“เศรษฐา” ชงเองในฐานะขุนคลัง ดันมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เข้า ครม. 9 เม.ย. ขยายวงเงินลดค่าโอน-จดจำนองที่อยู่อาศัยเหลือ 0.01% จากเดิมไม่เกิน 3 ล้าน เป็น 7 ล้านบาท อ้างช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันจีดีพีได้ 1.58% พร้อมลดภาษีสร้างบ้านใหม่สูงสุด 1 แสนบาทต่อราย “ศิริกัญญา” เตือนชั่งน้ำหนักให้ดี ป้องกันข้อครหาเอื้อประโยชน์
เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.2567 มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ในวันอังคารที่ 9 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางเมืองอุตสาหกรรมระดับโลก (ไทยแลนด์วิชัน) ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีสาระสำคัญของมาตรการสำคัญในการปรับปรุงมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียม และมาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐาที่เคยได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมของภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมมาตรการได้มากขึ้น และเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับมาตรการมีสาระสำคัญ โดยปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2567 ด้วยการขยายเพดานมูลค่าที่อยู่อาศัยให้ได้รับค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และผู้ขายที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ในราคาซื้อขายและค่าประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2567
“มาตรการดังกล่าวจะลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ จากปกติ 2% เหลือ 0.01% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน จากปกติ 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ประกอบด้วย 1.อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว และ 2.ห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีซื้อขายเฉพาะส่วน”
ทั้งนี้ มาตรการนี้เป็นการปรับปรุงมาตรการจากที่กระทรวงการคลังเคยมีมาตรการในการลดค่าจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรม รวมทั้งการโอนและค่าจดจำนองให้กับอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็นราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยอ้างว่าสอดคล้องกับข้อมูลของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่เหลือขายสะสมอยู่ในตลาดที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 46% ของที่อยู่อาศัยเหลือขายในตลาด ส่วนที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 7.5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 86% ของอยู่อาศัยที่เหลือขายในตลาด ซึ่งยังสอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์ที่อยู่อาศัยฯ ที่รายงานว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา ที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่ถึง 3 ล้านบาท มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คิดเป็น 41.4% ส่วนที่อยู่อาศัยมือหนึ่งที่ราคาไม่เกิน 7.5 ล้านบาท มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คิดเป็นสัดส่วน 61.4% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งหมด ดังนั้นมาตรการนี้จึงช่วยสนับสนุนการซื้อขายที่อยู่อาศัยและการจดทะเบียนและโอนที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กระทรวงการคลังได้ประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 ฉบับแล้ว ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยของตนเอง พ.ศ.2566 พ.ศ.… จำนวน 1 ฉบับ 2.ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายห้องชุด เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ.2566 พ.ศ.… จำนวน 1 ฉบับ 3.ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดจำนวน 1 ฉบับ และ 4.ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด จำนวน 1 ฉบับ
รายงานแจ้งอีกว่า กระทรวงการคลังระบุว่า มาตรการนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมมาตรการได้เพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะช่วยให้เกิดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มูลค่าประมาณ 799,374 ล้านบาทต่อปี ช่วยเพิ่มการบริโภคในประเทศได้กว่า 118,413 ล้านบาทต่อปี หรือ 9,868 ล้านบาทต่อเดือน และเพิ่มการลงทุนได้ประมาณ 464,971 ล้านบาทต่อปี หรือ 38,748 ล้านบาทต่อเดือน และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 1.58% ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์มีขนาดเศรษฐกิจถึง 6.95% ของจีดีพี และมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอื่นๆ เป็นจำนวนมากโดยมีตัวคูณทางเศรษฐกิจประมาณ 1.13 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 100 บาทที่มีการลงทุน จะเกิดผลต่อเศรษฐกิจ 113 บาท
“มาตรการนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสูญเสียรายได้จากค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากปัจจุบันประมาณ 5,299 ล้านบาทต่อปี หรือ 442 ล้านบาทต่อเดือน เป็นจำนวนประมาณ 23,822 ล้านบาทต่อปี หรือ 1,985 ล้านบาทต่อเดือน” รายงานข่าวระบุว่า ยังมีมาตรการที่เสนอในส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ บุคคลธรรมดาที่มีการสร้างบ้านในช่วงเวลาที่มีการดำเนินมาตรการ โดยมีการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าก่อสร้างบ้านเมื่อได้ทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านกับผู้รับเหมาทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และต้องเริ่มก่อสร้างบ้านในหรือหลังวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค.2568 ซึ่งมูลค่าการหักลดหย่อนให้เป็นไปตามมูลค่าการก่อสร้างบ้าน 1 ล้านบาท จะหักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านที่เสียอากรแสตมป์ด้วยวิธีการชำระอากรเป็นเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกับกรมสรรพากร โดยมาตรการนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 5,000 ราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท สูญเสียรายได้ภาครัฐประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่บ้านราคา 1-3 ล้านบาท ที่มียอดคงค้างขายไม่ออกเป็นจำนวนมาก ในส่วนราคาที่มากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ก็อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่น้อยกว่า นโยบายนี้อาจเป็นนโยบายที่ช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น เพราะธุรกิจอสังหาฯ ก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องไปในภาคธุรกิจอื่นอีกค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากเป็นบ้านสร้างเสร็จแล้วที่ยังคงค้าง โอกาสที่จะนำไปสู่การทำให้ธุรกิจขยายตัว หรือมีการสร้างบ้านขึ้นมาใหม่นั้นน้อยกว่า จึงเป็นมาตรการที่เน้นช่วยพยุงธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะ
“ต้องมีการชั่งน้ำหนักว่าควรให้ไปถึงในสัดส่วนที่เท่าไร การที่ยิ่งขยายเยอะ ก็อาจจะทำให้เกิดข้อครหาได้ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจอสังหาฯ มากจนเกินไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามาตรการนี้ถูกกำหนดไว้ให้เฉพาะบ้านที่มีราคาค่อนข้างถูก เพื่อช่วยให้กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยลงมา ได้รับประโยชน์โดยตรง” น.ส.ศิริกัญญาระบุ
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ เคยแสดงท่าทีเห็นด้วยก่อนหน้านี้ให้ลดดอกเบี้ย และยกเลิก Loan to Value (LTV) จะเป็นการส่งสัญญาณหรือดักคอใครล่วงหน้าหรือไม่นั้น น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ข้อควรระวัง คือการยกเลิก LTV เพราะหากเรายังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งอยู่ในระดับสูง การยกเลิกก็จะยิ่งทำให้คนสามารถกู้บ้านได้มากเกินกว่าความสามารถในการชำระ เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะมาตรการ LTV เกิดขึ้นในวันที่ตลาดอสังหาฯ แทบเป็นฟองสบู่ จากการที่คนซื้อบ้านหลังที่ 2 เพื่อเก็งกำไร ดังนั้น มาตรการนี้มีไว้สำหรับคนที่ซื้อไว้ลงทุนหรือเก็งกำไรอยู่แล้ว แต่ในภาวะที่หนี้ครัวเรือนสูงขนาดนี้ อย่างไรก็ควรคง LTV เอาไว้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ โดดป้อง 'อุ๊งอิ๊ง' ปมแบงก์ชาติ อ้างแค่สะท้อนความต้องการประชาชน
นายกฯ ป้อง “อุ๊งอิ๊ง“ สปีชเวทีเพื่อไทย แค่สะท้อนความต้องการประชาชน ลั่น ไม่เคยบีบบังคับใคร เข้าใจความเป็นอิสระ เตรียมคุย ”รมว.คลัง“ หาทางทำงานร่วมแบงค์ชาติ
‘ดร.เอ้’โวยลั่น โกดังสารเคมี ‘ขุมนรก’ชัดๆ!
"ดร.เอ้" เดือด! ลงพื้นที่ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีระยอง โวยลั่นนรกชัดๆ
ทัวร์ลง‘อุ๊งอิ๊ง’ เลือดพ่อมาเต็มดีเอ็นเอทักษิณมาครบคิดรบกับแบงก์ชาติ
ทัวร์ลง "อุ๊งอิ๊ง"! โซเชียลแชร์คลิปผู้ว่าฯ แบงก์ชาติว่อน หลัง "แพทองธาร" แสดงวิสัยทัศน์มั่วนิ่ม
‘ในหลวง-ราชินี’ เสด็จฯฉัตรมงคล
ในหลวง พระราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจวันฉัตรมงคล เหล่าทัพได้ทำการยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
ระลึกถึงคำปฏิญาณ พระราชดำรัสแก่12รมต. พิชิตนัดแจงทุกปม7พ.ค.
"ในหลวง" พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกฯ นำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ
‘เพื่อไทย’เปิดตัวชิงเก้าอี้‘อบจ.’
เพื่อไทยจัดงาน "10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10" “สรวงศ์” ประกาศความพร้อมสู้ศึกนายก