สังเวยทะลุร้อย ‘กรุงเทพฯ’แซง แชมป์เสียชีวิต!

“เศรษฐา” ฟุ้งหนัก โหมสงกรานต์ซอฟต์พาวเวอร์ ดันไทยเป็นผู้นำในด้าน Festival ของโลก “พิธา” ไม่ตกขบวน ประกาศลั่นกลางวงผู้สูงอายุ ไม่ยอมแพ้เส้นทางการเมือง ขณะที่ 7 วันอันตรายสงกรานต์ 3 วัน เหยื่อสังเวยท้องถนนพุ่ง 116 ศพ

เมื่อวันอาทิตย์ นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยเนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567  โดยระบุใจความช่วงหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีทุกแขนง และสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ โดยส่งเสริมให้สงกรานต์ของประเทศไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อันจะสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชน   อีกทั้งได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะรักษาและสืบทอดประเพณีสงกรานต์ ให้มีการปฏิบัติและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับยุคสมัย และทำให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่ประชาชนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

"นอกจากนี้ ได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้าน Festival ของโลก และพร้อมสำหรับการเป็น Festival Country ในอนาคต โดยสร้างสรรค์ให้เทศกาลสงกรานต์ให้เป็นที่รู้จัก และเป็นเทศกาลที่อยู่ในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ   สามารถดึงดูดผู้คนจากทุกมุมโลกให้มาสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการเล่นน้ำที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น" นายกรัฐมนตรีระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายเศรษฐายังมอบสารเนื่องในโอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2567 วันที่ 13 เมษายน 2567  และวันที่ 14 เมษายน 2567 ว่า ผมขอส่งความรัก ความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังผู้สูงอายุทุกท่านและพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกครอบครัว

ที่ตลาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  นายเศรษฐาพร้อม พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา มาเดินตลาดเช้าตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้งที่เดินทางมาพักผ่อนที่หัวหิน โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และคณะ ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย

ต่อมานายเศรษฐาได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงการเดินตลาดหัวหินในช่วงเช้าว่า    ผมกับคุณหมออ้อมมาใส่บาตรที่ตลาดหัวหินด้วยกันรับวันปีใหม่ไทยครับ    สถาบันครอบครัว คือ สถาบันพื้นฐานที่ช่วยดูแลเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็น safety net ให้ทุกคนที่เปราะบาง เปรียบเหมือนขุมพลังกายพลังใจของเรา  อยากให้ครอบครัวไทยทุกครอบครัวเข้มแข็งครับ ประเทศไทยของเราจะแข็งแรง และพัฒนาไปได้อย่างมั่นคง ความไม่เข้าใจกันในครอบครัวเป็นเรื่องปรกติ  ความเห็นที่แตกต่างของคนต่างวัย สามารถพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ ในโอกาสวันครอบครัว ฝากทุกท่านให้ความรัก ให้เวลา และช่วยกันดูแลทุก ๆ คนในครอบครัวให้อบอุ่นครับ

ที่ จ.อุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์   ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล   พร้อมกับลูกสาว และ สส.พรรคก้าวไกล อาทิ น.ส.รัชนก ศรีนอก สส.กทม., นายณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ (สส.เคน) ส.ส.เขต 1 อุดรธานี เดินทางมาร่วมกิจกรรมวันผู้สูงอายุ ที่ศาลาประชาคมชุมชนนาดี เพื่อร่วมในพิธีสู่ขวัญผู้สูงอายุ 

ทั้งนี้ นายพิธาระบุช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณพ่อแก่ แม่เฒ่า ชาวชุมชนนาดี สำหรับกำลังใจและขวัญที่ผูกให้กับพวกเรา ทำให้เรามีกำลังใจทำงานการเมืองต่อไป ถ้าขวัญมาขนาดนี้แล้วไม่มีทางเดินอื่นนอกจากการเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่มีคำว่ายอมแพ้ ไม่มีคำว่าถอยหลัง ในเส้นทางการเมือง ที่ต้องการมาเปลี่ยนแปลงชาวอุดรธานี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

"ขอบคุณที่ให้เรามามีส่วนร่วมที่นี่ ให้เราพรรคก้าวไกลได้รับขวัญ รับพลัง จากผู้มีประสงการณ์ชีวิตมากกว่าเรา  ทำให้เรามีขวัญ มีกำลังใจ และมีส่วนในประเพณีน่าเคารพน่าชื่นชม เมื่อได้ขวัญและกำลังใจมาแล้ว เราก็ทำงานเพื่อท่านต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ที่พรรคเราเคยหาเสียงเอาไว้" นายพิธาระบุ

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์   พ.ศ.2567 โดยมีนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วง 7 วันอันตรายเกิดอุบัติเหตุ 392 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 411 คน ผู้เสียชีวิต 48 ราย โดยจังหวัดที่มีอุบัติเหตุสูงสุดคือ จังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลา จำนวน 19 ครั้ง รองลงมาคือ จังหวัดน่าน 16 ครั้ง, ตรังและเชียงราย 15 ครั้ง

นายวิทยาระบุว่า จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 4 ราย  รองลงมาคือ เชียงราย จันทบุรี นครราชสีมา และเพชรบูรณ์ 3 รายจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ สงขลา 23 ราย, นครศรีธรรมราช 21 ราย และน่าน 17 ราย โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากขับรถเร็วเกินกำหนด 157 ครั้ง ดื่มแล้วขับ 109 ครั้ง ปาดหน้ากระชั้นชิด 66 ครั้ง ทัศนวิสัยไม่ดี 50 ครั้ง และหลับใน 24 ครั้ง จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 28 จังหวัด

“สำหรับประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ จำนวน 342  คัน, ปิกอัพ 26 คัน, รถเก๋ง 18 คัน ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงคือขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมใส่หมวกกันน็อก 297 ราย ดื่มแล้วขับ 95 ราย ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 87 ราย ทั้งนี้ สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (11-13 เม.ย.67) เกิดอุบัติเหตุรวม 936 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 968 คน ผู้เสียชีวิตรวม 116 ราย” นายวิทยาระบุ

นายวิทยาระบุว่า ในที่ประชุมได้เน้นย้ำว่าคดีเมาแล้วขับ กฎหมายปัจจุบันที่ผิดซ้ำมีบทลงโทษให้สั่งจำคุกได้เสมอ จึงน่าติดตามว่า 36 คดีที่มีการส่งฟ้องจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่เยาวชนเมาแล้วขับและถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลด้วยว่าจะมีการโยงไปสู่ความรับผิดชอบของผู้ปกครอง ดังนั้น จะชี้ให้เห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จริงจังกับเรื่องดื่มแล้วขับเป็นอย่างมาก  จึงฝากผู้ปกครองให้กำชับบุตรหลานเรื่องเมาไม่ขับด้วย

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา (11-13 เม.ย.67) พบว่า รถจักรยานยนต์เป็นประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ซึ่งพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บคือการขับรถเร็วและการขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย

ด้านนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 3 ของ 7 วันอันตราย (13 เมษายน 2567) มีคดีทั้งสิ้น 249 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 242 คดี และคดีขับเสพ 7 คดี โดยสถิติคดีเมาขับยอดสะสม 3 วัน ได้แก่ อันดับหนึ่ง กรุงเทพมหานคร 222 คดี, อันดับสอง เชียงใหม่ 125 คดี และอันดับสามจังหวัดนนทบุรี 120 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีในวันที่สามของ 7 วันอันตรายปี 2566 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 1,845 คดี และปี 2567 จำนวน 242 คดี ลดลงจำนวน 1,603 คดี คิดเป็นร้อยละ 86.88

 “สำหรับยอดสะสม 3 วันของ 7 วันอันตราย (11-13 เมษายน 2567) จำนวน 1,745 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 1,631 คดี คิดเป็นร้อยละ 92.99, คดีขับรถประมาท 3 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.17, คดีขับซิ่ง 0 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.00, คดีขับเสพ 120 คดี คิดเป็นร้อยละ 6.84” นายเรืองศักดิ์ระบุ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)  กำกับดูแลรถโดยสารสาธารณะ ไม่ให้ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสารช่วงเทศกาลสงกรานต์ กำชับพนักงานขับรถต้องมีความพร้อมก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ หากพบการกระทำความผิดให้ลงโทษขั้นสูงสุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' จ่อเคลียร์ใจ 'ปานปรีย์' ชวนนั่งกุนซือพรรค ไม่รู้ 'นพดล' เสียบแทน

'เลขาฯ เพื่อไทย' รับต้องคุย 'ปานปรีย์' หลังไขก๊อกพ้น รมว.ต่างประเทศ แย้มชงนั่งที่ปรึกษาพรรค มั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม ปัดวางตัว 'นพดล' เสียบแทน ชี้ 'ชลน่าน-ไชยา' หน้าที่หลักยังเป็น สส.