คุกแก๊งตำรวจ สมุน‘กำนันนก’ ตั้มตามบี้บิ๊กต่อ

ศาลอาญาคดีทุจริตสั่งคุก 1.4-2 ปี เเก๊งตำรวจ-พลเรือน ช่วยเหลือ ตำรวจปฏิบัติหน้าที่มิชอบ-สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ ช่วยเหลือ "หน่อง ท่าผา-กำนันนก "ยิง "สารวัตรศิว" ตาย จำคุก 22 ราย ยกฟ้อง ตร. 1 นาย ยังลุ้นคดีจ้างวานฆาตกรรม-กับฮั้วประมูล ศาลให้ประกันจำเลยที่ให้รอลงการลงโทษ 15 ราย ด้าน "ทนายตั้ม" มอบหลักฐานเพิ่ม "ก.ร.ตร." เอาผิด "บิ๊กต่อ" เชื่อเอาผิดตำรวจได้เป็นร้อยหรือถูกดำเนินคดีทางวินัยเป็นรถบรรทุก

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท 206/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท/2567 ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ยื่นฟ้อง พันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ สมสุข ที่ 1 กับพวกรวม 23 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 91, 92, 157,  184 , 189, 200 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172  (เป็นตํารวจ 16 นาย ในความผิดต่อตําแหน่งราชการ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพลเรือน 7 คน ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (รวม 23 คน)

จากกรณีที่ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรศิว หรือสารวัตรแบงค์ ถูกยิงเสียชีวิตภายในงานเลี้ยงที่บ้านกํานันนกเมื่อวันที่ 6 กันายายน 2566 เเละมีการให้การช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ

โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-3, 5 คนละ 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 4, 6-13, 15-20, 23 คนละ 1 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 21 จำคุก 1 ปี 9 เดือน 21 วัน จำคุกจำเลยที่ 22 (กำนันนก) 2 ปี โทษจำคุกสำหรับ จำเลยที่ 9 -11, 19, 20, 23 ให้รอการลงโทษ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 14

สำหรับรายชื่อจำเลยทั้งหมดประกอบด้วย จำเลยที่ 1 พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข,   จำเลยที่ 2 ร.ต.ท.ประสาร รอดผล, จำเลยที่ 3 ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล, จำเลยที่ 4 ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ, จำเลยที่ 5 ร.ต.ท.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์, จำเลยที่ 6 จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา, จำเลยที่ 7 ร.ต.อ.จตุรวิทย์ ชวาลเกียรติธนา, จำเลยที่ 8 ร.ต.อ.ประสมมาศ แสงสุขดี, จำเลยที่ 9 ส.ต.ต.สุทธิกานต์ แซ่ฮ้อ, จำเลยที่ 10 ส.ต.ต.สรรเสริญ ศรีอุบล, จำเลยที่ 11 ส.ต.ต.ธนทัต ท่าน้ำตื้น, จำเลยที่ 12 ร.ต.อ.นุชิต บรรณชัย, จำเลยที่ 13 ด.ต.ถนอมศักดิ์ มีศรี, จำเลยที่ 14 จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง, จำเลยที่ 15 ร.ต.อ.ศิริชัย รูปสวย, จำเลยที่ 16 ร.ต.ท.สมโชค บัวไชย, จำเลยที่ 17 นายสนธยา สุดแน่น,  จำเลยที่ 18 นายฐิตินันท์ อินทร์ต้นวงศ์,  จำเลยที่ 19 นายนิวัติชัย ปั้นดา, จำเลยที่ 20 นายกฤษดา เหล่งดอนไพร, จำเลยที่ 21 นายชาตรี เขียวทับ, จำเลยที่ 22 นายประวีณ จันทร์คล้าย (กำนันนก), จำเลยที่ 23 นายอาทิตย์ เก้าลิ้ม

ในส่วนคดีฆาตกรรม พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ทางอัยการสำนักงานคดีอาญาได้ยื่นฟ้องกำนันนก ในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60 มาตรา 84 มาตรา 288 ส่วนนายหน่อง ท่าผา ผู้ลงมือถูกวิสามัญเสียชีวิตไปเเล้วจึงจำหน่ายคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีในส่วนสำนวนนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาเฉพาะความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ โดยทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ส่วนจำเลยอื่นถูกฟ้องฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณา 6 นัด รวมระยะเวลานับตั้งแต่วันฟ้อง (30 พ.ย.66 ถึงวันอ่านคำพิพากษาเป็นเวลา 4 เดือน 10 วัน สำหรับความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ฐานฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่นอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก

โดยก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งฟ้องสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตฟ้องจนศาลมีคำพิพากษาในวันนี้

นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ได้มีคำสั่งตั้งพนักงานอัยการให้คำแนะนำปรึกษาในคดีโดยนายกุลธนิตเป็นเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เเละนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนเป็นคณะทำงาน และยังมีคดีที่เกี่ยวพันกับธุรกิจของกำนันนก ที่อยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ คือคดีที่บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด เป็นบริษัทของนายประวีณ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 บริษัทที่มีการรายงานว่า ในช่วง 10 ปี ได้ทำโครงการของรัฐรวมแล้ว 1,311 โครงการ รวมงบประมาณไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งอัยการสูงสุดได้อนุญาตให้นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ ไปเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษคดีนี้อีกด้วย

ภายหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 22 ราย เเละยกฟ้อง 1 ราย ในส่วนจำเลยที่ศาลจำคุกไม่รอลงอาญา 16 คน มีจำเลย 15 คน ยกเว้นนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก (มีหมายขังนอกจากสำนวนนี้อยู่ด้วย) ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์

วันเดียวกัน ที่สำนักงานจเรตำรวจ  นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นำหลักฐานเส้นทางการเงินจากเว็บพนันกว่า 1,000 หน้า มอบให้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ที่อ้างว่ามีความเชื่อมโดยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. รวมทั้งภรรยาและบัญชีม้า โดยนายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้นำเส้นทางการเงินเดิม แต่มีความละเอียดมากขึ้น มามอบให้ พล.ต.ท.เรวัช เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นยอดเงินหลายร้อยล้าน ซึ่งตนมั่นใจในชุดทำงานของท่านเรวัช เพราะท่านตรงไปตรงมา ผิดก็คือผิด ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือเอื้อประโยชน์ให้ใคร

ส่วนที่ สน.เตาปูน มีการสอบพยานปากสำคัญไปแล้ว 2 ปาก คือ สายลับ และ น.ส.พิมพ์วิไล จะต้องทำคำให้การของพยานออกมาในรูปแบบของหนังสือ เนื่องจากการสอบปากคำใช้เวลากว่า 1 ชม. แต่กลับพิมพ์คำให้การแค่กระดาษ 1 หน้า ตนมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งพยานคนดังกล่าวรู้ถึงที่มาของเส้นทางการเงิน แบบนี้ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หรือไม่

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.อ.สุรเดช ฉัตรไทย ผกก.สน.เตาปูน จะลาออกจากตำแหน่งนั้น นายษิทราเชื่อว่ามีความกดดันตั้งแต่คดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และตนไปแจ้งความเอาผิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์อีก รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าจะมีการโอนสำนวนคดีไปให้หน่วยงานอื่นทำแทน อาจกลัวว่าจะถูกตรวจพบความผิดที่ตนได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าหากมีการโอนคดีโดยมิชอบ ตนก็จะแจ้งดำเนินกับผู้โอนคดีเช่นกัน

นายษิทรากล่าวว่า ในส่วนความปลอดภัยของตนเองนั้น มีผู้ใหญ่เตือนมาว่าอีกฝ่ายมีการเคลื่อนไหวแล้ว ให้ระวังตัวและครอบครัวด้วย ซึ่งฝ่ายที่พูดถึงคือ คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเว็บพนัน โดยมีตำรวจ สอท.เกี่ยวข้องกับเว็บพนันด้วย ตอนนี้มีการยกเลิกตั๋วแล้ว พอเรื่องเงียบไปสักพักก็กลับมาเก็บตั๋วเหมือนเดิม เหมือนที่ตำรวจเรียกเก็บส่วย น.ส.พิมพ์วิไล พอมีการจับกุม ก็มีการขอให้ น.ส.พิมพ์วิไลจ่ายส่วยต่อ

"หลักฐานที่ผมมีเพียงพอต่อการดำเนินคดี ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะนำมาให้วันหลัง ในส่วนของสเตทเมนต์ของข้าราชการตำรวจ และเครือญาติของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการชุดนี้  ซึ่งสามารถติดต่อขอจากทางธนาคารได้ ทั้งนี้ จะต้องเชิญ 2 บิ๊กตำรวจ เครือญาติ  รวมถึงตำรวจนายอื่นๆ ที่มีเส้นเงิน มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย หลักฐานทั้งหมดค่อนข้างชัดเจน ถ้าหลักฐานไปถึงตำรวจคนไหน จะต้องมีการดำเนินคดีหมด ซึ่งการสอบและดูหลักฐานในครั้งนี้ เชื่อว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องเป็นร้อยนาย ซึ่งคณะกรรมการฯ คาดว่าจะมีตำรวจที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 100 นาย หรือมีตำรวจถูกดำเนินคดีทางวินัยเป็นรถบรรทุก" นายษิทรากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง