ยํ้ากัญชาทางการแพทย์ สธ.ชี้กลับยาเสพติดยุ่งแน่

“เศรษฐา” ย้ำเรื่องกัญชาต้องใช้เพื่อทางการแพทย์เท่านั้น “หมอชลน่าน” แจงกฎหมายคุมเสร็จแล้วรอจ่อเข้า ครม. รับหากกลับไปเป็นยาเสพติดยุ่งแน่ ซ้ำยังผิดไปจากนโยบายที่แถลงต่อสภา “จุลพันธ์” ย้ำ 1-2 สัปดาห์ชงเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แน่ ลั่นยังไม่ถึงเวลาเคาะว่าตั้งที่ใด

เมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายน 2567    นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวจากประเทศฝรั่งเศส ที่จะนำกัญชากลับมาสู่บัญชียาเสพติด และให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้นว่า พูดอย่างชัดเจนนำกัญชามาใช้เพื่อทางการแพทย์ ส่วนจะนำไปดำเนินการอย่างอื่นก็ให้เป็นแนวทางเฉพาะการควบคุมการใช้เพื่อเกี่ยวกับทางการแพทย์เท่านั้น

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นมุมมองของนายกฯ เพราะนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภามีความชัดเจนว่านำมาใช้ประโยชน์เพื่อการแพทย์หรือสุขภาพ   และในมิติทางเศรษฐกิจ ก็จะต้องเป็นไปเพื่อทางการแพทย์หรือสุขภาพ ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตาม ส่วนข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ในขณะนี้นั้น กัญชาเป็นสารเสพติดเฉพาะสารสกัดที่มีค่า THC 0.2% โดยน้ำหนักเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ถือเป็นยาเสพติด

“หากการนำกัญชากลับมาเป็นสารเสพติด ก็จะต้องแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เคยประกาศถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และให้เพียงสารสกัดจากกัญชาเป็นเพียงยาเสพติดก่อน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับนโยบายของนายกฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะกฎหมายควบคุมกัญชาขณะนี้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเพื่อรองรับต่อนโยบายกัญชาที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา” นพ.ชลน่านกล่าว และว่า กฎหมายกัญชง-กัญชาที่รัฐบาลกำลังจะออก หากใครจะนำกัญชง-กัญชามาใช้ ไม่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์หรือสุขภาพ ถือว่าเป็นการใช้ผิดประเภท

เมื่อถามว่า หากจะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดน่าจะยากใช่หรือไม่นั้น      นพ.ชลน่านระบุว่า รัฐบาลมองประเด็นเรื่องผลกระทบ ซึ่งหากมีกฎหมายควบคุมที่ไม่แตกต่างจากประกาศยาเสพติด ข้อกังวลถึงมิติสุขภาพ และการนำไปใช้ผิดประเภท ก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวล แต่หากนำกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ก็ต้องรื้อระบบใหม่ และจะมีผลกระทบมากจากการที่ปล่อยให้ถูกกฎหมายไปก่อนหน้านี้ ทั้งเอกชน ร้านกัญชา และอื่นๆ เช่น ผู้ที่ปลูกต้นกัญชา 1 ต้นในบ้านก็ผิดกฎหมาย แต่กฎหมายใหม่ที่จะออกมาควบคุมนั้น การปลูก การผลิต ต้องได้รับอนุญาต

 “ร้านกัญชาที่เปิดอยู่จะผิดทั้งหมด เพราะได้รับอนุญาตตามกฎหมาย  ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชาได้ แต่ตรงนี้ก็มีข้อที่เราเป็นห่วง เช่น การนำช่อดอกไปจำหน่าย จริงอยู่ว่าช่อดอกไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นสารเสพติด แต่การนำช่อดอกไปสกัดก็สันนิษฐานได้ว่ามีปริมาณ THC เกิน 0.2% แน่นอน ดังนั้นกฎหมายใหม่ที่จะออก จะต้องมาควบคุมตรงนี้” นพ.ชลน่านกล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเรื่องกระท่อมกับกัญชามีความแตกต่างกัน กระท่อมมีกฎหมายรองรับ และมีอนุบัญญัติมาอธิบายแต่ละมาตราได้ ส่วนกัญชายังไม่มีกฎหมายรองรับ การประกาศกัญชาเป็นพืชหรือสิ่งอื่น เราปลดล็อกออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่เมื่อปลดล็อกยังไม่มีกฎหมายรองรับ ต้องไปยืมเอากฎหมายอื่น เช่น พืชสมุนไพรตัวอื่นมาประกาศใช้บังคับ ซึ่งมันไม่ครบถ้วนกระบวนความ

 “ทางที่ดีที่สุดการจะปลดล็อกหรือไม่ปลดล็อกจะต้องทำให้ครบ หากยังก้ำกึ่งอยู่แบบนี้ก็ต้องมีกฎหมายว่าจะต้องให้กฎหมายนั้นบัญญัติอะไรไว้อย่างไร ถ้ามาพูดกันลอยๆ แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ ขำ เพราะมันไม่มีกฎหมายรองรับ ต้องไปทำให้จริงจัง ต้องทำให้มีกฎหมายเป็นตัวเป็นตน ลองไปคิดดูขนาดกระท่อมตัวเล็กๆ ยังมีกฎหมายรองรับแล้ว ซึ่งมันคนละเรื่องเลยกับกัญชา” นายสมศักดิ์กล่าว

ขณะเดียวกัน นายเศรษฐายังกล่าวถึงการประชุม ครม.มีการพูดถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2568 ซึ่งจะมีการปรับเพื่อนำเงินไปใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ ว่ายังไม่ได้พูด รอวันที่ 10 เม.ย. และนำเข้าที่ประชุม ครม.หนเดียวดีกว่า จะได้ไม่เกิดความสับสน

เมื่อถามว่า ในที่ประชุม ครม.ได้พูดถึงการเปิดกาสิโนด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่มี

ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร  กล่าวถึงความคืบหน้ารายงานการศึกษาเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า เรื่องยังไม่ได้เข้า ครม.ในวันนี้ คาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์หลังจากนี้เรื่องน่าจะเข้า ครม. และขึ้นกับ ครม.ว่าจะมีข้อสั่งการหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้จากการรับฟังเบื้องต้น รัฐมนตรีหลายท่านเห็นเป็นไปในทางบวก และค่อนข้างตรงกันว่าเป็นประโยชน์ เพราะจะเป็นทางออกที่จะแก้ปัญหาที่มีอยู่ในสังคม โดยเป็นการหยิบขึ้นมาวางไว้ข้างบน และใช้กลไกทางกฎหมายกำกับดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

 “ในชั้นของ กมธ.ไม่มีการพูดคุยเลยว่าจะเป็นจังหวัดไหน ขอย้ำว่าไม่ใช่หน้าที่ที่จะพูดคุย ยังไม่ได้เคยคิดส่วนนี้ แม้แต่รัฐบาลเองก็เชื่อว่ายังไม่ได้คิดว่าควรเป็นที่ใด ที่เอาไปพูดกันเป็นข่าวลือข่าวเล่าอ้างทั้งสิ้น” รมช.การคลังกล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวในเรื่องนี้ว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนหรือเด็กในเรื่องของการพนัน โดยต้องทำควบคู่ไปกับกาสิโนและเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะถ้าตัดสินใจให้มีแล้ว มันจะต้องมีกฎหมายรองรับ และทำอย่างไรประชาชนจะไม่มีความทุกข์กับการกับเสียพนัน นั่นคือ การสร้างภูมิคุ้มกัน เราต้องทำอย่างรุนแรงและแข็งขันถึงจะผ่านไปได้โดยไม่มีอุปสรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าประเทศไทยพร้อมแล้วใช่หรือไม่ที่จะมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยืนยันว่าต้องมีภูมิคุ้มกันก่อนจึงจะเกิดเรื่องนี้ได้ หรืออาจทำพร้อมกันไปก็ได้ แล้วแต่คนที่ออกแบบเรื่องนี้ หากดูจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่ทำ จะเห็นว่าเขามีการสร้างภูมิคุ้มกันพอสมควรในเรื่องนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เยือนโรงงานผลิตผ้าแบรนด์ชั้นนำอิตาลี ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าย้อมครามไทยสู่สากล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของห้องเสื้อ Zegna เมืองวาลดิลานา (Valdilana) และพบหารือกับนาย Gildo Zegna ผู้บริหารของห้องเสื้อ Zegna