอกันทั้งประเทศจะได้นำออกไปใช้เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองควรร่วมกันผลักดันร่างงบประมาณ  จึงเชื่อว่าวันนี้ร่างงบประมาณผ่านล้านเปอร์เซ็นต์ 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวคว่ำร่างงบประมาณฯ ถึงขั้นเพื่อให้เปลี่ยนตัวนายกฯ และรัฐบาล นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน ซึ่งคงเป็นพวกเดิมๆ ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ไม่มีใครเปลี่ยนตัวนายกฯ

ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเอกฉันท์ เห็นตรงกันว่าจะลงมติไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ส่วนกระแสข่าวการโหวตไม่เห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ นั้น ยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องนี้เลย ต้องจับตากันดูว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น โอกาสคงเป็นไปได้ยากในวาระนี้ แต่ถ้าเกิดขึ้นก็แปลว่ามีรอยแตกร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล หรือมีการแก่งแย่งชิงอำนาจที่หลายฝ่ายลือกันมาแล้วก่อนหน้านี้

ถามถึงโอกาสดึงนายเศรษฐาลงแล้วดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ แทน นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า “ถ้าถามผม ผมถามว่าเอาจริงเหรอครับ ผมถามแค่นี้แหละ และถามกับสังคมดีกว่าว่า 4 ปีที่ผ่านมาสังคมรู้สึกอย่างไร หากเรามีนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร”

แจงยิบฝายแกนดินซีเมนต์

นายวิสุทธิ์ยังชี้แจงถึงกรณีอภิปรายดุเดือดในช่วงค่ำวันที่ 21 มี.ค. ที่ใช้เวลากว่า 4.30 ชั่วโมง ในส่วนกระรวงมหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องฝายซีเมนต์ ว่า เป็นความเสียใจที่โครงการที่เกิดจากภูมิปัญญาพี่น้องประชาชนและภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่นำกระสอบทรายไปกั้นลำน้ำเป็นฝาย ซึ่งทำกันทุกปี ใช้งบประมาณของกระทรวงมหาดไทยและท้องถิ่นไปซื้อ คนที่อยู่กรุงเทพฯ ไม่ทราบว่าคนชนบทเขาใช้บ่อน้ำ คนที่คัดค้านโครงการนี้เจอแต่น้ำประปาและน้ำขวด สุขสบาย  

“โครงการที่เกิดขึ้น เราไม่ได้คิดว่าเพื่อไทยหรือใครจะทำ เรามองเห็นแล้วว่าท้องถิ่นเขาทำ ผมจึงขอเชิญชวนพรรคก้าวไกลทุกคน ทั้งหัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านฯ ลงพื้นที่ เราไปดีเบตด้วยกัน ไปถามพี่น้องประชาชน ถ้าไม่ดีไม่มีประโยชน์ ไม่ถูก บอกผมมา ผมยินดีจะลาออกจากผู้แทนฯ แต่พวกท่านไม่ต้องออก แต่ผมอยากให้พวกท่านตาสว่าง เห็นความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนจริงๆ ขอตัดโครงการไปผมเสียใจ ยอมรับว่ามีอารมณ์โกรธแทนพี่น้องประชาชน เกษตรกรรอความหวังอันนี้” นายวิสุทธิ์กล่าว

เมื่อถามกรณีที่มีข่าวว่าเพื่อไทยกับ  สว.มีเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับงบประมาณโครงการนี้ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เบื้องลึกเบื้องหลังที่ไปหากิน ขอสาบานต่อวัดพระแก้ว ถ้ามีความคิดทุจริตหากินแบบนี้ ขอให้วิบัติ แต่ถ้าไม่จริงขอให้ตนเจริญก้าวหน้า คนที่กล่าวหาตนถ้าไม่จริงตามที่กล่าวหา ขอให้คุณวิบัติทั้งครอบครัว 

ต่อมาพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ผ่านเพจพรรค พท. ระบุว่า พรรคเพื่อไทยโหวตเห็นชอบการปรับแก้ไขงบประมาณกระทรวงมหาดไทยตามความเห็นของ กมธ.เสียงข้างมาก ไม่ใช่การโหวตเห็นด้วยให้ตัดงบทำฝาย การอภิปรายถกเถียงเป็นการชี้แจงเรื่องการโจมตีว่าเพื่อไทยมีเจตนาทุจริต และชี้แจงว่าฝายจำเป็นต่อพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำท่วม-แล้งซ้ำซาก

แถลงการณ์ยังระบุว่า ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าการตั้งงบประมาณฝายแกนดินซีเมนต์มีความไม่ชอบมาพากล, พรรคเพื่อไทยคบคิดกับ สว., ล็อกสเปก, ไม่ได้มาตรฐาน, มือใครยาวสาวได้สาวเอา,  เร่งรีบ จึงขอตัดงบ ประเด็นนี้ สส.พรรคหลายท่านได้ชี้แจงแสดงเหตุผลอย่างมีเหตุผลว่าการตั้งงบดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ  เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน มีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาภัยแล้ง ส่วนที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า สส.เพื่อไทยลุกขึ้นอภิปรายปกป้องฝาย แต่สุดท้ายก็ตัดงบ ทำไมไม่โหวตกลับมานั้น เพราะงบฝายแกนดินซีเมนต์เป็นส่วนหนึ่งของงบท้องถิ่น รวมอยู่ในงบของกระทรวงมหาดไทย หากโหวตเอางบแกนดินกลับมา จะกระทบต่องบของกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด ต้องปรับแก้ใหม่หมด พรรคจึงจำต้องโหวตให้งบผ่านไปก่อนตามมติของ กมธ.ฝ่ายข้างมาก

 “งบฝายแกนดินซีเมนต์นี้ พรรคเพื่อไทยโหวตรับไปในชั้นอนุกรรมาธิการ แต่แพ้เสียงข้างมาก และได้น้อมรับมติของกรรมาธิการ ประเด็นงบฝายแกนดินซีเมนต์จึงจบไปในชั้นอนุกรรมาธิการเป็นที่เรียบร้อย แม้ไม่เห็นด้วย และอยากยืนยันให้พี่น้องประชาชน เพราะพรรคมองภาพรวม ภาพใหญ่ การโหวตเห็นด้วย เพื่อต้องเร่งผ่านงบประมาณปี 2567 ทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน”

ก.ก.โชว์สับงบประมาณ

และในเวลา 09.30 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ต่อ โดยเริ่มต้นที่มาตรา 27 ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกฯ วงเงิน 35,434,895,500 บาท โดย น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรค ก.ก. ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย สงวนความเห็นขอตัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลง 3% จำนวน 1,781 ล้านบาท เพราะเป็นงบจัดซื้ออาวุธหนักที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย ประกอบด้วยปืนซุ่มยิงระยะไกล หรือสไนเปอร์ 10 ชุด 15.5 ล้านบาท, ปืนกล พร้อมอุปกรณ์ 20 ชุด 72 ล้านบาท, ปืนกลมือขนาด 9 มม. 4,000กระบอก พร้อมอุปกรณ์ 104 ล้านบาท, ปืนเล็กสั้น ขนาด 5.56 มม. จาก 3 โครงการ 2,000 กระบอก 274 ล้านบาท, รถปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม (จีโน่) 5 คัน 87 ล้านบาท และค่าซ่อมแซมรถฉีดน้ำแรงดันสูงควบคุมฝูงชน (จีโน่) ที่ชำรุด 5 คัน 47 ล้านบาท รวม 599.5 ล้านบาท

 “ถามว่าตำรวจมีอาวุธได้หรือไม่ ตอบว่ามีได้ แต่ข้อเท็จจริงต้องดูว่าตำรวจใช้อาวุธเหล่านี้กับใคร ด้วยจุดประสงค์อะไร และถือครองไว้จำนวนเท่าไหร่ เราต้องไม่ปล่อยให้ตำรวจตกเป็นเครื่องมือของรัฐ ผลักสังคมไปอยู่ในความรุนแรงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากการสะสมอาวุธสงครามมากมาย” น.ส.พนิดากล่าว

น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ กมธ.พรรคก้าวไกล อภิปรายให้ตัดงบ สตช. 10% เนื่องจากใช้งบประมาณกับบางอย่างที่เกินจริง ให้ความสำคัญผิดสัดส่วน เช่น ค่าน้ำมันของสายตรวจ ค่าเช่ารถ ซึ่ง สตช.เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีรถจำนวนมาก ทำให้ค่าเช่าย่อมสูงตามไปด้วย ปีนี้กว่า 3,000 ล้านบาท และค่าเช่ารถในแต่ละปีมีราคาสูงกว่าความเป็นจริงมาก

ต่อมา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายถึงงบประมาณของ สตช.ที่ไม่จำเป็น และขอทุกปี ซึ่งสิ่งที่ควรลดหรือตัดออกไปเลยคือค่าตอบแทนอาสาสมัครตำรวจบ้าน 26.24 ล้านบาท

  จากนั้น นายธเนศ เครือรัตน์ กมธ.พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า โครงการจัดซื้อปืนซุ่มยิงระยะไกล ปืนกล ปืนเล็ก ทั้งหมด 6,030 กระบอก สตช.ได้ใช้งบพับตั้งแต่ปี 2564 มาจัดซื้อในปี 2567 เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงโควิดจัดซื้อไม่ทัน จึงมาจัดซื้อในปีนี้ ซึ่งอนุ กมธ.ก็ไม่ได้ตัดลดในส่วนนี้ เนื่องจาก สตช.ชี้แจงว่าได้ส่งมอบและเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว สำหรับค่าน้ำมันนั้น กมธ.ทำเป็นข้อสังเกตให้ สตช.จัดสมดุล ระหว่างรถประจำตำแหน่งและรถสายตรวจแล้ว

ทั้งนี้ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบตามคณะ กมธ.เสียงข้างมากแก้ไขด้วยคะแนน 259 ต่อ 129 งดออกเสียงไม่มี และไม่ออกเสียง 2 เสียง

ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ประชุมสภาฯพิจารณามาตรา 31 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานของศาล จำนวน 7,961,884,300 บาท ซึ่ง น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรค ก.ก. อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับงบประมาณค่ารถประจำตำแหน่งตุลาการ 41 ล้านบาท เพราะตุลาการสามารถออกเองได้ รวมทั้งยังปฏิบัติงานประจำอยู่ในอาคารสำนักงาน ไม่ได้ออกไปนอกเส้นทางบ่อยครั้ง รวมถึงงบก่อสร้างอาคารศาลพร้อมบ้านพัก 1,324 ล้านบาท เห็นว่าบ้านพักตุลาการใหญ่โต หรูหรา กว้างขวางกว่าบ้านพักข้าราชการครูและตำรวจ จึงขอตั้งคำถามว่าความเหมาะสมหรือไม่

ในเวลา 12.50 น. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ สส.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. ชี้แจงว่า บางทีการไปโจมตีการครองตนของข้าราชการตุลาการต้องระวัง เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น เขาใช้ชีวิตอิสระแบบคนอื่นไม่ได้ บ้านพักต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ บางคนไม่เข้าใจวิธีการเป็นไปของโลก ก็จะโจมตีผิดๆ   ถูกๆ ข้าราชการตุลาการ ผู้พิพากษาต้องผดุงความยุติธรรมสูงสุด เราเองคงหาความยุติธรรมเหนือกว่านี้ไม่ได้ ในระบบทั่วโลกก็เป็นเช่นกัน ถ้าหากไม่ให้เขาสันโดษ ให้มีเพื่อนจำนวนมาก จะทำให้ไม่มีความอิสระ เพราะต้องเกรงใจไปทั่ว เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาสิทธิที่เขาพึงมีมีอะไรบ้าง เช่นเดียวกับ สส. ถ้าไม่มีผู้ช่วย สส. 7-8 คน ถามว่าจะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ต้องแก้หลักใหญ่ อย่าโจมตีจุดเล็ก จะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น ยืนยันขอให้ตั้งงบตามที่คณะ กมธ.แก้ไข

ต่อมาเวลา 13.20 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 32 องค์กรอิสระและองค์กรอัยการ มาตรา 33 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตรา 34 หน่วยงานอื่นของรัฐ มาตรา 35 สภากาชาดไทย มาตรา 36 ส่วนราชการในพระองค์ จนกระทั่งมาตรา 37 งบประมาณรายจ่ายแผนงานบูรณาการ มีผู้อภิปราย โดยนายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรค ก.ก. ขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า ในส่วนของงบแผนงานบูรณาการจะเป็นภาค 2 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

นายชยพลระบุว่า ยังมีเรื่องของงบค่าตอบแทนชุดปฏิบัติการ 85 ล้านบาท ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พักต่างๆ แต่ที่สะดุดใจคือค่าชุดฝึก 2 ชุด รองเท้าคอมแบต 2 คู่ และถุงเท้าอีก 2 คู่ ซึ่งเข้าใจว่า กอ.รมน.ไม่ได้มีกำลังพลของตัวเอง ต้องไปยืมกำลังพลมาจากหน่วยอื่นมา แต่ท่านไปยืมมาแค่ตัวเปล่า แบบใส่กางเกงในมาหรือ จึงต้องซื้อชุดและรองเท้าให้เพิ่ม ซึ่งราคารองเท้าคอมแบตตามออนไลน์ทั่วไปจะพบว่ามีตั้งแต่ราคา 300 บาท แต่ กอ.รมน.กลับซื้อมาในราคาคู่ละ 2,000 บาท แม้จะมีหลายเกรด แต่กองทัพบกก็ซื้อมาในราคา 1,700 บาท

กระทั่งเวลา 17.42 น. ภายหลังที่สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวางเรียงตามรายมาตราครบ 41 มาตราแล้ว นายพิเชษฐ์แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายทั้งร่างในวาระที่ 3 ผลปรากฏว่าที่ประชุมเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ด้วยคะแนน 298 ต่อ 166 เสียง งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 1 เสียง  ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะส่งให้ สว.พิจารณาในวันที่ 26 มี.ค.

‘เศรษฐา’ โผล่ขอบคุณ

นายเศรษฐากล่าวขอบคุณ สส.ว่า ขอขอบคุณสมาชิกทุกคนที่พิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะใช้สำหรับขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาต่างๆ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง ประชาชนมีความสุข สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และพัฒนาระบบบริหารการจัดการภาครัฐที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกมิติ

นายกฯ กล่าวอีกว่า ข้อคิดเห็น คำแนะนำ ข้อเสนอ รวมทั้งความห่วงใยของท่านสมาชิกที่เสนอแนะไว้ รัฐบาลขอรับไว้ด้วยความขอบคุณ และจะนำไปประกอบพิจารณาการปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากเงินงบประมาณมากที่สุด ขอให้ความมั่นใจว่านโยบาย มาตรการ และงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้นำไปใช้จ่ายในครั้งนี้จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีความโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่กำหนดไว้ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อม เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายพิเชษฐ์ได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 17.52 น.

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์สั้นๆ  อีกครั้งหลังสภาผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า “ดีครับ เรียบร้อยดี ราบรื่นดีครับ”. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' จ่อเคลียร์ใจ 'ปานปรีย์' ชวนนั่งกุนซือพรรค ไม่รู้ 'นพดล' เสียบแทน

'เลขาฯ เพื่อไทย' รับต้องคุย 'ปานปรีย์' หลังไขก๊อกพ้น รมว.ต่างประเทศ แย้มชงนั่งที่ปรึกษาพรรค มั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม ปัดวางตัว 'นพดล' เสียบแทน ชี้ 'ชลน่าน-ไชยา' หน้าที่หลักยังเป็น สส.

พท. จัดใหญ่! '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' ตีปี๊บผลงาน 'รัฐบาลเศรษฐา'

'เพื่อไทย' เตรียมจัดงาน '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' สรุปผลงาน 'รัฐบาลเศรษฐา' 3 พ.ค.นี้ เดินหน้าเติมนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน พร้อมเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.

‘เศรษฐา’ แจงยิบปรับครม. ขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ทำให้ไม่สบายใจ บอกมีคนแทนในใจแล้ว

‘เศรษฐา’ เผย ส่งข้อความผ่านกลุ่มงานต่างประเทศขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ถ้าทำให้ไม่สบายใจ บอกได้คุยกันก่อนปรับ ครม.แล้ว ชี้มีทั้งคนสมหวัง-ผิดหวัง พร้อมรับผิดชอบ แย้มมองหาคนใหม่ตั้งแต่เมื่อคืน ดีกรี การทูต-การเมือง ทำงานเบื้องหลัง’เพื่อไทย’ มานาน