รัฐบาลโต้ชักศึกเข้าบ้าน ไทยยึดหลักมนุษยธรรม

“นายกฯ” ถกด่วนปม​เครื่องบินเมียนมา​ลงจอดที่ไทย ย้ำจุดยืนเป็นกลางประสานทุกภาคส่วนให้เกิดสันติภาพโดยเร็ว ขณะที่เหล่าทัพและ  สมช.ปิดปากเงียบ “ปานปรีย์” แจงปัดชักศึกเข้าบ้าน แจงแค่เอาเอกสารลับทางราชการเข้ามา ยันไร้ขนเงิน-อาวุธ-ทหาร “พิธา” โผล่อัด รบ. แจงข้อมูลไม่ตรงกัน

ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 เมษายน เวลา 09.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เรียกประชุมกรณีเครื่องบินพาณิชย์เมียนมาลงจอดที่อำเภอแม่สอด  จังหวัดตาก โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ, นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.), พล.อ.เจริญชัย​ หินเธาว์​ ผู้บัญชาการทหารบก​ (ผบ.ทบ.), นายฉัตรชัย​ บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ (สมช.) และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย โดยบรรดาเหล่าทัพและหน่วยงานความมั่นคงปฏิเสธที่จะตอบเรื่องนี้  

ต่อมานายเศรษฐาได้ทวีตข้อความผ่าน x ระบุว่า “สถานการณ์ในเมียนมา มีความสำคัญต่อไทยเป็นอย่างมาก การทำงานด้านนโยบายเมียนมาก็เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของเมียนมา เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ การประชุมด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีชายแดนเมียนมาเช้านี้คือประเทศไทยพร้อมประสานและส่งเสริมความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมาโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับผู้ได้รับผลกระทบ และพร้อมดูแลผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยในด้านต่างๆ รวมถึงการค้าชายแดน และเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีการตั้งคณะทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศรับผิดชอบหลัก โดยมีเลขาธิการสำนักงานความมั่นคงทำงานร่วมด้วย เพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งประเด็นการเมือง สังคม และเศรษฐกิจครับ”

ทางด้านนายปานปรีย์กล่าวว่า ปกติจะมีการขอมาเป็นประจำ โดยเฉพาะเครื่องบินพาณิชย์ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่เครื่องบินทหาร มีการขออนุญาตมาอย่างถูกต้อง กระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการอนุญาตให้บินเข้ามาในประเทศไทยได้ และทางนี้ก็เป็นการขอมาจากทูตเมียนมาประจำประเทศไทย โดยแจ้งว่ามีสถานการณ์เมียนมา อาจจะมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากประเทศไทยในเรื่องของมนุษยธรรม เราก็ตอบรับ

เมื่อถามว่า เครื่องบินที่ลงจอดมีการขนอะไรกันแน่ เนื่องจากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมไม่ตรงกัน นายปานปรีย์กล่าวว่า เป็นการขนเอกสารทางราชการ เดิมเราก็คาดว่ามีประชาชนชาวเมียนมาเดินทางเข้ามาด้วย โดยเฉพาะข้าราชการ แต่เมื่อเขาสามารถเจรจากันได้ คนที่จะเดินทางเข้ามาก็ไม่ได้เข้ามา   มันก็เลยเหลือแต่เอกสารทางราชการ ซึ่งปกติทางการทูตไม่ว่าประเทศใดก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบว่าเป็นเอกสารประเภทใด เนื่องจากเป็นเอกสารลับทางราชการของเมียนมา

เมื่อถามย้ำว่า มีแค่เอกสารลับทางราชการ ไม่มีกำลังพลหรืออาวุธใช่หรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ไม่มีอาวุธ ไม่มีกำลังพล ไม่มีทหาร และชาวเมียนมาซึ่งเดิมจะเดินทางเข้ามาก็ขอยกเลิกไป เลย เหลือแต่เพียงเอกสารทางราชการ

ส่วนที่มีรายงานว่ามีการขนเงินเข้ามานั้น นายปานปรีย์กล่าวว่า "ไม่เห็นนะครับ และตามที่แจ้งมาก็ไม่เห็นมีเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่แจ้งมาเรื่องมนุษยธรรม และเมื่อไม่มีชาวเมียนมาเข้ามา มันก็เหลือเฉพาะแต่สัมภาระกับเอกสารทางราชการเท่านั้น"

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลจากหลายฝ่ายกรณีเครื่องบินเมียนมาลงจอดเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ใช่เป็นเครื่องบินทางทหาร เป็นเครื่องบินพลเรือน ซึ่งปกติเขาบินเข้าบินออกประเทศไทยอยู่แล้ว ตนว่าเรื่องนี้ไม่เป็นประเด็นเลยในเรื่องชักศึกเข้าบ้าน ทั้งนี้ กองทัพมีความพร้อมหากมีกรณีรุกล้ำน่านฟ้าไทยเราจะดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้ต้องไม่ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด

ขณะที่นายกฯ  กล่าวอีกครั้งระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของผู้นำในอนาคตในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ตอนหนึ่งว่า วันนี้หากพูดถึงเรื่องความมั่นคง เรื่องที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดในเรื่องความมั่นคงของประเทศ​ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศเมียนมา​ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ร้อนแรง ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ประเทศไทยเรายืนยันว่าเรามีจุดยืนที่เป็นกลาง เราช่วยเหลือมนุษยชน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย​ เราไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในของแต่ละประเทศ​

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์ในเมียนมา กระทบการค้าขายชายแดนหรือไม่ว่า มีการติดขัดเล็กน้อยเกี่ยวกับการขนส่งข้ามไปมา แต่ทางเอกชนก็ยังค้าขายอยู่ ก็ได้สั่งการให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศประชุมเพื่อให้ทราบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แล้วจะรายงานให้ประชาชนทราบ ขณะนี้การขนส่งยังไปได้อยู่ แต่ไม่สะดวก

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า หน่วยงานหลักคือกระทรวงการต่างประเทศได้ดูแลสั่งการอยู่แล้ว ส่วนกระทรวงกลาโหมติดตามอย่างใกล้ชิดเท่านั้น

เมื่อถามว่า จากที่รับรายงาน เครื่องบินขนคนหรือสิ่งของกันแน่ นายสุทิน บอกว่า ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ผู้สื่อข่าวจึงแย้งว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ควรมีการประสานกระทรวงกลาโหมด้วยหรือไม่ แต่นายสุทินยังย้ำคำเดิมว่า ถ้าไม่ใช่ระดับสถานการณ์ที่เร่งด่วน หรือต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ไม่ต้องถึงกระทรวงกลาโหม สถานการณ์ชายแดนปัจจุบันถือว่าปกติอยู่ ไม่ถึงขั้นต้องยกระดับความเข้มข้น เพียงแต่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและวิเคราะห์ให้ละเอียดขึ้น

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการชี้แจงเรื่องดังกล่าวของรัฐบาลว่า นายปานปรีย์เป็นคนที่ 5 ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ แล้วไม่ตรงกัน ทำให้เกิดความสงสัยว่ามีสิ่งที่ร่ำลือกันในพื้นที่ว่ามีคนในจังหวัดเมียวดีไปด้วยหรือไม่ มีผู้จัดการธนาคารไปหรือไม่ ซึ่งไม่ได้เชื่อ แต่ถ้าจะจบทุกเรื่อง รัฐบาลจะต้องแถลงเป็นเรื่องเป็นราว

ส่วนจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่นั้น นายพิธากล่าวว่า น่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ตามมา ในเชิงการต่างประเทศเราต้องมีช่องทางที่ไม่ให้เกิดสิ่งที่ลุกลาม ซึ่งนายปานปรีย์น่าจะเข้าใจ ถ้าไม่แถลงให้ชัดเจนอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากกว่านี้ ทั้งนี้ รัฐบาลควรต้องต่อสายไปที่คนในพื้นที่ ชนกลุ่มน้อย และกลุ่มเอ็นยูจี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ โดดป้อง 'อุ๊งอิ๊ง' ปมแบงก์ชาติ อ้างแค่สะท้อนความต้องการประชาชน

นายกฯ ป้อง “อุ๊งอิ๊ง“ สปีชเวทีเพื่อไทย แค่สะท้อนความต้องการประชาชน ลั่น ไม่เคยบีบบังคับใคร เข้าใจความเป็นอิสระ เตรียมคุย ”รมว.คลัง“ หาทางทำงานร่วมแบงค์ชาติ