นายกฯกราบนักโทษ อ้างขอพรผู้ใหญ่ที่เคารพเบรกรมต.วิ่งเต้น/ภท.ไม่เปลี่ยนตัว

"เศรษฐา" เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า กราบขอพรและสวัสดีปีใหม่ไทย "อดีตนายกฯ ทักษิณ" บอกเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ วอนอย่าคิดมาก ปัดถกปรับ ครม. แค่คุยปัญหาบ้านเมือง ไม่ติดใจถูกเทียบบารมีทักษิณหลังรัฐมนตรีแห่ไปเชียงใหม่อื้อ เบรก "รมต." ไม่ต้องไปวิ่งเต้นหาคนนั้นคนนี้ ขอแค่ทำงานให้ดี ปรับเมื่อไหร่รู้เอง "เสี่ยหนู" ไม่ขยับเก้าอี้ลูกพรรค "ธรรมนัส" ยังหนุน "ไผ่ ลิกค์"  นั่ง "รมช." โควตาว่าง พปชร. เล็งแผนสองส่ง "อรรถกร" เสียบ "ศิริกัญญา" ชี้ผลงานรัฐบาล 7 เดือนแค่พอใช้ จี้เร่งกระตุ้น ศก.อย่ารอแค่เงินหมื่น

ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า วันที่ 16 เม.ย. เวลา​ 09.50 น. นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง​ สวมเสื้อโปโลสีขาว​ กางเกงยีนส์​ เดินทางด้วยรถยนต์​ประจำตำแหน่ง Lexus สีบรอนซ์​ เลขทะเบียน​ สร​ 30 กรุงเทพมหานคร เข้าพบนายทักษิณ​ ชินวัตร​  อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างพักโทษ เพื่อรดน้ำขอพรในช่วงเทศกาลสงกรานต์​ โดยเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า นายเศรษฐาได้ลดกระจกรถลงเพื่อทักทายสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

จากนั้นเมื่อเข้าไปภายในบ้านพักนายเศรษฐาได้เข้าไปไหว้และรดน้ำขอพร พร้อมมอบพวงมาลัยให้นายทักษิณ  ในขณะที่นายทักษิณให้การต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มรับไหว้และกล่าวขอบคุณนายเศรษฐา​ ก่อนที่จะได้พูดคุยเป็นการส่วนตัว ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ตั้งแต่ช่วงเช้า นอกจากนายเศรษฐามาเข้าพบแล้ว ยังมีแขกเหรื่อเดินทางมาพบนายทักษิณ

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายเศรษฐา​ ได้ทวีตข้อความผ่าน X พร้อมภาพภายหลังเข้ารดน้ำขอพรวันสงกรานต์นายทักษิณว่า “มาสวัสดีปีใหม่ไทย ท่านนายกฯ ทักษิณครับ” ต่อมาได้แก้ไขข้อความเป็น “มากราบขอพรและสวัสดีปีใหม่ไทยท่านนายกฯ ทักษิณผู้ใหญ่ที่เคารพครับ”

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายทักษิณว่า มาตามประเพณีไทย มาสวัสดีปีใหม่ รดน้ำขอพร เอาพวงมาลัยมาไหว้ และกราบท่าน ซึ่งนายทักษิณได้อวยพรให้สุขภาพแข็งแรงและเป็นกำลังใจในการบริหารบ้านเมือง

ถามว่า ในการพบกับนายทักษิณวันนี้ ได้มีเมนูอะไรพิเศษหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ดื่มกาแฟอเมริกาโนเย็นไม่ใส่น้ำตาล เพราะยังไม่ทานอะไรจนกระทั่งเที่ยง จึงไม่มีเมนูพิเศษอะไร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเศรษฐากล่าวว่า  “ตอนนี้ยังไม่มีครับ สื่อไปพูดกันเอง แต่อย่างไรก็ตามมันก็ต้องปรับในวันหนึ่ง และถ้าเผื่อจะปรับก็จะทราบกันเอง ไม่อยากให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อออกมาขณะนี้หวั่นไหว ผมคิดว่าควรเร่งทำงานกันดีกว่า เพราะทุกๆวันมีค่า แทนที่จะวิ่งเต้นวิ่งเซ่นมาหาท่านนั้นท่านนี้“

ซักอีกว่า ที่มาพบกับนายทักษิณได้มีการพูดคุยกันเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่  นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองธรรมดา ปัญหาเรื่องข้าวโพด ปัญหาเรื่องการเผาป่า ในเรื่องของความสะอาดของบ้านเมือง เป็นเรื่องธรรมดา รวมทั้งเรื่องของเมียนมาก็ได้มีการพูดคุยกัน

ถามว่า จะต้องมีการพูดคุยหรือเคลียร์กับรัฐมนตรีที่มีรายชื่อว่าจะถูกปรับที่มีการวิเคราะห์กันหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า "ไม่เคลียร์ครับ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเขียน ผมไม่เคลียร์อยู่แล้ว"

ปัดคุยทักษิณปรับ ครม.

เมื่อถามว่า แสดงว่าอยากให้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำงานมากกว่าใช่หรือไม่ นายเศรษฐกล่าวว่า “ผมพูดมาตลอดเวลา และผมพูดมาโดยตลอดช่วงเวลา 1 เดือน ที่มีข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี และผมขอบอกตรงๆ ว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน การทำงานที่ถูกต้อง ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และของแต่ละกระทรวงก็มีนโยบายเรือธงอยู่แล้ว ซึ่งทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง

นายกฯ กล่าวถึงในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งสัญญาณมาหรือยัง โดยเฉพาะบางพรรคที่ต้องการปรับ ครม.ว่า ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว และเป็นสิทธิ์ของเขา แต่อยู่ดีๆ ตนคงไม่โทร.ไปถามว่าใครอยากปรับใครบ้าง แต่แน่นอนว่าอย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังมีเก้าอี้เหลือ 1 เก้าอี้ แต่ยังไม่มีการส่งสัญญาณอะไรมาถึงตน และยังไม่มีการพูดคุย

นายเศรษฐายืนยันว่า อดีตนายกฯ ไม่ได้แนะนำอะไร เป็นการพูดคุยถึงเรื่องบ้านเมืองธรรมดา แชร์ข้อมูลกันว่าสมัยท่านมีอะไรบ้าง สมัยนี้มีอะไรบ้างโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และท่านก็เป็นกำลังใจให้ เพราะถือว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เวลาที่ไปพบผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ทุกท่านก็เป็นห่วงบ้านเมือง ซึ่งก็มีการพูดคุยกันในทุกๆ ด้าน ทุกมิติ และถ้าเกิดต้องการความช่วยเหลืออะไรจากอดีตนายกฯ ท่านก็บอกว่าสามารถโทรศัพท์มาหาได้ทุกเมื่อ พร้อมให้คำแนะนำ

พอถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภาพเปรียบเทียบระหว่างตัวนายกฯ กับนายทักษิณช่วงสงกรานต์ที่นายทักษิณมีบรรดารัฐมนตรีไปพบจำนวนมาก แต่ตัวนายกฯ เองมีเพียงอยู่กับลูกเท่านั้น นายเศรษฐากล่าวว่า สื่อควรจะต้องบอกตนว่ามองกันอย่างไร ถึงจะสามารถตอบได้

"การที่รัฐมนตรีไปอยู่กับอดีตนายกฯ จำนวนมาก ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขารู้จักกันมานาน อีกทั้งนายทักษิณก็เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมา ท่านรัฐมนตรีหลายท่าน อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข, นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ซึ่งไม่ต้องเอ่ยชื่อหมดทุกคน เพราะทุกท่านรู้จักนายทักษิณมานานกว่าผม ให้ความเคารพกันมายาวนาน และนายทักษิณก็อายุมากกว่าบรรดารัฐมนตรีทุกๆท่านอยู่แล้ว" นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวว่า รัฐมนตรีที่เอ่ยชื่อไปก็อายุมากกว่าตน จึงเป็นธรรมดาที่จะไปพบกัน และตนก็ไม่ได้คิดอะไร และเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว และหากสื่อกำลังจะบอกว่านายทักษิณได้รับความนิยมชมชอบมากกว่าตนก็ไม่ติดอะไร  และถือเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว รับได้อยู่แล้วครับตรงนี้ ไม่ได้มีอะไร และวันสงกรานต์ก็เป็นวันของครอบครัว อีกทั้งจังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นเมืองที่น่าเที่ยว  หลายๆ ท่านก็ถือโอกาสไปรดน้ำดำหัว  ก็เป็นประเพณี อีกทั้งนายทักษิณนอกจากเป็นคนที่พรรคให้ความเคารพ ก็มีรัฐมนตรีและ สส.หลายท่านให้ความเคารพด้วย

นายเศรษฐาย้ำว่า อย่าไปคิดอะไรมากเลยกับการที่ตนมาเยี่ยมนายทักษิณวันนี้ เพราะท่านเองเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ใหญ่ ที่ทุกคนในบ้านเมืองให้ความเคารพ เป็นคนที่มีความรู้ จึงเป็นธรรมดาที่ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ก็ต้องมาขอคำแนะนำและพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมือง รวมทั้งเล่าให้ฟังว่าทำอะไรอยู่บ้างหรือเป็นเรื่องธรรมดา ตนเจอกับผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองก็ขอคำปรึกษา และก็ทำงานอยู่แล้ว ไม่มีอะไร

ถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ทำไมมีกระแสข่าวนายกฯ จะไปนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเลย แต่คงเป็นเรื่องที่ตนได้ไปเยี่ยมทหารและบ้านพักของข้าราชการทหาร รวมทั้งเรื่องที่ตนมีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบ.ทบ.และ ผบ.สส. มีการยกหูพูดคุยกันได้ ซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้วในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ได้ขอท่านไปว่าอยากให้ท่านช่วยดูแลเรื่องชายแดน พื้นที่ทำกินของราษฎร ซึ่งท่านก็ตอบสนองได้ดี แต่ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือตำแหน่ง รมว.กลาโหม เพราะสถาบันทหารเองทุกคนก็มีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย ถ้าเผื่อนายกรัฐมนตรีขออะไรไปและเป็นเรื่องที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมจะทำให้อยู่แล้ว

พปชร.ยังดัน 'ไผ่' นั่ง รมช.

"ตรงนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุยหรือมโนภาพ ว่าจะต้องเป็นอะไรตรงนั้นตรงนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องธรรมดาในการพูดคุย ผมก็พูดคุยกับบรรดารัฐมนตรี ทั้ง รมว.พาณิชย์ ปลัดกระทรวง หรืออธิบดีในกระทรวงพาณิชย์ แล้วทำไมถึงไม่บอกกันว่าผมจะไป รมว.พาณิชย์บ้าง ดังนั้นถือเป็นหน้าที่อยู่แล้วในการที่จะพูดคุยกัน ไม่มีนัยอะไร" นายเศรษฐากล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวในการปรับครม.ในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีการปรับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น รัฐมนตรีทุกคนยังคงทำงานอยู่ที่เดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังเหลือโควตารัฐมนตรีว่างอยู่ 1 ตำแหน่งนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  เลขาธิการพรรค พปชร. ยังคงสนับสนุน นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เช่นเดิม  แต่ถ้าหากยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติอีกครั้ง แคนดิเดตรัฐมนตรีเต็งหนึ่งคือนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา   อยู่ในโผรัฐมนตรีลำดับถัดไป

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาว่า ยังเร็วไปที่จะบอกว่ามีอะไรที่สำเร็จหรือไม่สำเร็จ มีหลายๆ เรื่องที่รัฐบาลทำงานได้ดีต้องให้เครดิต ไม่ว่าจะในเรื่องของการช่วยเหลือเกษตรกร พักหนี้ รวมถึงจ่ายเงินให้กับชาวนาไร่ละ 1,000 บาท แต่ยังมีอีกหลายโครงการที่มีลักษณะคิดไปทำไป ซึ่งสร้างความสับสนและทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งมีการเลื่อนระยะเวลามาหลายรอบ โดยเพิ่งมีการประกาศว่าจะจ่ายเงินในไตรมาส 4 ของปี ซึ่งตนยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ว่าจะทำสำเร็จลุล่วงได้ตามนั้นจริงหรือไม่ เพราะยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ในหลายส่วน ทำให้หลายเรื่องที่คิดว่าจะทำได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ กลับกลายเป็นว่าอาจจะทำไม่ได้ตามที่พูดไว้

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า หลายๆ เรื่องที่รัฐบาลควรทำต้องมีมาตรการที่ใหญ่กว่านี้ เช่น การกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาจะเห็นเห็นว่ามีแค่การออกวีซ่าฟรี ซึ่งยังไม่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวกลับคืนมาหรือมีรายได้เทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ตนอยากให้รัฐบาลผลักดันการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของประชาชนโดยไม่ต้องรอจนกว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะออกมาในอีก 6 เดือนข้างหน้า เพราะกำลังซื้อและเศรษฐกิจฐานรากอ่อนกำลังลง แต่สมาธิและทรัพยากรต่างๆ กลับมุ่งไปที่นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ยังขาดโครงต่างๆ ที่จะมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในเศรษฐกิจฐานราก โครงการต่างๆ ก็อาจจะมีการตั้งคำถามว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ อย่างเช่น โครงการกระตุ้นอสังหารริมทรัพย์ที่ออกมา

"พึ่งผ่านมาได้ 7 เดือน คิดว่าข้อผิดพลาดต่างๆ ในระยะเวลาที่ผ่านมายังคงมีเวลาแก้ไขปัญหาได้ คาดว่าภายใน 1 ปีจะเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ ต้องยอมรับว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้มีประสบการณ์ในเรื่องของการบริหารราชการมาก่อน อาจจะมีการติดขัดไปบ้าง แต่คิดว่าภายใน 1 ปีคงจะเรียนรู้ได้" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ถามว่า ให้เกรดการทำงาน 7 เดือนรัฐบาลอย่างไร น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า   ตนหลีกเลี่ยงการให้ การตัดเกรดให้คะแนนเป็นตัวเลข เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้สัญญาอะไรไว้จริงๆ จังๆ จึงไม่ทราบว่าจะนำไปตัดเกรดกับอะไร คงเรียกได้ว่าพอใช้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' จ่อเคลียร์ใจ 'ปานปรีย์' ชวนนั่งกุนซือพรรค ไม่รู้ 'นพดล' เสียบแทน

'เลขาฯ เพื่อไทย' รับต้องคุย 'ปานปรีย์' หลังไขก๊อกพ้น รมว.ต่างประเทศ แย้มชงนั่งที่ปรึกษาพรรค มั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม ปัดวางตัว 'นพดล' เสียบแทน ชี้ 'ชลน่าน-ไชยา' หน้าที่หลักยังเป็น สส.