ผบ.ทอ.เปิดแผนช็อป‘เอฟ-35’

ผบ.ทอ.เปิดแผนซื้อ "เอฟ 35" เครื่องบินเจเนอเรชัน 5 เทคโนโลยีสูง ใช้เป็นเครื่องแม่บัญชาการรบแบบทวีกำลัง เผยเป็นจังหวะที่ดีช่วงตลาดราคาตก เครื่องละ 82 ล้านเหรียญฯ เจรจา “ล็อกฮีดมาร์ติน” ลดราคาเพิ่ม หวังประชาชนเข้าใจทอ.เป็นตัวแทนใช้เป็นเครื่องมือของประชาชน วางแผนรองรับหาอะไหล่เครื่องบินรุ่นเก่าไม่ได้

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดเผยว่า กองทัพอากาศกำลังพิจารณาจัดหาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ทดแทนเครื่องบินขับไล่รุ่นเก่าที่ล้าสมัย ซ่อมบำรุงยาก และไม่คุ้มค่า ไม่ปลอดภัยในการบิน โดยเห็นว่าเครื่องบินขับไล่เอฟ 35 ของบริษัท ล็อกฮีดมาร์ติน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะปัจจุบันราคาลดลงจากเดิม จากช่วงที่ออกสู่ตลาดใหม่ๆ ราคาเครื่องเปล่า 142 ล้านเหรียญฯ/เครื่อง เมื่อมีความต้องการและผลิตมากขึ้น ทำให้ราคาลดต่ำลง ด้วยกลไกของการตลาดและการเมืองจากการรวมกลุ่มพันธมิตรทำให้ราคาลดลงเหลือ 82 ล้านเหรียญฯ/เครื่อง ขณะที่เครื่องบิน gripen รุ่นใหม่ราคาสูงถึง 85 ล้านเหรียญฯ/เครื่อง ดังนั้นเอฟ 35 จึงไม่ใช่เครื่องบินที่เราเอื้อมไม่ถึง อยู่ที่การต่อรองราคากับบริษัทให้ได้ราคาต่ำสุด ซึ่งเป็นไปได้ว่าเราจะได้ในราคาหลัก 70 ล้านเหรียญฯ ขึ้นไป เพราะตลาดเครื่องบินรบรายอื่นแทบขายไม่ออก ทั้งนี้ จะริเริ่มตั้งโครงการในแผนงบประมาณ 2566 ทันที เพราะถ้าไม่รีบทำตอนนี้ราคาอาจจะสูงขึ้น และถ้าในที่สุดต้องลุย ก็ต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจกระจ่างชัดในทุกประเด็น

“เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาควบคู่ไปด้วยในช่วง 5 ปีนี้ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบินเดินหน้าไปเร็วมาก ซึ่งคำว่าศึกษาก็เหมือนเป็นการเดินเครื่อง ถ้าเราไปพูดคำว่าซื้อเลย เดี๋ยวจะโดนทัวร์ลง แต่ผมเชื่อยังว่าทัวร์จะไม่ลง เพราะผู้ที่เข้าใจจะสนับสนุนทันที เพราะ ทอ.ไม่ได้ซื้ออาวุธ แต่ซื้อเครื่องมือเพื่อความปลอดภัยของประชาชน เราก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่เสี่ยงชีวิตใช้เครื่องมือเพื่อปกป้องท่าน ถ้าเข้าใจสิ่งนี้ประชาชนก็จะสนับสนุน ยืนยันว่าเรารักเครื่องบินเหมือนลูก ไม่ได้ทิ้งขว้าง ถนอมกล่อมเกลี้ยงเหมือนลูก เช็ดถู อาบน้ำทุกวัน ถ้าประชาชนมาเห็นการดูแลเครื่องไม้เครื่องมือของเราก็จะชอบ ที่สำคัญไม่ได้ซื้ออาวุธมาเข่นฆ่าใคร ซื้อมาเป็นเครื่องมือให้ประชาชน แต่เราเป็นคนใช้แทน”

ส่วนที่มองว่าเป็นการซื้ออาวุธในช่วงที่ประเทศขาดแคลนงบประมาณ จากผลกระทบของโควิด-19 นั้น พล.อ.อ.นภาเดชกล่าวว่า เรายอมรับในความไม่มี รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว และเมื่อยอมรับก็ต้องหาหนทางที่จะนำไปสู่เป้าหมาย ด้วยการทยอยจัดซื้อครั้งละน้อย แต่เลือกของที่มีคุณภาพสูง และเรียนรู้เทคโนโลยีที่ได้รับ ซึ่งถ้าทำจริงๆกองทัพอากาศไม่มีวันที่จะทำร้ายประชาชนให้เดือดร้อน เพราะเรารู้สถานการณ์อยู่แล้ว แต่คงต้องถามประชาชนว่ารับได้หรือไม่ อย่างที่บอกว่าตนและกองทัพอากาศรักสิ่งที่เราทำเหมือนลูก และสิ่งที่เรามีไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อประชาชน

ผบ.ทอ.ยังอธิบายว่า จุดเริ่มต้นที่ ทอ.เห็นว่าเอฟ 35 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากภาพรวมกำลังทางอากาศสำคัญอย่างยิ่งในการรบสมัยใหม่ และที่สำคัญจะรบแพ้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ข้างล่างแหลกลาญ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้กำลังทางอากาศแพ้ไม่ได้มีอยู่ 3 ประการคือ ต้องมีอาวุธต้องที่มีคุณภาพ และต้องไม่ใช่ Second best แต่ต้องเป็น The best ทั้งเครื่องบินและการส่งกำลังบำรุง ไม่เช่นนั้นของที่บอกว่าดีที่สุดก็จะง่อยเปลี้ยเสียขาไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับใครได้ นอกจากนั้น ต้องมีความน่าสะพรึงกลัว เมื่อใครได้ยินแล้วต้องขวัญหนีดีฝ่อ แค่มีประจำการก็ถือเป็นการใช้งานเชิงนามธรรม อีกทั้ง ทอ.จะต้องมีขีดความสามารถในการร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนบ้านได้ หากเพื่อนมีภัยความสนิทชิดเชื้อและเป็นมิตร เป็นพวกเดียวกัน ก็จะไม่มีใครกล้ามาแหยม

“ถ้าอาเซียนรวมตัวกันอย่างแน่นหนา และมีกำลังทางอากาศที่เข้มแข็ง เหมือนยุโรปที่รวมตัวกัน ใครจะไปกล้าทำอะไร และไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติเชิงรูปธรรมหรือการปฏิบัติเป็นนามธรรม ล้วนแต่เป็นความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธศาสตร์ และจะเป็นหัวใจในการสร้างและพัฒนากองทัพอากาศในอนาคต”

พล.อ.อ.นภาเดชกล่าวอีกว่า เครื่องบินที่กองทัพอากาศประจำการอยู่ดีพอใช้ และเมื่อเก่าทรุดโทรมคุณภาพย่อมสู้ของใหม่ไม่ได้ และยังมีปัญหาเรื่องส่งกำลังบำรุง โดยเฉพาะอะไหล่ ที่ต้องใช้เวลานานในการจัดหามาทดแทน จึงต้องไปกว้านหาซื้อในตลาดมืด อนาคตข้างหน้าหากติดขัดและส่งกำลังบำรุงไม่ได้เพราะไม่มีอะไหล่ หรือเครื่องยนต์ บริษัทหยุดสายการผลิตเครื่องบิน ก็ทำการบินไม่ได้ กองทัพอากาศจึงได้มองอย่างรอบด้าน ทั้งการโมดิฟายด์เครื่องเก่าแก่ และเครื่องกลางเก่ากลางใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมกับมองหาเครื่องบินใหม่ ซึ่งเมื่อเรามีเงินน้อยก็ต้องเลือกสรรอย่างดี และต้องใช้งานได้นาน เหมือนที่เราใช้เอฟ 16 มาถึง 35-40 ปี

“ในปัจจุบันนี้เครื่องบินเอฟ 35 ค่ายของอเมริกามีสมรรถนะดีเลิศ ประเทศต่างๆ ล้วนต้องการซื้อมาใช้งาน หากมีโอกาสได้ใช้งานเครื่องบินเอฟ 35 ก็จะเป็นการยกระดับเข้าไปอยู่ในประเทศที่มีของดีใช้ ถือเป็นแถวหน้า และเป็นคอมมูนิตี้ที่ใหญ่ ในเมื่อการซื้อต้องเวิลด์ไวด์ เครื่องบินเพื่อให้อะไรต่างๆ พร้อม เอฟ 35 ก็ตอบโจทย์เกือบทั้งหมด”

ผบ.ทอ.กล่าวด้วยว่า ทอ.ยังให้ความสนใจกับการปฏิบัติการทางอากาศที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรบด้วยการใช้ loyal wing man ซึ่งเป็นเครื่องบินไร้คนขับสมรรถนะสูงทำหน้าที่เป็นลูกหมู่ของเครื่องบินขับไล่ ซึ่ง ทอ. ออสเตรเลียร่วมกับบริษัทโบอิ้งทำขึ้นมาเพื่อให้ลูกหมู่ของเครื่องบินเอฟ 18 โดยเครื่องบินลูกหมู่จะติดอาวุธได้ และสามารถบินเข้าไปยังเป้าหมายล่วงหน้าในระยะ 100-150 ไมล์ ในขณะที่เครื่องบินแม่ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่หลักยังอยู่ข้างหลัง แต่แนวคิดของออสเตรเลียเกิดขึ้นทีหลังจากแนวคิดของบริษัท ล็อกฮีดมาร์ติน ที่ทำกับเอฟ 35 แต่ wing man AI ของเอฟ 35 ชื่อว่า Valkyrie เปรียบเหมือนเครื่องบินรบอีกหนึ่งเครื่องที่ไร้นักบิน แต่สามารถทำภารกิจโดยการคอนโทรลจากเอฟ 35

"เราไม่จำเป็นที่จะมีเอฟ 35 เต็มฝูงอาจจะเป็นครึ่งฝูง 8 ถึง 12 เครื่อง แต่เราใช้ Valkyrie เพื่อเป็น wingman ต่อไป ซึ่งจะประหยัดมาก ขณะนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักนัก แต่เทคโนโลยีเหล่านี้จะก้าวกระโดด ดังนั้นหากกองทัพอากาศไทยได้รับการสนับสนุนทั้งจากคนไทยด้วยกัน จากฝ่ายการเมือง และภาคส่วนอื่นๆ ประกอบกับถ้าเรามีงบประมาณเพียงพอ ก็น่าจะขยับกำลังทางอากาศเข้าสู่ในมิติที่สมบูรณ์ขึ้น มีความเข้มแข็งและก็รบไม่แพ้ เป็นที่อุ่นใจ”

อย่างไรก็ตาม ผบ.ทอ.กล่าวว่า ยังไม่ได้นำเสนอแนวทางดังกล่าวต่อรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพราะการที่ ทอ.จะเสนออะไรต้องคุยกันให้สะเด็ดน้ำก่อน ที่ผ่านมามีผลการสัมมนาถึงเจตนารมณ์ของ ทอ.แล้ว ในอนาคตอันใกล้เราอาจจะนำเสนอความคิดที่เป็นรูปธรรมนี้สู่สาธารณชนต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรผิด โครงการต่างๆ ที่อดีตผู้บังคับบัญชา ดีทุกโครงการ แต่ยังไม่มีในความน่าสะพรึงกลัว และยังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องส่งกำลังบำรุง ถ้าไม่รีบหาของใหม่อนาคตข้างหน้าจะเกิดปัญหาตามมา เพราะเครื่องบินรบที่เราประจำการจะไม่มีอะไหล่ทดแทนแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง