เงินดิจิทัลวนลูป 10เมย.มีข้อสรุป ปชช.ได้ใช้สิ้นปี

"จุลพันธ์" แจงไทม์ไลน์ "เงินดิจิทัลวอลเล็ต  10,000 บาท" แย้ม 10 เม.ย.นี้ กก.ชุดใหญ่สรุปรายละเอียดก่อนชง ครม. มั่นใจเงินเข้ากระเป๋า ปชช.สิ้นปีนี้ เผยดำเนินการผ่านแอปเป๋าตังเหมือนเดิม รับจำเป็นต้องปรับแก้เพื่อให้นโยบายเป็นไปตามกรอบ กม.และสามารถเดินหน้าได้ ยันพรรคร่วม รบ.สนับสนุน

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณารร่างพระราชบัญญัติ  (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แถลงความคืบหน้าโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ขณะนี้คณะทำงานด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในโครงการได้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ มีการเตรียมการนัดหมายเพื่อเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายโครงการ (คณะกรรมการชุดใหญ่) ซึ่งมีไทม์ไลน์ที่ค่อนข้างจะชัดเจนขึ้นทุกวัน แต่ในเรื่องการกำหนดวันเริ่มต้นโครงการอาจจะต้องวางเป็นกรอบเวลากว้างๆ

โดยในวันที่ 27 มีนาคมนี้ จะมีการนัดหมายคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้มารายงานความคืบหน้า รวมถึงสิ่งที่หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ได้ตอบคำถามมาแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการส่งคำถามไปแล้วกว่า 100 หน่วยงานในทุกภาคส่วน และมีการส่งคำตอบกลับมาเกือบครบถ้วน ทั้งนี้ยังมีเวลาให้ถึงวันที่ 29 มีนาคม แล้วจึงจะมีการสรุปรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

อีกทั้งจะมีการนำรายงานข้อเสนอแนะที่เป็นทางการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าสู่ที่ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมรับทราบและจะมีการมอบหมาย ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงการคลัง ในเรื่องปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อหากลไกในการเดินหน้าโครงการให้คณะกรรมการได้รับทราบ จะมีการมอบหมายให้แต่ละส่วนงานไปดำเนินการในรายละเอียดตามกรอบต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งมีตนเป็นประธาน ร่วมประชุมหาข้อสรุป เพื่อนำส่งคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง

นายจุลพันธ์กล่าวถึงกำหนดนัดประชุมกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 10 เมษายนนี้ว่า คณะกรรมการชุดใหญ่จะสรุปรายละเอียดและเงื่อนไขโครงการทั้งหมด เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบและเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าคงจะสามารถส่งเข้า ครม.ภายหลังการประชุมได้ในระยะเวลาไม่นาน และเราได้วางกรอบการทำงานที่มีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งกรอบกฎหมาย กรอบวงเงิน กรอบทางเทคนิคในด้านระบบต่างๆ 

"ได้กำหนดในเบื้องต้นว่า ไตรมาส 3 ของปีนี้จะมีการลงทะเบียนร้านค้าและลงทะเบียนประชาชน ย้ำว่าระบบค่อนข้างพร้อมแล้ว และในไตรมาส 4 ของปีนี้ ก่อนสิ้นปีแน่นอน จะมีการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ถึงมือประชาชนทุกคนที่อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด"

เมื่อถามว่า แหล่งที่มาของเงินจะเป็นงบประมาณหรือ พ.ร.บ.กู้เงิน นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขอให้รอมติคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 10 เมษายนนี้ เพราะมีข้อเสนอต่างๆ ที่ต้องพูดคุยกัน ยังไม่มีข้อสรุปในตอนนี้ ยืนยันเดินหน้าโครงการและเงินจะถึงมือประชาชนแน่นอน คาดว่าจะสามารถแจกเงินได้ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ยืนยันจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เรื่องที่ยังดำเนินการได้ช้าคือระบบที่จะใช้ในการแจกเงิน ซึ่งต้องตีกรอบให้ชัดเจนเพื่ออยู่ในกรอบเวลา และได้วางแผนเผื่อไว้แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ได้พูดเช่นนั้น ขอให้รอฟัง ส่วนเรื่องร่าง พ.ร.บ.กู้เงินจะเสร็จทันหรือไม่ ขอให้รอข้อสรุปจากคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ ส่วนเงื่อนไขการแจกเงินไม่ได้เปลี่ยน แต่อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยที่จะมีการหารือกัน ไม่ได้ลดจำนวนเป้าหมายการแจกเงิน ส่วนจะแบ่งแจกเงินเป็น 2 ก้อนหรือไม่ หรือแจกพร้อมกันทั้งประเทศ ขอให้รอฟัง

เมื่อถามว่า หน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ตอบรับในเรื่องโครงการว่าอย่างไรบ้าง นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ได้ถกเถียงตรงนั้น แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ เสียงค่อนข้างตรงกันว่าต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างเหมาะสม เมื่อถามว่า ไม่ได้ติดขัดข้อกฎหมายใดใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ครับ”

เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่ามีแหล่งเงินของโครงการแล้วใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า “ใช่ครับ” แต่ยังไม่สามารถตอบรายละเอียดได้ แต่มีช่องทาง

ถามอีกว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าจะแจกเงินได้  รมช.การคลังกล่าวว่า ดูจากข้อกฎหมายและรายละเอียดทั้งหมดแล้ว มองว่าอยู่ในกรอบที่สามารถดำเนินการได้  และได้รับการสนับสนุนจากความคิดเห็นต่างๆ ทำให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า สามารถดำเนินการโครงการได้โดยไม่มีข้อติดขัด  ส่วนจะอยู่ในสภาวะเสี่ยงหรือไม่ ต้องหาทางปิดจุดอ่อนเรื่องที่คนสงสัย ทำให้โครงการเดินหน้าได้

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ระบุว่าเป็นนโยบายหาเสียงนั้น รมช.การคลังกล่าวว่า เราไม่ได้เป็นห่วงประเด็นนี้เลย จากกรณีที่มีการสอบถามว่าเหมือนหรือไม่ เราก็ได้เคยชี้แจงไปแล้วว่า ขณะนี้นโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ได้มีการพูดถึงความเป็นพรรคการเมืองอยู่ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม ต้องมีการหารือเพื่อหาจุดสมดุลของนโยบายต่างๆ ไม่ใช่มีนโยบายของพรรคใด ซึ่งสุดท้ายก็ออกมาในลักษณะนี้  เมื่อเดินหน้าแล้วเราก็ต้องหากลไกที่มีความเหมาะสม และตอบสนองต่อหลักการและวัตถุประสงค์โครงการให้ได้มากที่สุด เมื่อมีข้อท้วงติงในบางจุด เช่นเรื่องการลดจากจำนวน 54 ล้านคน เราก็มีการปรับลดลงมาเล็กน้อย เพื่อให้ตอบสนองต่อข้อห่วงใย เพราะฉะนั้นจะให้เหมือน 100% คงเป็นไปได้ยาก

ส่วนที่สมาชิกวุฒิสภาถามว่า โครงการนี้ถือเป็นสิ่งจูงใจในการเลือกตั้งหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่าไม่ใช่ เพราะผ่านพ้นการเลือกตั้งมานานมากแล้ว นี่คือการทำนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชน ในการเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองมีนโยบายในลักษณะนี้ ต้องถามกลับว่าแล้วนโยบายอย่างบัตรคนจน เป็นการเติมเงินให้ประชาชนหรือไม่ นโยบายเพิ่มเงินสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุ เป็นการเติมเงินให้ประชาชนหรือไม่ ก็ไม่ต่างกัน เป็นกลไกในลักษณะเดียวกัน แต่นี่คือแนวนโยบายที่แต่ละพรรคมี

นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า ต้องขอขอบคุณ กกต.ที่มีความเข้าใจ ซึ่งก็ได้เคยแถลงชี้แจงไปแล้วว่าเป็นไปตามกรอบกฎหมาย เพราะนี่คือนโยบายของรัฐบาลที่ได้การรับรองจากประชาชนมาในระดับหนึ่ง เพื่อเข้าสู่รัฐสภาในการแถลงนโยบายก็เท่ากับกระบวนการครบถ้วน เพราะฉะนั้นรัฐบาลเองก็มีหน้าที่ มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ในการเดินหน้าทำนโยบายให้สำเร็จ

"ไม่มีรายละเอียดในนโยบายไหนเหมือนเดิม เพราะเวลาดำเนินการจริง หากมีจุดที่จำเป็นจะต้องปรับแก้ เพื่อให้นโยบายเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและสามารถเดินหน้าได้ มีความจำเป็นก็ต้องทำ" 

นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า จะมีการดำเนินการผ่านแอปเป๋าตังเหมือนเดิม ย้ำว่าไม่เลื่อนแล้ว ได้สิ้นปีนี้แน่นอน   ได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ตลอด รวมถึงนายกรัฐมนตรีเองก็พูดคุยกับ ครม.ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล  พรรคร่วมรัฐบาลรับทราบความเคลื่อนไหวและความคืบหน้าของโครงการมาตลอด ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง