‘เศรษฐา’ลั่น!ยังเป็นนายกฯ

"เศรษฐา” ขอบคุณสื่อตีข่าวปรับ ครม. ทำให้รัฐมนตรีมุมานะทำงานอย่างเดียว ยันวินาทีนี้ยังเป็นนายกฯ และ รมว.คลัง ส่วนกระแสทวงเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้ไปถาม "อุ๊งอิ๊ง" ด้าน "วันนอร์" ลั่นไม่ยึดติดตำแหน่ง แต่ไม่อยากให้ฝ่ายนิติบัญญัติถูกแทรกแซง

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการซักถามกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ไม่มีใครถามอะไรเลย ทุกคนยังทำงานอย่างต่อเนื่อง  อย่างที่สื่อได้เสนอข่าวไปวัคซีนที่ดีที่สุดคือการทำงานนั่นเอง ตนเชื่อเช่นนั้น และต้องขอบคุณที่สื่อได้เสนอข่าวไป ตอนนี้ทุกท่านยังมุมานะทำงานอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการเสนอชื่อรัฐมนตรีในโควตาหรือไม่ นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย และวันนี้ตนได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เรื่องข้าวโพด และอะไรหลายๆ เรื่อง ท่านก็ไม่เห็นพูดอะไรมา

ถามถึงกระแสข่าวจะไปควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม นายเศรษฐายืนยันว่า “วินาทีนี้ผมยังเป็น รมว.คลัง และเป็นนายกรัฐมนตรีครับ”

ซักต่อว่า มีโอกาสที่จะไปหรือไม่  นายกฯ ตอบว่า ทุกอย่างมันมีโอกาส และขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลามากกว่า เมื่อถามว่าถ้าเกิดนายกฯ ไปควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม จะมีนโยบายอย่างไร ได้รับคำตอบว่า อย่าพูดถึงถ้าเกิดดีกว่า ไว้เกิดแล้วค่อยว่ากันดีกว่า

เมื่อถามว่า จะส่งไม้ต่อให้ รมว.การคลังคนต่อไปได้แล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่จะส่งไม้ต่อกับใครทั้งสิ้น

สำหรับกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะดึงเก้าอี้ประธานสภาฯ คืนจากพรรคประชาชาตินั้น นายเศรษฐาเผยว่า ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ทราบเรื่องจริงๆ ต้องไปถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ถามว่า พรรคเพื่อไทยจะยกเครื่องการทำงานในสภา จึงต้องมีการปรับ  ครม. นายกฯ ชี้แจงว่า เรื่องการทำงานกับสภาเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด แต่การจะยกเครื่องอย่างไร หรือจะปรับอย่างไรในบริบทปัจจุบันนี้ตนเชื่อว่าทุกๆ คนให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภาอยู่แล้ว อะไรที่จะสามารถทำให้ขับเคลื่อนการออกกฎหมาย ระบบตรวจสอบได้ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า ในความคิดของนายกฯ บุคคลที่จะไปทำหน้าที่หลักในการประสานงานฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารต้องมีคุณสมบัติอย่างไร นายกฯ  กล่าวว่า คงไม่ไปก้าวล่วงและไม่ไปพูดอะไร เพราะเดี๋ยวจะกระทบกระเทือนกับคนที่อยู่ปัจจุบัน อย่าดีกว่า อันนี้ไม่ใช่เรื่องของตน

ด้านนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ ​รมว.พาณิชย์​ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน เป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกและสื่อมวลชนคาดเดา อำนาจจริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็แสดงท่าทีชัดเจนหลายเรื่องว่ายังไม่พอใจกับการทำงานที่เป็นอยู่ และยังไม่ชัดเจนว่าจะปรับหรือไม่ปรับอย่างไร และเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีใครถามท่าน ซึ่งรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ก็ยังคงทำงานอย่างเต็มที่ ทุกคนช่วยกันทำงาน  อะไรจะเกิดก็เกิดเอง

ยังไม่ต้องรีบร้อนตื่นเต้น

ถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังเหลือโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง ได้มีการแจ้งชื่อเข้ามาแล้วหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า เป็นสิทธิ์ของพรรคพลังประชารัฐ ในโควตา​นั้น หากจะเกิดขึ้นก็ให้พรรคพลังประชารัฐเป็นผู้กำหนด และขึ้นอยู่กับแผนรวมทั้งหมดว่านายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไร

 “จิตใจของผู้ที่มีชื่อว่าจะถูกปรับยังเข้มแข็ง ยังทำงานแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็คงจะได้พบกัน ไม่น่ามีปัญหาอะไร และไม่น่ารีบร้อนที่จะคิดถึงเรื่องนี้ ยังไม่ต้องรีบร้อนตื่นเต้น เห็นมีข่าวมาตั้ง 4-5 วันแล้ว ชักไม่แน่ใจว่าผมจะโดนปรับด้วยหรือไม่” นายภูมิธรรมกล่าว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวถูกปรับให้ควบตำแหน่งรองนายกฯ ว่า อันนี้เป็นเรื่องที่ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจของนายกฯ ตอนนี้ตนทำงานที่กระทรวงคมนาคมก็มีความพึงพอใจอยู่แล้ว "อย่าเพิ่งไปคาดเดาเลย ผมอยู่เป็น รมว.คมนาคม ก็มีงานที่ทำเป็นที่พอใจอยู่แล้ว" 

ในขณะที่ นายสุทิน คลังแสง   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีกระแสว่าจะเป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะถูกปรับพ้น ครม. ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมอย่างทุกครั้ง ตอบคำถามอย่างยิ้มแย้มกับสื่อมวลชนว่า เดี๋ยวจะให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. แต่ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

สำหรับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ที่มีข่าวถูกปรับออกเช่นกัน ยืนยันว่าไม่มีอะไรๆ ไม่ทราบเลยว่ามีสัญญาณอะไรอย่างไร “ไม่มี ก็ทำงานไป  ไม่มีนอยด์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่ อย่าไปคิดมากครับ”

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ถึงกระแสข่าวที่มีรายชื่อถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า อยู่ก็ได้ ไปก็ได้ ได้หมด ไม่ซีเรียส ทำงานตามที่ท่านนายกฯ บอกไปก่อน

​นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี ที่มีชื่อจะมานั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือยังว่า ยังไม่ทราบ ตนทำงานอย่างเดียว และยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ คุยแต่เรื่องงาน

เมื่อถามว่า หากรอบนี้ได้เป็นรัฐมนตรี เตรียมเอกสารประวัติเรียบร้อยพร้อมแล้วใช่หรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้คุยอะไร ตนไปพูดอะไรก่อนไม่ได้

"ไม่มีอะไรครับ ผมก็ทำงานตามปกติ ยังไม่ได้มีการเตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สิน  ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว"

ชาวบ้านไม่ต้องการรถไฟฟ้า

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวถูกปรับออกว่า ทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่ ยืนยันว่าการขับเคลื่อนในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ถึงแม้กระทรวงเกษตรฯ จะประกอบไปด้วยรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ  แต่การทำงาน ก็ไม่มีอุปสรรค

"ผมถามชาวบ้าน ผมเป็นผู้แทนฯ มา 9 สมัย ชาวบ้านต้องการรถไฟลอยฟ้าหรือไม่ ต้องการรถไฟความเร็วสูงหรือไม่  เขาไม่ต้องการ แต่เขาต้องการน้ำ เพราะฉะนั้น เมกะโปรเจกต์ที่ต้องทำในภาคอีสานคือการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมน้ำ น้ำแล้ง กรมชลประทาน โครงการน้ำโขง-ชี-มูล ผ่านการศึกษา ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2563 งบประมาณมี แผนงานมี แต่ไม่มีการขับเคลื่อน ผมถึงบอกว่าการปรับ ครม.เที่ยวนี้กระทรวงเกษตรฯ ต้องอยู่กับเพื่อไทย" นายไชยา กล่าว

ขณะที่ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีชื่อถูกปรับออกว่า ยังไม่มีการพูดคุย ส่วนที่ปรากฏชื่อว่าเป็นหนึ่งในที่ถูกปรับออกนั้น ตนไม่ทราบ ยังไม่เห็น

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อมีการกล่าวถึงเรื่องการจะปรับ ครม.ย่อมมีความหวั่นไหวเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ซึ่งคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีจะเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค รทสช.

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคได้ส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ยัง มีแต่เรื่องสารแคดเมียม  ถามต่อว่า ไม่ได้หวั่นไหวอะไรใช่หรือไม่  น.ส.พิมพ์ภัทราหัวเราะพร้อมกล่าวว่า พร้อมรับทุกอย่าง

ทั้งนี้ ภายหลังให้สัมภาษณ์ น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวกับสื่อมวลชนด้วยว่า "ยังอยู่ค่ะ ถามหัวหน้าไหมคะ"

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร โดยพรรคยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะเสนอชื่อนายไผ่ ลิกค์  สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรี ส่วนคุณสมบัติจะผ่านหรือไม่ผ่านก็อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่า จะส่งชื่อให้กับนายกรัฐมนตรีวันไหน รมว.เกษตรฯ ตอบว่า ท่านนายกฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ทั้งนี้ตนได้ไปหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว ซึ่งก็ให้รอสัญญาณจากนายกรัฐมนตรี และยืนยันว่าจะส่งชื่อนายไผ่ เหมือนเดิม หากไม่ผ่านหรือมีปัญหาด้านข้อกฎหมาย หัวหน้าพรรคก็คงเตรียมชื่อสำรองไว้แล้ว

'วันนอร์' ยันไม่ยึดติดตำแหน่ง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวจะมีการขอปรับเปลี่ยนตำแหน่งประธานสภาฯ เพื่อใช้รองรับการปรับ ครม.ให้ลงตัวว่า ส่วนตัวไม่ยึดติดตำแหน่งแห่งหน การเป็นประธานสภาฯ ครั้งแรก ตนก็ลาออกเพื่อไปรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ให้พรรคเดินหน้าให้ทุกอย่างลงตัวโดยไม่มีใครมากดดัน และการเป็น สส.ตอนปี 62 ก็ลาออกจากการเป็น สส. เพื่อให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคในขณะนั้นได้เข้ามาเป็น สส. เพราะ พ.ต.อ.ทวีทุ่มเทให้กับพรรคและมีอนาคตในเส้นทางการเมือง ก็จะได้ประสบการณ์การทำงานสภาก่อนได้ตำแหน่งรัฐมนตรี

 เขายืนยันว่าไม่ยึดติด ไม่อยากให้ฝ่ายนิติบัญญัติถูกแทรกแซงจากฝ่ายใด  เนื่องจากตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติถือเป็นหนึ่งในสามเสาหลักประชาธิปไตย ที่ฝ่ายอื่นจะเข้ามาแทรกแซงไม่ได้ จึงมีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าตำแหน่งดังกล่าวต้องเป็นกลางไม่มีพันธะกับพรรคการเมือง ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค และตำแหน่งที่ตนได้รับก็มาจากการที่มีคนเสนอชื่อตนและสมาชิกโหวตเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่ ถ้ามีการแทรกแซงให้ตนลาออกสภาก็จะไม่ใช่สภา การปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้อยู่ในวาระที่กำหนดไว้ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยกเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ หมดวาระ หรือลาออก

 “ยืนยันผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ต้องการรักษาเกียรติและศักศรีดิ์ของฝ่ายนิติบัตญัติไว้ ต้องการธำรงไว้ซึ่งหลักการเพื่อให้ประชาธิปไตยของไทยเดินไปข้างหน้า” นายวันนอร์กล่าว

ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากคนที่ไม่ใช่สื่อเป็นคนพูด คนในรัฐบาลยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้

"เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องของรัฐบาล กฎหมายให้ตั้งนายกฯ แล้วนายกฯ จะเป็นคนตั้งคณะรัฐมนตรี แต่ในเรื่องของสภา ก็จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน เป็นคนเลือกว่าใครจะเป็นประธานสภา" รมว.ยุติธรรมกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้

'จิราพร' คาดได้เป็นเสนาบดีเพราะ'เศรษฐา' ต้องการพลังคนรุ่นใหม่!

'น้ำ จิราพร' เผยได้เป็นรัฐมนตรีป้ายแดงเพราะนายกฯ หวังใช้พลังคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนงาน รับ อายุน้อยสุดในครม. ตื่นเต้นแต่ไม่ตระหนกพร้อมทำทุกหน้าที่