บี้ทุกหน่วยเกาะติดโอมิครอน

 

โควิดไทยขยับต่อเนื่อง​ 3.1 พันราย ดับ​ 26​ คน "โอมิครอน" ทะลุพัน! ติดเชื้อแล้ว 1,145 ราย นายกฯ สั่งทุกหน่วยเกาะติดสถานการณ์ จัดทีมพร้อมรับวิกฤตในช่วงเทศกาล นัดถก ศบค.ทันทีหลังปีใหม่ เลขาฯ สมช.ยันไม่กลับไปล็อกดาวน์ แต่เข้มเฉพาะพื้นที่ ย้ำขอความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน WFH สธ.แจงใช้หน้ากากผ้าป้องกันโควิดได้ทุกสายพันธุ์ พร้อมแนะใช้ให้ถูกวิธี คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ยังลามอีก 16 ราย

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานว่า พบติดเชื้อรายใหม่ 3,111 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 2,845 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 2,767 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 78 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 254 ราย จากต่างประเทศ 112 ราย​ ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปี 2563 ทั้งสิ้น 2,223,435 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 3,241 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี​ 2563 ทั้งสิ้น​ 2,168,494 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 33,243 ราย อาการหนัก 588 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 148 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 26 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 12 ราย เป็นผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป 19 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย เสียชีวิตมากที่สุด ที่ กทม. 4 คน มียอดเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี​ 2563​ ทั้งสิ้น​ 21,698 ราย

มียอดฉีดวัคซีนเพิ่มเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 383,753 โดส ทำให้มียอดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 ทั้งสิ้น 104,278,364 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 286,858,755 ราย เสียชีวิตสะสม 5,445,958 คน สำหรับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 430 ราย, ชลบุรี 310 ราย, อุบลราชธานี 150 ราย, สมุทรปราการ 113 ราย, นครศรีธรรมราช 103 ราย, ขอนแก่น 91 ราย, ภูเก็ต 86 ราย, เชียงใหม่ 63 ราย, อุดรธานี 62 ราย และสงขลา 60 ราย

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงการเฝ้าระวังสถานการณ์โควิดช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ช่วงปีใหม่ถือเป็นช่วงบททดสอบที่สำคัญที่เราได้ต่อสู้กับโควิดมาแล้ว 2 ปี โดยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดใหม่ๆ สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤต ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ทำงานกันอย่างหนักรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ปัจจุบันเราได้มีบทเรียนและพัฒนาการปฏิบัติตัว รวมถึงแนวทางการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ขณะนี้แทบจะเป็นอัตโนมัติที่เรารู้ว่าจะอยู่กับโควิดได้อย่างไร

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำอยู่ตลอดในเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ว่ารัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งฝ่ายที่ประกอบอาชีพเพื่อหารายได้ หรือฝ่ายที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ต้องนำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่จะเป็นกิจกรรมที่เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการเฉลิมฉลองอย่างมีความสุขตามอัตภาพ แต่หากทำอยู่ภายใต้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเราจะผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้

สั่งรับวิกฤตโควิดปีใหม่

นอกจากนี้ ในด้านการเกาะติดสถานการณ์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายกฯ ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม และในส่วน ศปก.ศบค. ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกส่วนจัดทีมพร้อมตอบโต้สถานการณ์วิกฤตด้านการแพร่ระบาดที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการรักษาพยาบาลการควบคุมโรค และการแก้ปัญหาในวิกฤตต่างๆ ขณะเดียวกันหลังช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีการเรียกประชุม ศบค.ทันทีในสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. เพื่อติดตามสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะช่วยได้หลังผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ ในส่วนของประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเดินทางไปท่องเที่ยว นายกฯ ได้มอบแนวทางและขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ รวมถึงเอกชนให้มีการทำงานในลักษณะ work from home โดยในส่วนของหน่วยงานภาครัฐกำหนดไว้เบื้องต้นให้ work from home ในระยะเวลา 7 วัน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของหน่วยงานนั้นๆ และการจัดทำงานให้เหมาะสม ขณะที่เอกชนก็ต้องขอความร่วมมือด้วย พร้อมทั้งการให้ตรวจหาเชื้อโควิดแบบ ATK เพื่อตรวจเชิงรุกว่าบุคคลใดมีโอกาสติดเชื้อ หากติดเชื้อจะได้สามารถควบคุมได้ทันท่วงที

เมื่อถามว่า หลังปีใหม่ หากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจะมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า แผนที่เราทำมาอย่างหนักและทำมาอย่างต่อเนื่องทุกภาคส่วนไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล เชื่อว่ามีมาตรการอื่นที่จะทำได้โดยไม่ต้องกลับไปล็อกดาวน์ ไม่ว่าการระบาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม ที่สำคัญที่สุดเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะมีกิจกรรมหลายอย่างที่เกิดการรวมตัวและการเคลื่อนย้ายของประชาชน ทั้งรัฐบาลและนายกฯ ได้เตรียมการและสั่งการมาอย่างต่อเนื่องให้ทุกจังหวัด โดยจะพยายามและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ระมัดระวังร่วมมือและปฏิบัติกิจกรรมในช่วงปีใหม่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เมื่อถามย้ำว่า หากไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะใช้การล็อกเป็นพื้นที่แทนหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า "ใช่ เรายกตัวอย่างเซลล์ เซลล์ที่เล็กที่สุด ถ้าเกิดการระบาดในเขต ตำบล หรืออำเภอ ก็สามารถดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย"

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 อย่างมีความสุข โดยเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนต้องดูแลระมัดระวังป้องกันตนเองด้วยการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขแบบครอบจักรวาลขั้นสูงสุดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสายพันธุ์โอมิครอน โดยเฉพาะการใส่หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ เนื่องจากขณะนี้พบคลัสเตอร์ที่มีการติดเชื้อโควิด-19 มาจากปัจจัยเสี่ยงในร้านที่เป็นห้องปรับอากาศ ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี และมีการตรวจพบเชื้อโควิดอยู่ในเครื่องปรับอากาศด้วย ขณะที่ช่วงเวลาการรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่ม ที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเป็นเวลานาน ดังนั้น จึงควรใช้เวลาในการรับประทานอาหารให้น้อยที่สุด และระหว่างที่ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อได้อย่างมาก

นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนดให้มากขึ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งขณะนี้สามารถที่จะ walk in ไปรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลต่างๆ ที่ได้มีการประกาศให้ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนได้แล้ว

โอมิครอนทะลุพันราย

ทางด้านนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจหาสายพันธุ์โควิด-19 ในผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงในประเทศ และคลัสเตอร์ใหญ่ๆ รวมถึงผู้ติดเชื้อบริเวณชายแดน ข้อมูลสะสมตั้งแต่เปิดประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายน-30 ธันวาคม พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรวม 1,145 ราย โดยเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ 620 ราย และติดในประเทศ 525 ราย

โดยผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้นจากวันที่ 30 ธันวาคม จำนวน 211 ราย เป็นผู้มาจากต่างประเทศ 43 ราย ติดเชื้อในประเทศ 168 ราย ทั้งนี้ แนวโน้มพบการติดในประเทศมากกว่ามาจากต่างประเทศ ซึ่งการระบาดในประเทศเป็นวง 2 วง 3 น่าจะมีมากขึ้น สำหรับเขตสุขภาพที่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนมากที่สุดคือ เขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร จำนวน 325 ราย เขตสุขภาพที่ 7 จำนวน 309 ราย พบที่ จ.กาฬสินธุ์ มากที่สุด และเขตสุขภาพที่ 11 จำนวน 128 ราย พบที่ จ.ภูเก็ต มากที่สุด

นายแพทย์ศุภกิจกล่าวว่า การรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ใช้การดูแลไม่ต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ ทั้งนี้ หากเราพบคลัสเตอร์เดียวกันที่มีผู้ติดเชื้อต้องสงสัยจำนวนมาก อาจใช้วิธีสุ่มตรวจสายพันธุ์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจทุกราย เพื่อให้ทราบสถานการณ์เท่านั้น ไม่ต้องรู้ถึงระดับรายปัจเจกบุคคล

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การสวมหน้ากากเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคโควิดได้ทุกสายพันธุ์ รวมทั้งสายพันธุ์โอมิครอน เพราะเชื้อจะสามารถติดต่อผ่านทางละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย มีส่วนน้อยที่ติดต่อผ่านทางอากาศ ดังนั้น การสวมหน้ากากแต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อการรับเชื้อ สำหรับประชาชนหากใส่หน้ากากในสถานที่ทั่วไป สามารถใช้หน้ากากผ้าได้ แต่ต้องเลือกเป็นแบบผ้าฝ้ายมัสลิน 2 ชั้น เนื่องจากเส้นใยผ้าฝ้ายมัสลินมีประสิทธิภาพในการกันละอองน้ำได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับผ้าชนิดอื่นๆ และนำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง ซึ่งหากทุกคนสวมหน้ากากตลอดเวลา จะลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และไม่เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง สถานที่อับหรืออากาศไม่ถ่ายเท เชื้อมีความเข้มข้นในอากาศสูง หรือสถานที่ที่มีคนหนาแน่นแออัด

อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า หากประชาชนไปในแหล่งชุมชน มีคนพลุกพล่าน ควรสวมหน้ากากผ้าไว้ด้านนอกและหน้ากากอนามัยคุณภาพดีที่มี 2 ชั้นคือ มีชั้นกรองและชั้นปิดไว้ด้านใน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสามารถป้องกันเชื้อได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญต้องสวมหน้ากากให้ถูกวิธี โดยสวมแนบชิดกับใบหน้าครอบปากและจมูก ไม่ควรใส่ไว้ใต้คาง เพราะการสวมหน้ากากที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้

ศูนย์อำนวยการต้านโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานว่า พบผู้ป่วยใหม่ 48 ราย เป็นคลัสเตอร์เชื่อมโยงกับสองสามีภรรยาที่กลับจากต่างประเทศ และร้านอาหารกึ่งผับในตลาดโรงสี 16 ราย โรงเรียนแก้งนางราษฎร์บำรุง อ.ดอนจาน 4 ราย รับเหมาก่อสร้าง อ.ยางตลาด 5 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 16 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรครวม 7 ราย โดยเบื้องต้นส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์เชื่อมโอมิครอนแล้วจำนวน 224 ราย ผลตรวจยืนยันเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 121 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการยืนยันสายพันธุ์

สถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้น พบรายใหม่เพิ่ม 72 ราย แต่ยังไม่มียืนยันเพิ่มการติดเชื้อ​สายพันธุ์โอมิครอน​

ที่ จ.กาญจนบุรี พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 58 ปี ซึ่งเดินทางมากับเพื่อน 4 คน เพื่อไปร่วมงานแต่งเพื่อนในพื้นที่ อ.พนมทวน แต่ไม่ได้เข้าไปในงาน เนื่องจากไม่สวมหน้ากากอนามัย เจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปร่วมงาน จากนั้นจึงเข้าที่พักภายในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองกาญจนบุรี ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. ชายชาวอังกฤษรายดังกล่าวมีอาการไข้ ทางโรงแรมจึงประสานไปยัง รพ.พหลพลพยุหเสนา ผลปรากฏว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และนำตัวเข้ารักษา และวันที่ 31 ธ.ค. ตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง พบติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน สำหรับเพื่อนที่มาด้วยกันอีก 3 คน ตรวจแล้วไม่พบติดเชื้อ แต่ได้กักตัวตามมาตรการแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง