7พ.ค.เริ่มย้าย กากแคดเมียม บี้ตร.ฟันต้นตอ

“พิมพ์ภัทรา” เผย คกก.ขนย้ายกากแคดเมียมเคาะดีเดย์ 7 พ.ค. เร่งให้จบภายใน 36 วัน กำชับต้องปลอดภัยทุกขั้นตอน “ปธ.กมธ.อุตฯ”    ฟันธงมีเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์ จี้   “บก.ปทส.” หาตัวผู้ทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. น.ส.พิมพ์ภัทรา    วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงผลการประชุมของคณะกรรมการอำนวยการขนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสีว่า วันที่ 15 เม.ย. ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาแผนการขนย้ายกากแคดเมียมของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้ปรับปรุงมาใหม่ โดยบริษัทตอบรับการเพิ่มจำนวนรถบรรทุกจาก 10 คัน เป็น 30 คัน ตามที่คณะกรรมการฯ แจ้ง เพื่อให้สามารถขนย้ายกากแคดเมียมได้ถึง 450 ตันต่อวัน และลดระยะเวลาในการขนย้ายทั้งหมดจากเดิมที่ใช้เวลา 92 วัน ลงเหลือ 36 วัน โดยจะเริ่มทำการเคลื่อนย้ายกากจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพฯ และชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. หลังจากที่ทำการเตรียมความพร้อมของบ่อฝังกลบ และทำความเข้าใจให้ประชาชนรอบโรงงานที่จังหวัดตากเรียบร้อยแล้ว

สำหรับการเตรียมความพร้อมบ่อฝังกลบ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่  จะส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบความแข็งแรงปลอดภัยของบ่อ ร่วมกับโยธาธิการจังหวัดและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ โดยจะตรวจสอบพื้นบ่อที่ปูด้วยแผ่นพลาสติก HDPE หนา 1.5 มม. จำนวน 2 ชั้น ว่าอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีการฉีกขาด สามารถป้องกันการรั่วไหลของกากได้ รวมทั้งตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของพื้นปูนและขอบบ่อในภาพรวม หากไม่มั่นคงแข็งแรงจะสั่งการให้มีการปรับปรุงให้เรียบร้อยโดยเร็ว 

รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ระหว่างการฝังกลบกากแคดเมียมจะต้องมีการสเปรย์น้ำที่บ่อฝังกลบระหว่างเคลื่อนย้ายกากลงหลุม เพื่อกันการแพร่กระจายของฝุ่นผงและการปรับเสถียรในบ่อฝังกลบ เมื่อทำการนำกากลงบ่อจนหมดแล้ว จะทำการเกลี่ยกากในบ่อให้เรียบ แล้วทำการเททราย จากนั้นปูทับด้วยพลาสติก HDPE อีกชั้น ก่อนที่จะเทคอนกรีตเสริมเหล็กปิดบ่อเป็นขั้นตอนสุดท้าย

โดยคณะกรรมการฯ ได้ขอให้บริษัท เพิ่มมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการขนส่ง ตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทาง การจัดหาถุง Big Bag เพื่อทำการสวมทับถุงเดิมอีกชั้นหนึ่ง (Double Bag) ก่อนการขนส่งเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการรั่วหรือฟุ้งกระจายของกากในระหว่างการขนส่ง รวมถึงขอให้เพิ่มกระบวนการตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหลังเสร็จสิ้นการปิดหลุมฝังกลบแล้ว โดยตรวจติดตามคุณสมบัติน้ำใต้ดินจากบ่อสังเกตการณ์  (Monitoring Well) ทุก 3 เดือน

น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวด้วยว่า วันเดียวกันนี้ คณะกรรมการฯ จะชี้แจงแผนการขนย้ายกากแคดเมียมให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั้ง 3 พื้นที่ (สมุทรสาคร ตาก และ ชลบุรี) รวมถึงประเด็นการปรับปรุงคำสั่งทางปกครองของอุตสาหกรรมจังหวัดที่จะต้องสอดคล้องกับแผนการขนย้าย และการประสานกับ บก.ปทส. ในเรื่องการโอนของกลางให้กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการต่อไป

ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์   สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 17 เม.ย. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา คณะ กมธ.การอุตสาหกรรม ได้เชิญหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ 6 หน่วยงานหลักที่นายกฯ มอบหมายให้ดำเนินการกับกากแร่แคดเมียมมาประชุมที่สภา เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการ โดยเฉพาะการขนย้ายกากแคดเมียม เนื่องจากประชาชนกังวลใจว่าจะขนย้ายอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด

นายอัครเดชกล่าวอีกว่า กมธ.ได้รับการร้องเรียนว่ากากแคดเมียมที่อายัดไว้ทำไมปล่อยทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ไม่หาตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุกากแคดเมียม  อย่างไรก็ตาม จะได้สอบถามกระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมมลพิษว่าได้ติดตามดำเนินการกรณีนี้ที่เป็นผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมว่าได้ดำเนินการไปถึงไหน และมีผลการดำเนินการเป็นอย่างไรแล้วบ้าง

“การสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด กมธ.จะติดตามสอบถามกับ บก.ปทส.ว่าสอบสวนถึงไหนแล้ว การขนย้ายกากแคดเมียมเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนการสอบสวนดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของ บก.ปทส. ในเบื้องต้นยืนยันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐรับผลประโยชน์ในเรื่องนี้แน่นอน จึงสามารถขนย้ายกากแร่อันตรายจากจังหวัดตากมาเก็บไว้ที่จังหวัดสมุทรสาคร แล้วกระจายไปยังจุดต่างๆ ทั้งชลบุรีและกรุงเทพมหานครได้ ทาง กมธ.อุตสาหกรรมมีข้อมูลเชิงลึกแล้ว” ประธาน กมธ.การอุตสาหกรรมระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง