นายกฯจี้สางมาเฟียภูเก็ต!

"เศรษฐา" ลงภูเก็ต สั่งตำรวจจับตามาเฟียต่างชาติ ผงะ! ตัวเลขนายกฯ มีต่างชาติในภูเก็ต 1.4 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นรัสเซีย เผยต่างชาติถือหุ้นในภูเก็ต 10,291 บริษัท มีพิรุธจดทะเบียนหลายบริษัทในที่ตั้งเดียวกัน โยงลักลอบนำเข้ายางพารา แก๊งเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ต  ทั้งการปรับปรุงท่าอากาศยานฝั่งอาคารผู้โดยสารนานาชาติภูเก็ต ปัญหาความมั่นคง การคมนาคม การท่องเที่ยว เป็นต้น

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8  นายเศรษฐาได้รับฟังรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่  โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีจำนวน 17,730 นาย และมีที่พักอาศัย 8,500 ห้อง ซึ่งได้รับปีงบประมาณปี 2567-2568 มาปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซึ่งนายกฯ ได้เน้นย้ำว่า ต้องการให้ใช้โมเดลที่พักข้าราชการตำรวจ ตามที่ได้สั่งการไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาใช้กับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วย

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่การดำเนินการกวดขันจับกุมชาวต่างชาติที่กระทำผิดกฎหมาย ปัจจุบันมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตราว 1 ล้าน 4 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นสัญชาติรัสเซียมากที่สุด ซึ่งพบผู้กระทำผิดที่เป็นชาวต่างชาติ และมีการดำเนินคดีเพิกถอนการอยู่ต่อตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบันจำนวน 98 ราย พบเป็นชาวจีนและเมียนมา

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ศปปธ.) พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลบริษัท มีชาวต่างชาติถือหุ้นในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 10,291 บริษัท  โดยมีบริษัทที่มีลักษณะต้องสงสัย มีพิรุธ มีการจดทะเบียนหลายบริษัทในที่ตั้งเดียวกัน จำนวน 169 เป้าหมาย รวมถึงยังมีการรายงานสถานการณ์การลักลอบนำเข้ายางพาราเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566-31 มีนาคม 2567 กว่า 67,445 กิโลกรัม และปาล์มน้ำมัน 8,180 กิโลกรัม การจับกุมกวาดล้างแก๊งเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มนายทุนหนุนหลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนระนอง

นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับการป้องกันการกระทำผิดของคนต่างชาติก็เป็นเรื่องสำคัญ มีเครือข่ายด้านธุรกิจทำตัวนอกเหนือกฎหมาย ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลลงทุนที่ภูเก็ตเป็นแสนล้าน แต่ถ้ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น กรณีเดียวจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำมาหากินอย่างไม่ถูกต้องที่ลงทุนจะพังพินาศได้   ขอให้ช่วยกันดูให้ดี เพราะเราลงทุนไปสูง  ไม่อยากให้น้ำผึ้งหยดเดียวเป็นปัญหาให้เรื่องที่เราทำเสียหาย "ขอฝากผู้สมัคร สส.เป็นหูเป็นตา อย่าให้การลงทุนสูญเปล่า"

นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวไม่มีใบขับขี่แล้วใช้พาสปอร์ตเป็นหลักฐานการเช่ารถ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมทำให้ไม่มีเอกสารยืนยันนั้น อาจจะถูกมองว่าเราเข้มเกินไปกลัวนักท่องเที่ยวไม่พอใจ แต่ยืนยันว่ากฎหมายต้องมาก่อน  ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวก็จะไม่ทำตามกฎหมาย

 “ถ้าเขาจะไม่มาเพราะเราเข้มข้นก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ เราต้องการนักท่องเที่ยวที่เคารพกฎหมายของประเทศไทย” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการผลักดันให้ จ.ภูเก็ตเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจะดำเนินการอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ได้หนังสือข้อเสนอดังกล่าว หากได้รับจะต้องพิจารณาว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษคืออะไร   แต่ต้องดูว่าหากเป็นโรงงานอุตสาหกรรมอาจไม่เหมาะสม เพราะเราเน้นเรื่องการท่องเที่ยว หากการยกระดับ จ.ภูเก็ต ในธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวตนยินดี

เมื่อถามย้ำว่า หากจะยกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะด้านท่องเที่ยวจะสามารถทำได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ต้องยกระดับ เพราะเกาะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีศักยภาพสูง ซึ่งเราจะยกระดับขึ้นไปอีก ซึ่งการสร้างเศรษฐกิจพิเศษต้องไม่เป็นภัยกับการท่องเที่ยว ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเป็นเศรษฐกิจพิเศษเชิงวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมพื้นบ้านและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้

ถามถึงการนำน้ำมาจากเขื่อนเชี่ยวหลานจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ เพราะขณะนี้ทาง จ.กระบี่ก็มีปัญหาขาดแคลนน้ำ นายกฯ ตอบว่า โครงการนี้เพิ่งสั่งการไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้มีการศึกษา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการศึกษา แล้วจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน ยืนยันเรื่องนี้จะมีความคืบหน้าอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง ถ้าเราจะยกระดับภูเก็ตโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งประปา ไฟฟ้า ถนน เราให้ความสำคัญ

ส่วนการแก้ไขปัญหาจราจรใน จ.ภูเก็ต นายเศรษฐากล่าวว่า ในส่วนของสะพานสารสิน อยู่ระหว่างการศึกแนวทางเพื่อให้เรือยอชต์สามารถวิ่งรอบเกาะได้ ส่วนเรื่องของการคมนาคมในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตัวเมืองไปสนามบิน บางวันใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงได้มีการสร้างทางคู่ขนาน ขุดอุโมงค์ สร้างทางเล็กๆ เพื่อระบายการจราจร มั่นใจว่าการจราจรที่ จ.ภูเก็ตต้องดีขึ้น

ขณะที่ นางวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยเหลืออนุมัติโครงการเพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้มีมาตรฐานการท่องเที่ยวระดับสากล รวม 4 โครงการ ดังนี้

1.โครงการจัดตั้งเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเพื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ขออนุมัติงบประมาณจัดสรรไม่น้อยกว่า 1-5% ของรายได้จากภาคบริการและการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ที่นำส่งรายได้เข้ารัฐ โดยมีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับผิดชอบ

2.โครงการสร้างมารีน่าชุมชน หรือ บริการขนส่งทางทะเล รอบเกาะจังหวัดภูเก็ต จำนวน 10 ท่าเรือ ภายใต้งบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทางเลือกและลดการแออัดการคมนาคมทางบก อีกทั้งกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก ต่อยอดพัฒนาสู่ท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise terminal) โดยมีกรมเจ้าท่ารับผิดชอบ

3.โครงการบูรณาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการจราจรจังหวัดภูเก็ต ด้วยระบบ AI ภายใต้งบประมาณ 397,524,000 บาท โดยมี สำนักงานจังหวัดภูเก็ตรับผิดชอบ

และ 4.โครงการช่วยเหลือโรงแรมที่พักขนาดเล็ก ขอพิจารณาเพื่อติดตามและอนุมัติ ฉบับร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ภายในเดือนเมษายน 2567 นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ก้าวไกล' รุมจวก 'เศรษฐา' เก่งแต่ใช้ปากต่อว่าคนอื่นแต่ทำงานไม่ได้เรื่อง

'ชุติพงษ์' ฟาด 'เศรษฐา' แก้ปัญหาสารเคมี ถ้าใช้ปากทำงานมาเป็นฝ่ายค้านดีกว่า ไม่ต้องเป็นรัฐบาล ชี้มีอำนาจแต่สั่งการไม่ได้ผลสักอย่าง 'ทวิวงศ์' เผยเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีที่อยุธยา