รัฐมนตรีเพื่อไทยแห่ร่วมดินเนอร์นายใหญ่

“รัฐมนตรีเพื่อไทย” พร้อมหน้าตบเท้ากินข้าวกับ “ทักษิณ” หยอก "มาครบองค์ เปิดประชุมเลยไหม" ปัดไม่มีนัยทางการเมือง แค่มารดน้ำดำหัวคนอายุ 75 “Nothing is permanent” ไม่มีอะไรเป็นสรณะ ขออย่าคิดมาก แจงคน "ปชป." รู้จักกันดีแค่นั่งจิบกาแฟ ออกตัวครม.ที่ไม่พอ "เศรษฐา" จ่อคุยพรรคร่วม ให้สัญญาณปรับ ครม. ลั่นต้องถูกฝาถูกหน้าที่ ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ 7 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์เปลี่ยน ต้องวางคนให้สภาแข็งแกร่งด้วย ขณะที่บรรดา   รมต.เรียงหน้าโบ้ยไม่รู้ข่าวปรับ ครม.  แต่ "สมศักดิ์" บ่นเป็นรองนายกฯ 15 ครั้งแล้ว

ที่ร้านอาหารเลอค็อกดอร์ จ.เชียงใหม่ เวลา 18.00 น. วันที่ 14 เมษายน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับประทานอาหารร่วมกับรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)  และ สส.ของพรรค โดยเวลา 17.00 น.  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข  เดินทางมาถึงเป็นคนแรก จากนั้นรัฐมนตรีพรรค พท.ต่างทยอยเดินทางมาถึง ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม, นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม, นายไชยา พรหมมา รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา,  นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง

สำหรับรัฐมนตรีสัดส่วน พท.ที่ไม่ได้มาร่วมงานวันนี้เนื่องจากติดภารกิจ มี 4 คน ประกอบด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ และนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ

ส่วนแกนนำพรรคและ สส.ที่เดินทางมา อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล, น.ส.ศรีโสภา โกฏคำลือ สส.เชียงใหม่ รวมถึงนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่

สำหรับบรรยากาศที่ร้านอาหารนั้น ทันทีที่ นพ.ชลน่านมาถึง ผู้สื่อข่าวแกล้งจะนำปืนฉีดน้ำฉีดใส่ นพ.ชลน่าน แต่นพ.ชลน่านชิงกล่าวก่อนว่า “ไม่ยิง ผมก็ตายแล้ว” ขณะที่เมื่อนายชูศักดิ์มาถึง ผู้สื่อข่าวกล่าวแซวว่า “เตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่” นายชูศักดิ์นำมือแกล้งจะตีหัวผู้สื่อข่าวด้วยความอารมณ์ดีแต่ไม่ได้ตอบคำถาม

และทันทีที่นายประเสริฐมาถึง ได้กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า “ยังอยู่นะ” ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "ยังอยู่นะ หรืออยู่ที่ไหน" นายประเสริฐกล่าวว่า "ไม่รู้ๆ"   ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน

จากนั้นเวลา 17.30 น. นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ, นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.การคลัง, นายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ,  นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ เดินทางมาถึง ซึ่งก่อนนางเยาวภา, นายสมชาย, นายสุชาติ, นายพายัพ จะเดินทางเข้าร้าน บรรดารัฐมนตรีและ สส.ของพรรคได้เดินออกมาต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายทักษิณจะเดินทางมาถึง บรรดารองนายกฯ และรัฐมนตรีของ พท.ได้ออกมายืนรอรับนายทักษิณหน้าร้าน ซึ่งทันทีที่นายทักษิณที่สวมเสื้อฮาวายสีขาวรูปหัวใจสีแดงมาถึง บรรดารัฐมนตรีได้เข้าไปทักทาย โดยนายทักษิณได้กล่าวทักทายและกล่าวหยอกล้อกับรัฐมนตรีว่า "โอ้ปรับ ครม.เลยไหม ประชุมได้เลยไหม ครบองค์เลยเนี่ย เกิน 18 หรือยัง" 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุเกิน 18 หรือยัง หมายความว่าอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ก็ 18 เกินครึ่งถือว่าครบองค์ประชุม เมื่อถามย้ำว่าประชุมเลยหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ผมไม่มีสิทธิ์เปิดประชุม แต่มาครบองค์”

'ทักษิณ' โบ้ยไม่มีนัยการเมือง

ก่อนหน้านั้น ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นายทักษิณกล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีหลายท่านมาพบ มีนัยทางการเมืองอะไรหรือไม่ ว่าไม่หรอก มันเป็นประเพณี โดยเฉพาะตนเป็นคนเชียงใหม่ ประเพณีสงกรานต์เขาก็มารดน้ำดำหัวเป็นเรื่องปกติ ตนอายุ 75 แล้ว พวกที่อยู่ทั้งหลายตอนนี้อายุน้อยกว่าตนทั้งนั้น ที่อายุเยอะกว่าเห็นจะมีแค่นายสมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม ส่วนที่หลายคนมองว่าหากใครไม่มาเช็กชื่อ ก็คงไม่เป็นแบบนั้น ตนเป็นคนไม่จุกจิก และไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับท่านนายกฯ ซึ่งนายกฯ จะเป็นคนตัดสินใจเองว่าใครจะอยู่ใครจะไป

เมื่อถามว่า จะพูดอย่างไรให้รัฐมนตรีที่เข้าใจผิดว่าจะปรับ ครม. ต้องวิ่งเข้าหาตน นายทักษิณกล่าวว่า “Nothing is permanent" ไม่มีอะไรเป็นสรณะ เพราะมันก็มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีตำแหน่งแล้วต้องหมดตำแหน่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดอะไรมาก ระหว่างที่มีตำแหน่งอยู่ก็ทำให้ดีที่สุด สร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเมืองไป

ส่วนที่มีการมองว่านายทักษิณกลับมาจะเป็นศูนย์กลางอำนาจ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นศูนย์กลางของคนแก่ที่พวกรุ่นน้องๆ อยากมาปรึกษาหารือ ตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นคนแก่สุดแล้ว ถือว่าวันนี้เริ่มเข้าวัยเบญจเพส อีก 25 ปีก็ครบ 100

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะเข้าร่วมรัฐบาล และมีการโยงชื่อของนายทักษิณว่าเป็นผู้คุยดีลนี้ นายทักษิณย้อนถามว่า “เหรอครับ  ก็รู้จักกันทั้งนั้น ก็คุยการเมืองกัน หลายคนอยากทำงานให้บ้านเมือง แต่บางครั้งทุกอย่างก็มีจำกัด เก้าอี้รัฐมนตรีก็มี 36 รวมทั้งนายกฯ ด้วย ก็ต้องมีจำกัด ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ขอให้ไปถามนายกฯ ซึ่งการพบกับคนของ ปชป. ก็ดื่มกาแฟกันธรรมดา อย่างนายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาธิการ ปชป. ก็เคยเป็นผู้สมัคร สส.พรรคไทยรักไทย สมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ๆ ก็เลยรู้จักกัน

ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช กล่าวถึงข่าวถูกโยกไปนั่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาว่า ทราบข่าวจากสื่อมวลชน แต่สำหรับตนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็ตั้งใจทำงาน ยืนยันว่าการปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะพิจารณาว่าใครจะไปดำรงตำแหน่งอะไร แต่สิ่งที่นายกฯมุ่งมั่นคือการมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ

เมื่อถามว่า หากถูกสลับไปนั่ง รมว.การท่องเที่ยวฯ จริง จะถือว่าเป็นงานที่ถนัดหรือไม่ นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า ความจริงแล้วตนถนัดงานที่กระทรวงมหาดไทย เพราะเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และเป็นอดีต รมช.มหาดไทย มาก่อน แต่หากต้องไปเป็น รมว.การท่องเที่ยวฯ จริง ก็สามารถทำได้ เพราะมีหลักในการทำงานอยู่แล้ว

นายสุทิน คลังแสง กล่าวถึงกระแสข่าวถูกปรับออกจาก ครม.ว่า ชินแล้ว  กับโผ ครม.ที่ออกมา ซึ่งข่าวแบบนี้มีมานานแล้ว จึงรู้สึกธรรมดา เฉยๆ เมื่อถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า  ยังไม่เป็นความจริง ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้หากเป็นจริงค่อยว่ากัน ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่นั่งอยู่ในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ตนไม่เหนื่อย แต่สนุก ตื่นเต้นมากกว่า ก็คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่รู้คนอื่นจะมองอย่างไร

เมื่อถามว่า หากถูกปรับออกจากครม.แล้วต้องไปช่วยงานอย่างอื่น นายสุทินกล่าวว่า ตนอย่างไรก็ได้ เราเป็นนักการเมืองพร้อมทำทุกหน้าที่ ส่วนหลุดออกจาก ครม.เป็นเพราะอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนที่มีข่าวว่านายกฯ จะไปนั่งในตำแหน่ง รมว.กลาโหมเอง อะไรก็เป็นไปได้ ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด เหมือนท่านเป็นกัปตันทีม ฟุตบอล จะปรับทีมผู้เล่น จะเปลี่ยนตำแหน่ง ก็เป็นสิทธิ์ของกัปตัน เพื่อที่จะได้ประตูและมีชัยชนะ

'สมศักดิ์' บ่นเป็นรองนายกฯ 15 ครั้ง

เมื่อถามว่า หากถูกปรับออกแล้วกลายเป็นตัวสำรองจะน้อยใจหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ตัวสำรองก็มีโอกาสลงเล่น ไม่น้อยใจ ซูเปอร์สตาร์ดังๆ อย่างลิโอเนล เมสซี หรือดิเอโก มาราโดนา ก็ยังเคยนั่งตัวสำรอง หากไม่ได้เข้าสนามวันนี้ก็ได้เข้าวันหน้า ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ส่วนงานในสภาเป็นงานที่ถนัดอยู่แล้ว อยู่ตรงไหนก็ได้

ด้านนายเกรียง กัลป์ตินันท์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะหลุดออกจากตำแหน่งรมต.ว่า ดีนะ ผู้สื่อข่าวรู้เร็ว และไม่มีสัญญาณอะไรส่งมาหาตนในเรื่องนี้  และไม่กังวลอะไร

เมื่อถามว่า 7 เดือนที่ผ่านมาที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นายเกรียงกล่าวว่า   ก็ลงพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ทำงานเต็มที่ ไม่รู้ว่าพวกคุณไปเอาข่าวมาจากไหน ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละการเมือง ส่วนจะปรับอย่างไรไปถามคนที่เขามีอำนาจดีกว่า ตนยังไม่รู้เรื่อง

เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวว่าถูกดึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้ไปอยู่ภายใต้กำกับดูแลของ รมว.มหาดไทยใช่หรือไม่ นายเกรียงตอบย้ำว่า เป็นเรื่องที่พวกคุณคิดไปเอง ที่จริงพวกเราคิดไปเองหมด ส่วนโผหลุด ครม. ตนก็ไม่รู้ว่าแม่นหรือไม่แม่น รู้แต่เพียงว่าพวกคุณคิดเอาเอง ส่วนตอนนี้ก็สบายใจดี

ที่ จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยา, น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน บุตรสาว ได้เปิดบ้านพักส่วนตัวเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย เพื่อเปิดโอกาสให้รดน้ำขอพรและพบปะกับพี่น้องประชาชนและข้าราชการ โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า เวลานี้มีข่าวการปรับ ครม. ซึ่งตนก็ไม่สามารถมาคาดเดาได้ แต่ตนเป็นรองนายกฯ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 15 แล้ว โดยอาจจะเลิก ถ้าหากเป็นครบ 20 ครั้ง เพราะไม่รู้จะถูกย้ายไปไหน แต่ตามข่าวที่ออกมาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์เลือก ซึ่งข่าวที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงสิ่งที่ลือกันไป ดังนั้นเวลานี้ขอตั้งใจและทำสมาธิกับการผลักดันสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายในฐานะรองนายกฯ ให้ดีที่สุด และมีความสุขที่ได้ทำอยู่

ที่หัวหิน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถึงการปรับ ครม. จะมีการปรึกษานายทักษิณ   หรือไม่ว่า ในความเห็นของพี่น้องประชาชนหลายล้านคนเห็นว่านายทักษิณเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องการปรับ ครม.ตนได้แถลงไปแล้ว หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน โดยต้องมีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกฯ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังสงกรานต์จะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ นายกฯ ยอมรับว่า “แน่นอนครับ”

เมื่อถามว่า จะเป็นการพูดคุยในลักษณะส่งสัญญาณหากพรรคไหนต้องการจะปรับสามารถแจ้งได้เลยใช่หรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุย เป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม  นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกออปชันมีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมด

ถามว่ายังมีปัจจัยอะไรอีกที่จะทำให้นายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากจะเจาะจงกระทรวงไหน เป็นการพูดในหลักการคร่าวๆ มากกว่า หากจะไปทำงานหรือมีการโยกย้ายไม่ใช่เฉพาะตนเองคนเดียว  รัฐมนตรีท่านอื่นก็ต้องดูให้ถูกคน เราก็รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน แม้แต่สื่อมวลชนเองก็บอกว่าบางคนทำงานยังไม่ถูก ยังไม่ดีพอ อ่อนในหลายด้าน รวมถึงการสื่อสาร ด้านการประสานงาน ทุกข้อคิดเห็นตนนำมาพิจารณาหมด หากจะมีการปรับ ครม. และไม่อยากจะเจาะจงว่าปรับใหญ่หรือปรับเล็ก หรือปรับใครไม่ปรับใครบ้าง   เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยและผลงานของแต่ละคนด้วย

ปรับ ครม.ให้ถูกฝาถูกหน้าที่

เมื่อถามว่า การปรับรอบนี้จะถูกฝาถูกตัวเลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนอะไรต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป พรุ่งนี้มะรืนไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับ หากจะมีการปรับต้องมีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสม ถูกต้องถูกเวลา แต่อาจจะต้องมีหลายท่าน อาจจะยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังต้องการเวลาในการทำงานอยู่ เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และคิดว่าหากจะมีการปรับก็คงปรับเรื่อยๆ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

เมื่อถามว่า ปรับ ครม.ครั้งนี้จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลังใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “อ๋อ ไม่มั่นใจครับ ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแรงกระเพื่อม มีความไม่สบายใจก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ”

ถามว่า แรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยค่อนข้างเยอะ การปรับครั้งนี้จะทำให้แรงกระเพื่อมในพรรคลดลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่แน่ใจครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาการทำงานเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้ มันแล้วแต่วาระของเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภา พอสภาแข็งแกร่งท่านอาจจะกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย  ในอดีตทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่าการปรับ ครม.ก็มีการปรับเข้าปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยครับ ถ้ามันเกิดขึ้นเดี๋ยวค่อยมาว่ากันดีกว่า”

"จุดประสงค์ใหญ่ถ้ามีการปรับ ครม.ก็ปรับให้ถูกฝาถูกหน้าที่ ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วยว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่าเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 เดือนที่แล้วกับวันนี้สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวม"

เมื่อถามว่า แม้นายกฯ จะบอกว่า 314 เสียงแข็งแกร่งแล้ว แต่แกนนำพรรคปชป.ก็ยังมีการไปพูดคุยกับนายทักษิณ  จึงมีคำถามกลับมาว่ามีโอกาสหรือไม่ที่ปชป.จะร่วมรัฐบาล นายเศรษฐากล่าวว่า นายทักษิณเป็นผู้ที่มีความอาวุโสทางด้านการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการเยอะการที่จะไปทานข้าว พูดคุยกับใคร เชื่อว่าจุดมุ่งหมายคือประชาชนเป็นหลัก  ฉะนั้นการจะไปกินข้าวกับใคร สามารถตีความได้หลายอย่าง หากถามโดยส่วนตัวของตนไม่เคยพูดคุยกับใคร แม้แต่ไปเจอกับนายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคและ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ที่นายชัยชนะมาวันนั้น ก็มาในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะมาเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง