ศก.เสี่ยงโตตํ่า ขอลดดอกเบี้ย เร่งเบิกจ่ายงบ

กกร.ชี้เศรษฐกิจปีนี้เสี่ยงโตต่ำ คงเป้าจีดีพีขยายตัว 2.8-3%   เหตุปัญหาโครงสร้างการผลิต ฉุดส่งออกฟื้นตัวช้า บี้รัฐเร่งเบิกจ่ายงบ ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่ม ลดดอกเบี้ยนโยบาย

เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า  ที่ประชุมประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2567  มีแนวโน้มเติบโตได้ในกรอบประมาณการที่ 2.8-3.3% การส่งออกคาดอยู่ที่ 2-3% และเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.7-1.2% ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง จากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของไทยที่กระทบต่อการผลิต โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีขนาด 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญปัญหาและไม่สามารถส่งออกได้เต็มศักยภาพ ทำให้การส่งออกฟื้นตัวได้ช้าและไม่ทั่วถึง เช่น รถยนต์สันดาป ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive) และผลิตภัณฑ์พลาสติก ชะลอตัวลงจากปัจจัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ขณะที่สินค้าที่ส่งออกได้ดีเป็นสินค้าที่มีความซับซ้อนต่ำ เช่น ยางรถยนต์ และเนื้อสัตว์แปรรูป นอกจากนี้ สินค้าบางประเภทเผชิญการแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น ภาคการผลิตไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้สอดรับกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มกลไกในการสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อสร้างฐานข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาสินเชื่อตามกลไกตลาด

 “ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมให้จดทะเบียนนิติบุคคล โดยยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ 5-7 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัว พร้อมปรับเงื่อนไขและเพิ่มทรัพยากรของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น” นายเกรียงไกรระบุ

นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ เศรษฐกิจไทยต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มเติม จากทั้งนโยบายการคลังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการกระตุ้นอื่นๆ และนโยบายการเงิน ซึ่งจะเป็นในรูปของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือการปรับลดค่าธรรมเนียมนำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) อย่างที่เคยทำในอดีต จะช่วยลดภาระทางการเงินให้กับภาคครัวเรือนและธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

"ผมหวังว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยลง  เพราะเข้าสู่ช่วงขาลงของดอกเบี้ยแล้ว ขณะนี้สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ไม่มีแล้ว  และคาดว่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ยลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี คือตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งเฟดเคยส่งสัญญาณว่าจะลดถึง 3 ครั้ง แต่ทว่าต้นปีนี้เศรษฐกิจของสหรัฐยังแข็งแกร่งมา เฟดจึงยังไม่ลดดอกเบี้ยลงเร็วตามที่เฟดคาด แต่มั่นใจว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นช่วงขาลงของดอกเบี้ยทั้งอังกฤษ ยุโรป จากการกระตุ้นเศรษฐกิจยกใหญ่ ทุกคนต้องฟื้นตัว ต้นทุนดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME  การลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% หรือ 0.50% มีความหมายมาก ช่วย SME ได้เยอะ ช่วยให้เขารอดตายได้" ประธาน ส.อ.ท.ระบุ
ส่วนราคาน้ำมันดีเซลที่จะเพิ่มขึ้น หลังหมดอายุมาตรการอุดหนุน จะส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งของภาคเอกชนทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงประมาณ 15% ของต้นทุนทั้งหมด แต่กองทุนน้ำมันขณะนี้ติดลบกว่าแสนล้านบาท คงไม่สามารถตรึงราคาดีเซลต่อไปได้มากกว่านี้  อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนอยากเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการอื่นมาช่วยเหลือ เช่น  การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพลังงาน เพื่อรื้อโครงสร้างพลังงาน จะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดมองว่า กนง.มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัดไป โดยคาดว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวมเป็น 0.50% ในปีนี้ 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ใน 10 จังหวัดนำร่อง ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.2567 ว่า ไม่ได้ขัดข้อง เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจรัฐบาล และอยากเห็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานมีรายได้สูงขึ้น แต่ต้องดูว่าเราจะสามารถจ่ายไหวหรือไม่ โดยเฉพาะ SME จึงอยากให้รัฐบาลฟังเสียงจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะภาคโรงแรม ที่อาจจะมีเสียงสะท้อนมา เพื่อหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่อาจได้รับผลกระทบ แต่หากจะมีการปรับค่าจ้างขึ้นหลายครั้งต่อปี แล้วทำให้เศรษฐกิจโตได้ดี เชื่อว่าทุกฝ่ายยินดีพิจารณาร่วมกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้