ลุยผุดกาสิโนเต็มสูบ คลังชี้2สัปดาห์ชงครม./เศรษฐาย้ำดึงเงินมโหฬาร

“เศรษฐา” ดันกาสิโน อ้างไทยเสียเวลามามากแล้ว ก.คลังคาด 2 สัปดาห์ลุยชง ครม.เคาะเดินหน้า “เพื่อไทย” ชงกฎหมายเข้าสภาสมัยหน้า “สังศิต” เตือนอย่าล็อกสเปกผู้ประมูลให้เฉพาะบริษัทไทย เพราะไม่โปร่งใส ต้องเปิดกว้างให้แข่งขัน “ก้าวไกล” ผวา รบ.ใช้เวทีอภิปรายเอาคืน

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า  Entertainment Complex คือ การยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ เป็นการดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่ในสถานบันเทิงครบวงจร โดยมี casino เป็นแค่ส่วนหนึ่งในนั้นครับ ที่ผ่านมาประเทศสิงคโปร์สามารถดึงดูดการลงทุนได้กว่า 300,000 ล้านบาท เก็บภาษีได้ปีละกว่า 20,000 ล้าน และจ้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่งจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ดังนั้น ถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่าน ประเทศไทยจะมีการลงทุน Mega project ขนาดใหญ่ โดยมีคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา เราจะสามารถมีสนามกีฬานานาชาติแห่งใหม่ มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ Concert Hall หรือพื้นที่จัดแสดงสินค้าพื้นบ้าน โดยพื้นที่ในการเล่นการพนัน หรือ Gaming floor มีสัดส่วนเพียงแค่ 3-10% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น

นายเศรษฐาระบุอีกว่า การที่สภาฯ มีมติเห็นชอบผลการรายงานการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเมื่อวานนี้ ถือเป็นก้าวหนึ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาบ่อนพนัน โดยยึดหลักความเป็นจริง เอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมากำกับดูแล และเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง รัฐบาลไม่ได้ต้องการส่งเสริมการพนันครับ แต่ต้องการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล และนำรายได้จากการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่มาใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งหลังจากนี้ ครม.จะต้องศึกษาและยื่นร่าง พ.ร.บ.ให้สภาพิจารณาต่อไป ที่ผ่านมาเราเสียเวลาและโอกาสมามากพอแล้ว ดังนั้น รัฐบาลจะทวงคืนเวลาที่สูญเสียไปให้กลับมาเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ และพี่น้องประชาชน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เปิดเผยว่า คาดว่าจะมีการเสนอรายงานศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยประกอบกับข้อสังเกตจาก กมธ. รวมทั้งการยกร่างกฎหมายที่มีการศึกษาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้ ครม.รับทราบทั้งหมด ว่าเห็นควรให้ดำเนินการต่อหรือไม่

นายจุลพันธ์กล่าวว่า หากที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวทางการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร คาดว่าจะต้องมีการปรับปรุงร่างกฎหมายเดิม พร้อมศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน โดยมีการสั่งการให้มีหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่งเป็นเจ้าภาพในการร่างกฎหมายและนำกลับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ ก่อนนำเสนอสู่สภา และหากไม่มีข้อติดขัดอะไร คาดว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 3 ปี หรือภายในสมัยรัฐบาลชุดปัจจุบัน

“ในหลักการสถานบันเทิงครบวงจร คงไม่ได้หมายถึงเปิดกาสิโนเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่เป็นการเปิดตึก หรือห้องแถวแล้วมีการการพนันเช่นนั้น อย่างประเทศสิงคโปร์ มีการลงทุนเป็นหลัก 2-3 แสนล้านบาท และช่วง 15 ปีช่วยลดการพนันผิดกฎหมายจาก 2% เหลือ 0.2% ของจีดีพี สร้างรายได้เข้ารัฐกว่า 3 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปี ยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่ได้จากภาคการท่องเที่ยว” นายจุลพันธ์ย้ำ

รมช.การคลังกล่าวอีกว่า ไทยถือว่ามีความได้เปรียบเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว มีทะเล หาดทราย แสงแดด ไม่ได้ด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค การเดินหน้าในเรื่องนี้จะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล และพื้นที่ในการทำกาสิโน ก็มีสัดส่วนน้อยมาก ประมาณ 5% ของ Entertainment Complex ทั้งหมด ซึ่งสามารถกำหนดการลงทุนในแต่ละพื้นที่ได้ เช่น บางพื้นที่เหมาะสมกับการทำธีมปาร์ก บางพื้นที่เหมาะกับการจัดศูนย์ประชุม หรือบางพื้นที่เหมาะกับการจัดสนามแข่งกีฬา หรือแข่งรถ F1 เป็นต้น

ดันเข้าสภาสมัยหน้า

รมช.การคลังชี้แจงว่า ยังไม่มีการพูดถึงว่าจะมีการใช้พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรืออีอีซี มาจัดทำ Entertainment Complex เป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อกันไปเอง คณะกรรมาธิการที่พิจารณาเรื่องนี้ไม่มีอำนาจไปชี้ว่าควรใช้พื้นที่ใด เพียงแต่ระบุขอบข่ายเงื่อนไข การเลือกที่มีความเหมาะสม มีการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ มีระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟความเร็วสูง ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต้องมีความพร้อม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกระทรวงมหาดไทยยังจับบ่อนการพนัน ขณะที่ในสภาพูดกันเรื่องกาสิโน ว่า ปัจจุบันอะไรที่ผิดกฎหมายเราต้องปราบปราม บ่อน เมื่อผิดกฎหมายเราต้องเข้าไปจับ ส่วนในอนาคตถ้าจะมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร แล้วมีอะไรอยู่ในนั้น ถ้ามันถูกกฎหมาย เราไม่วุ่นวาย อย่างที่บอกว่าเราจัดการเฉพาะที่มันผิดกฎหมาย ส่วนมันจะเปิดได้หรือไม่ได้ ให้ขึ้นกับ สส.และสภาพิจารณา  สส.เป็นตัวแทนประชาชน ต้องฟัง

นายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) กล่าวว่า จะนำร่างกฎหมายและความเห็นของ สส.ที่ได้อภิปรายกันเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ไปพิจารณาประกอบเพื่อปรับปรุงรายละเอียดของตัวร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ โดยเมื่อยกร่างเสร็จจะมี สส.พรรคเพื่อไทยร่วมกันลงชื่อเสนอเป็นร่างกฎหมายยื่นเสนอต่อสภาในการประชุมสภาสมัยหน้า ที่จะเป็นร่างกฎหมายในนามพรรคเพื่อไทย คาดว่าจะมี สส.หลายคนมาร่วมลงชื่อ อีกทั้งเท่าที่ทราบจากการพูดคุยกันในสภา จะมี สส.อีกหลายพรรค จะเสนอร่างกฎหมายลักษณะดังกล่าวเข้าสภาด้วยเช่นกัน   

นายโกศลกล่าวด้วยว่า ที่นายกฯบอกว่าสังคมเราอย่าเป็นสังคมอีแอบ  ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับความจริง ส่วนผลกระทบ ปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา ที่หลายคนแสดงความเป็นห่วง เราต้องควบคุมไม่ให้มันเกิด เพราะหากมีการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นการสร้างเศรษฐกิจ นำเม็ดเงินต่างๆ เข้ามา หวังว่ามันจะเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะวันนี้บริบทสังคมโลกมันเปลี่ยนแปลงไป ขนาดบางประเทศที่ผู้นำเขาเคยคัดค้าน เช่น ที่สิงคโปร์ หรือแม้แต่มาเลเซีย ที่คนจำนวนมากนับถือศาสนาอิสลามก็ยังมี เมื่อโลกมันเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตามโลก ถึงเวลาที่เราจะมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นในประเทศไทย

เขายังกล่าวถึงกรณีมีวิพากษ์วิจารณ์ ว่าการให้บริษัทที่จะยื่นประมูลขอใบอนุญาตต้องเป็นบริษัทที่เป็นนิติบุคคลของคนไทย และต้องมีทุนจดทะเบียนหนึ่งหมื่นล้านบาทว่า หากมีทุนจดทะเบียนน้อยเกินไปก็อาจมีปัญหา อาจเกิดลักษณะกลุ่มธุรกิจมีการมารวมตัวตั้งบริษัทแล้วยื่นประมูล จากนั้นเอาใบอนุญาตที่ประมูลได้ไปเร่ขายต่อ ไม่คิดจะทำธุรกิจเองจริง กมธ.ไม่อยากให้เกิดสภาพแบบนั้น ถึงต้องให้เป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนหนึ่งหมื่นล้านบาท

ส่วนกรณีหากคนไทยจะเข้าไปเล่นการพนันในกาสิโนต้องลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมแลกเข้าด้วยนั้น นายโกศลอธิบายว่า เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าคนไทยไปเล่นการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน ปีหนึ่งคิดเป็นเม็ดเงินร่วม 2.5 หมื่นล้านบาท จึงต้องเปิดโอกาสให้คนไทยที่อยากจะไปเล่นสามารถเข้าไปได้ แต่ต้องบรรลุนิติภาวะ มีการตรวจสอบฐานรายได้ เงินเดือน 30,000-50,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ต้องมีหลักฐานการเสียภาษีมาแสดง ตรงนี้เป็นแรงจูงใจให้คนเสียภาษีได้อีกด้วย

อย่าล็อกสเปกแค่คนไทย

ขณะที่ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์  สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เป็นอดีตนักวิชาการ-นักเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษา-ทำวิจัยเรื่องเศรษฐกิจนอกกฎหมาย-การพนันทางเลือก-การเปิดกาสิโน ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า รัฐบาลตอนนี้คงมีความยากลำบากทางการคลังพอสมควรในขณะนี้ คิดว่ารัฐบาลคงทำ ฐานะทางการคลังของรัฐบาลไม่ค่อยดีนัก จำเป็นต้องหารายได้ หาเงินหาทองเข้ามาใช้ เรื่องการพัฒนาประเทศ ก็มีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องทำเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเรื่องแนวคิดให้มีการเปิดกาสิโนในประเทศไทย พูดกันมาแล้วหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าตัดสินใจ คิดว่ากับรัฐบาลเศรษฐาจะกล้าตัดสินใจผลักดันเรื่องนี้หรือไม่ นายสังศิตกล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองมีความสงบตามสมควร ความขัดแย้งทางการเมืองลดลงไปจากเดิมมาก และรัฐบาลชุดนี้คงมีความสนใจที่อยากจะทำเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกทั้ง สส.ในสภาชุดปัจจุบันให้การสนับสนุนมาก ทั้งหมดจึงเป็นสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยให้รัฐบาลสามารถทำเรื่องนี้ได้

นายสังศิตกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคยบอกว่าจะก่อสร้างให้เสร็จภายใน 5-10 ปี ถ้ารัฐบาลจะใช้เวลา 5-10 ปี ตนคิดว่าดีมานด์ของโลกในเรื่องการพนันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ทำออกมาสินค้าก็ล้าสมัย เพราะตอนทำดีมานด์ของโลก เป็นแบบหนึ่ง แต่พอทำเสร็จดีมานด์ของโลกมันเปลี่ยนไป สินค้าที่เตรียมเอาไว้กับความต้องการของโลกมันเปลี่ยนไป มันจะขายไม่ค่อยออก เพราะฉะนั้น เมื่อรู้ตอนนี้ว่าความต้องการของโลกเป็นอย่างไร ควรต้องรีบดำเนินการเพื่อรีบตอบสนองกับความต้องการของโลกได้อย่างทันการณ์ จึงเห็นว่าการที่จะทำแล้วบอกว่าต้องใช้เวลา 5-10 ปี มันจะช้าเกินไป ควรทำให้เสร็จภายใน 2 ปี

 นายสังศิตยังให้ข้อเสนอแนะว่า เงินกาสิโนจะมีเม็ดเงินใหญ่กว่าหวยใต้ดินเยอะ ดังนั้น ความโปร่งใสในกระบวนการดำเนินงาน ในกระบวนการทำนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของกระบวนทั้งหมดของการทำกาสิโน ตนมีข้อสังเกตเรื่องแรกที่รัฐบาลหากจะทำต้องพิจารณาให้รอบคอบคือ ตามร่างฯ ที่บอกว่าจะให้เฉพาะบริษัทคนไทยเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าประมูล โดยต้องเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระเต็มไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท คิดว่าคนไทยมีความสามารถที่จะทำเรื่องกาสิโนแน่ ตนมั่นใจ

“แต่การจะไปกำหนดว่าตลาดนี้จะเป็นตลาดผูกขาดเฉพาะคนไทย ที่ไม่ให้ธุรกิจของต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้จะเริ่มไม่ค่อยมีความโปร่งใสแล้ว เพราะธุรกิจในโลกที่เขาบริหารงานกันเก่งๆ มีเป็นจำนวนมาก เขามีประสบการณ์มากกว่าคนไทยเยอะ เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าควรเป็นตลาดที่เปิดให้มีการแข่งขันกันระหว่างนักธุรกิจคนไทยกับนักธุรกิจต่างชาติ ใครที่จะสามารถเสนอเงื่อนไขตอบแทนให้กับรัฐบาลได้ดีที่สุดให้แก่ประชาชนคนไทยได้ดีที่สุด เสนอเงื่อนไขที่จะทำให้คนไทยได้สวัสดิการตามผลตอบแทนที่ดีที่สุด ผมคิดว่าต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย หากเอาแต่คนไทย ผมคิดว่ามันเหมือนกับตลาดมันผูกขาด อาจจะเหลือแค่หนึ่งรายหรือสองราย แบบนี้ไม่ดี” นายสังศิตย้ำ

เขากล่าวต่อไปว่า อีกประเด็นคือข้อเสนอที่บอกว่า สถานที่ตั้งกาสิโนต้องอยู่ไม่ห่างจากสนามบิน 100 กิโลเมตร คิดว่าอย่าเอาเงื่อนไขนี้มาใส่ไว้เลย เพราะมันจะอยู่ที่ไหน ต้องให้ภาคธุรกิจเอกชนเขาเป็นฝ่ายลองคิดดู เพราะหากทำแล้ว ต้องทำให้สำเร็จ ไม่ใช่ไปตั้งแล้ว ผลออกมาไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลก็เสียหาย ธุรกิจก็เสียหาย อันนี้ต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้นเงื่อนไขแบบนี้ไม่ควรออกมาเพื่อจำกัดตัวเราเอง

 ถามย้ำว่า เรื่องกาสิโนในประเทศไทยมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ในรัฐบาลปัจจุบัน นายสังศิตกล่าวว่า คิดว่าถ้ารัฐบาลเดินหน้า เรื่องกาสิโนน่าจะเกิดได้  แต่เกิดแล้วอะไรจะเป็นต่อไป ตอบไม่ได้  มันขึ้นอยู่กับความโปร่งใสในการบริหารจัดการของรัฐบาล ตนไปพูดแทนรัฐบาลไม่ได้แล้ว

อย่าใช้เวทีอภิปรายแก้แค้น

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ทางรัฐบาลต้องพิจารณาข้อดี-ข้อเสีย เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล ในหลายประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านก็มีกาสิโน ขึ้นอยู่กับว่าระบบในปัจจุบันจะสามารถควบคุมได้อย่างไร ให้คนที่ไม่มีความพร้อมเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว อะไรก็ตามที่ไม่ถูกกฎหมายก็มีคนพร้อมที่จะให้บริการทางด้านนั้นด้วยค่าตอบแทนที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นต้องทำให้ถูกต้อง สามารถควบคุมได้ รวมถึงจะทำให้เกิดภาษีที่จะสามารถนำมาพัฒนาประเทศ

  วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณี สส.ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลขอนับองค์ประชุม แต่ไม่แสดงตนทั้งที่นั่งอยู่ในห้องประชุม เหมือนจงใจตีตกรายงานว่า สส.ก้าวไกลน่าจะคาดคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงใช้วิธีขอนับองค์ประชุม เพราะหวังว่าเสียงของรัฐบาลจะไม่เพียงพอ แต่ฝั่งรัฐบาลแสดงให้เห็นแล้วว่ามีความจริงจังและต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน และยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นหลัก

นายธนกรกล่าวว่า การที่พรรคก้าวไกลขอนับองค์ประชุม เพื่อหวังให้สภาล่ม ทั้งที่ได้ตกลงระหว่างวิป 2 ฝ่ายแล้ว จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการเล่นแต่เกมการเมือง ไม่มองถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศมาก่อน จึงขอเรียกร้องให้ สส.ก้าวไกล ทำการเมืองใหม่ให้สร้างสรรค์ตามที่ท่านพูด

ด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลมีความตั้งใจให้รายงานฉบับนี้ผ่านไปโดยสมบูรณ์แบบที่สุด และเนื้อหาการอภิปรายของ สส. หลายท่านทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีการอธิบายไปในทิศทางหลากหลาย และไม่สมบูรณ์หลายจุดมาก รวมถึงการแถลงของประธาน กมธ. มีข้อติดขัดหลายเรื่อง เหมือนยอมรับว่ามีความไม่สมบูรณ์อย่างไรบ้าง จึงอยากให้มีการถอนออกไปก่อน

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า คิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะมากพอ เมื่ออารมณ์เย็นลงคงไม่เอามาแก้แค้นกัน และใช้เวทีของฝ่ายค้านในการตรวจสอบที่ใหญ่ที่สุดรองจากอภิปรายไม่ไว้วางใจ เอามาเป็นประเด็นในเรื่องนี้ และอาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ฝั่งรัฐบาลขอเวลาอภิปรายครึ่งหนึ่งของที่ญัตติที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล เอามาอภิปรายเอง แม้กระทั่งรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช. ยังไม่ทำเลย เราหวังว่าประธานจะไม่บ้าจี้ไปเล่นด้วย เพราะเราก็มีข้อตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เศรษฐา’ แจงยิบปรับครม. ขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ทำให้ไม่สบายใจ บอกมีคนแทนในใจแล้ว

‘เศรษฐา’ เผย ส่งข้อความผ่านกลุ่มงานต่างประเทศขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ถ้าทำให้ไม่สบายใจ บอกได้คุยกันก่อนปรับ ครม.แล้ว ชี้มีทั้งคนสมหวัง-ผิดหวัง พร้อมรับผิดชอบ แย้มมองหาคนใหม่ตั้งแต่เมื่อคืน ดีกรี การทูต-การเมือง ทำงานเบื้องหลัง’เพื่อไทย’ มานาน