ปัดยึดเก้าอี้ปธ.สภา แกนนำ‘เพื่อไทย’ลิ้นพันแจง/‘วันนอร์’ลั่นทำไม่ได้ไปเอง

“เศรษฐา” ย้ำ รมต.ให้ใช้ผลงานเป็นภูมิคุ้มกัน “สุทิน” รับเสียดายถ้าต้องหลุดเก้าอี้ เชื่อถึงเวลานายกฯ คงสะกิด “พวงเพ็ชร” อ้อนขอโอกาสทำงานต่อ “ภูมิธรรม” สยบข่าวส่ง “ชลน่าน” นั่งปธ.สภาฯ ขออย่าจินตนาการ “แพทองธาร” ระบุไม่คิดขอคืน “วันนอร์” ลั่น ตำแหน่งมีเกียรติ ทำไม่ได้ไปเอง ไม่ยึดติด

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงการนัดรับประทานอาหารของพรรคร่วมรัฐบาลตามวงรอบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นเจ้าภาพไปแล้วว่า การนัดครั้งต่อไปเข้าใจว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นเจ้าภาพ แต่ยังไม่ทราบกำหนดการ ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพที่จะนัดมา   ส่วนที่นัดรับประทานช่วงที่มีกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น อย่าโยงเกี่ยวกัน 2 เรื่อง ในที่ประชุม ครม.ยังมีการพูดคุยกันดีอยู่ ไม่ได้มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องการทำงานคุยกันตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากมีข่าวการปรับ ครม.ออกไป มีแรงกระเพื่อมอะไรหรือไม่ในทางการเมืองที่อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงาน นายเศรษฐาตอบว่า แรงกระเพื่อมคืออะไร อย่างที่ตนเคยเรียนไปเมื่อ 2-3 วันก่อนในช่วงสงกรานต์  ก็มีการวิ่งเต้นสอบถามข่าว ตนจึงบอกว่าภูมิคุ้มกันดีที่สุดคือการทำงาน เมื่อถามย้ำว่าน่าจะลดแรงหวั่นไหวของรัฐมนตรีบางท่านได้หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า   ไม่ทราบจริงๆ

เมื่อถามอีกว่า หลังมีข่าวการปรับ ครม.ออกมา ทำให้รัฐมนตรีหลายคนขยันทำงาน นายกฯ ระบุว่า แล้วแต่สื่อที่จะตั้งข้อสังเกตกัน อย่างที่บอกตน ในฐานะผู้นำรัฐบาล เรื่องที่ตนสนใจมากที่สุดคือผลงาน เมื่อถามถึงกรณีนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาบอกว่าอยากให้พรรคเพื่อไทยยึดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ เพราะมีนโยบายหลายอย่างที่ต้องขับเคลื่อน นายกฯ กล่าวว่า  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเลข 141 เสียง กับ 500 เสียง ทุกคนก็อยากได้หมด

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม  กล่าวถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจาก ครม.ว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนที่มีชื่อของตนนั้น เพราะกระทรวงนี้เป็นที่น่าสนใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับ แล้วนายกฯ มาควบกลาโหมเอง ตามมารยาทแล้วจะต้องมาคุยกับนายสุทินหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เคยบอกแล้วว่านายกฯ เป็นกัปตันทีม ท่านจะเปลี่ยนและสลับตำแหน่งผู้เล่นสามารถทำได้ เพราะเป้าหมายคือต้องได้ประตู และต้องชนะ สำหรับตนไม่มีปัญหา ไม่รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจ

“ก็เสียดายเพียงว่า อยากจะใช้เวลาพิสูจน์ว่าพลเรือนก็เป็นรัฐมนตรีที่ดีได้ นักการเมืองก็มีวุฒิภาวะพอที่จะรับผิดชอบงานความมั่นคงได้ เสียดายตรงนี้นิดเดียว ส่วนเรื่องอื่นไม่เสียดาย เพราะใครมาก็ทำต่อได้ ถ้านายกฯ มา อำนาจท่านก็สมบูรณ์อยู่แล้ว ทำได้ดี” รมว.กลาโหมย้ำ

นายสุทินยังชี้แจงด้วยว่า มีเรื่องเดียวที่จะพูด แม้จริงๆ ไม่อยากจะพูด แต่ดรามากันไปเยอะ ถือโอกาสอธิบายเรื่องมอบพวงมาลัย ส่งแล้วไม่รับ ตนฟังอยู่ ผิดเพี้ยนไปเยอะ ตนเข้าพบท่านทักษิณก่อนใครเลย คือวันที่ 9 เม.ย. สองต่อสอง ไปรดน้ำดำหัวและคุยกัน ท่านมีเมตตา ให้พร ให้คำปรึกษาในการทำงานเยอะ แต่มีคนไปลงข่าวบอกว่าวันที่ 12 เม.ย.ตนไปขอเข้าพบแล้วท่านไล่มาทำงาน ไปทำไมบ่อยๆ จะไปวันที่ 14 เม.ย. ยังเกรงใจเลย กลัวว่ามาบ่อย แต่เพื่อนชวนก็ไป ตอนนั้นตอนที่คนเอาคลิปมาลง

"ถ้าสังเกตดีๆ ผมอยู่กับท่านพายัพ ชินวัตร ท่านพายัพก็ถือ ผมก็ถือพวงมาลัย ก็คุยกัน ท่านพายัพบอกว่าไม่เหมาะหรอก ถ้ามามอบตอนนี้ ให้ท่านนั่งเป็นทางการ เป็นเด็กให้ผู้ใหญ่ ผมไม่ได้ยื่นเลย แต่ผมยกมือไหว้ ถ้าจะมอบผมก็ต้องยื่น ถ้ายื่นท่านก็ต้องรับ ท่านเป็นผู้ใหญ่มีเมตตา ท่านไม่ได้คิดแค่นั้น ขอให้เข้าใจกันใหม่ เรื่องนี้ไม่มี ยังเป็นปกติ ยังคุยปกติ จากนั้นก็เข้าไปนั่งคุยในห้อง แล้วก็มอบให้ แต่ตอนมอบคนไม่ได้ดู" นายสุทินระบุ

‘พวงเพ็ชร’ อ้อนขอทำงานต่อ

ซักว่าการที่พูดคุยกับนายทักษิณ มีสัญญาใจรับประกันอะไรหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวพุ่งไปที่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนจากผู้ที่หลุด ครม. นายสุทินปฏิเสธว่า ไม่มีคุย แต่คุยเรื่องแนะนำการทำงาน และอวยพรการทำงาน เทคนิคการทำงาน

เมื่อถามอีกว่า นายกฯ ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับนายสุทินออกจากรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าไม่ได้มีการพูดคุย แต่ปรับออกจะรู้สึกเคืองหรือไม่ นายสุทิน บอกว่า “ไม่พูด ก็ไม่เป็น และไม่เคือง เพราะสุทินเป็นคนแบบนั้น แฟร์ๆ อยู่แล้ว ให้เกียรติกับทุกคน แต่ส่วนตัวมองว่าหากปรับออก ยังไงก็ต้องมีการบอกและส่งสัญญาณกัน จึงเข้าใจว่ายังไม่ถึงเวลา”

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีรายชื่อถูกปรับออกว่า เป็นเพียงกระแส แต่ยังไม่ได้รับแจ้งจากใคร โดยเฉพาะนายกฯ  ซึ่งอำนาจทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ ส่วนตัวคิดว่าตนทำงานเยอะมาก และตั้งใจทำงานในทุกหน้าที่ที่นายกฯ มอบหมาย รวมไปถึงขณะนี้ก็มีงานที่ติดค้างอยู่จำนวนมาก จึงอยากจะมีโอกาสได้ทำงานให้กับประเทศชาติต่อไป

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไร เพราะทำงานเยอะ แต่กลับมีข่าวถูกปรับออกจาก ครม.ตลอด เป็นการบั่นทอนหรือไม่ นางพวงเพ็ชรตอบว่า ไม่หรอก ข่าวคือข่าว รอให้นายกฯ เป็นคนแจ้ง ซึ่งทาง ครม.ก็จะแจ้งอีกทีว่าจะปรับหรือไม่อย่างไร แต่ถึงปัจจุบันยังไม่มีการรับแจ้ง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เป็นข่าวว่าจะถูกปรับจาก ครม. ก็ทำงานไม่เคยหยุด เมื่อคืนก่อนไปจับบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดจากการทำงาน ยังคงฟังคำสั่งของนายกฯ ยังคงต้องทำงานเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันในการโยกย้ายต่างๆ ซึ่งตนยังอยากขอโอกาสในการทำงาน เนื่องจากยังมีหลายงานคั่งค้าง อยากทำงานสำคัญให้สำเร็จลุล่วง

เมื่อถามต่อไปว่า กระแสข่าวดังกล่าวทำให้เสียกำลังใจในการทำงานหรือไม่  นางพวงเพ็ชรยอมรับว่า “มีบ้าง นายกฯบอกว่าอย่าหวั่นไหว แต่เราก็หวั่นไหว เพราะมีชื่อตลอด แต่ก็ตั้งใจทำงานไปอย่างเดียว เพราะนายกฯ บอกว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่มีสัญญาณนัดประชุมพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้สอบถามว่าอยากปรับโควตารัฐมนตรีภายในพรรคหรือไม่ ซึ่งยืนยันกลับไปว่าในส่วนของ ภท.ยังไม่มี

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ผู้ใหญ่ในรัฐบาลกำลังมองหาผู้ที่มีความเหมาะสมให้เข้ามาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ คนใหม่แทนนายชัย  วัชรงค์ โดยตอนแรกมองไปที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แต่ล่าสุดมีชื่อของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมและอดีต สส.พรรคเพื่อไทย จะมาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ คนใหม่ค่อนข้างสูง เนื่องจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลมองว่ามีคุณสมบัติที่ความเหมาะสม และหลังจากนายสุทิน มีโอกาสสูงที่จะถูกปรับพ้นตำแหน่ง รมว.กลาโหม

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า เอาข่าวมาจากไหน ประธานสภาฯ เลือกโดย สส.ทุกคน ซึ่งได้เลือกไปแล้ว และต้องให้สภาเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่พรรคการเมืองหรือรัฐบาลที่จะเข้าไปตัดสิน ยังไม่มีข่าวอะไรที่เกี่ยวกับ พท. เกี่ยวกับประธานสภาฯ ไม่มีอะไร และการทำงานที่ผ่านมาของประธานสภาฯ ทำหน้าที่สมเกียรติ สมหน้าที่ และไม่มีความขัดแย้งกัน ท่านปฏิบัติต่อ สส. ทุกคนอย่างดี

ไม่ขอคืนเก้าอี้ ปธ.สภาฯ

เมื่อถามย้ำว่า จะยืนยันหรือไม่ว่า พท.จะไม่ยึดตำแหน่งประธานสภาฯ คืน นายภูมิธรรมชี้แจงว่า พท.ไม่ใช่เจ้าของตั้งแต่ต้น จะยึดคืนไม่ได้ ย้ำว่าสภาเป็นผู้ตัดสิน

ซักว่า สส.พท.ได้พูดคุยกันในที่ประชุมหรือไม่ว่าหากมีการเปลี่ยนประธานสภาฯ  แล้วจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารทำงานสอดคล้องกันมากขึ้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็มีพูดกันว่าจะช่วยทำให้สภาเรียบร้อย โดยหน้าที่ของ สส.ทุกคน ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างพร้อมเพรียงและร่วมกันทำงาน เรื่องการเปลี่ยนประธานสภาฯ ไม่ใช่หน้าที่ของ สส.ที่คิดจะเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าเราจะคิดต้องไปเปลี่ยนประธานสภาฯ เพราะท่านยังทำหน้าที่ได้อย่างดี

เมื่อถามถึงการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ที่อยากจะให้การทำงานในสภา เข้มแข็งขึ้น จนถูกตีความว่าอาจจะมีการเปลี่ยนประธานสภาฯ นายภูมิธรรมตอบว่า ความหมายของนายกฯ คือการทำให้สภาเข้มแข็งในส่วนของ พท.

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ไปช่วยงานสภา นายภูมิธรรมย้อนถามว่า คุณจะเปลี่ยนรัฐมนตรีเหรอ เมื่อถามย้ำว่าหากมีการปรับจะเข้าไปทำงานในสภาหรือไม่  นายภูมิธรรมกล่าวว่า สมมุติถ้ามีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความหมายของการทำงานสภาที่นายกฯ หมายถึงคือการให้ สส.เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง เสนอกฎหมาย มีเพียงเท่านี้ ขออย่าจินตนาการ ไม่มีๆ

เมื่อถามอีกว่า มีการมองว่า นพ.ชลน่านและนายสุทินทำหน้าที่ในสภาได้ดีในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน หากมีการปรับ ครม.จริง จะต้องกลับเข้าสู่สภา นายภูมิธรรม ตอบว่า การทำหน้าที่ที่เข้มแข็งในสภา ไม่จำเป็นต้องเป็นประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ งานในสภามีหลายเรื่อง ทั้งคณะกรรมาธิการการเสนอกฎหมาย  ตนอยากให้ทุกคนสบายใจว่าเรื่องนี้ไม่ได้มาจาก พท. และเราไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงประธานสภาฯ เพราะทั้ง 2 ท่านก็ได้มาจากการเลือกในสภา ทำหน้าที่ได้อย่างดีไม่โน้มเอียง และอยากให้เรื่องนี้ยุติแล้ว ขออย่าจินตนาการ เพราะจะไปสร้างความบั่นทอนหรือความรู้สึกปั่นป่วนมากเกินไป

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา   กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไร แต่การปรับ ครม.กับตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนละเรื่องกัน การปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมีการเสนอชื่อเพื่อเลือกในที่ประชุมสภาฯ มีผู้รับรอง แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อบังคับการประชุมสภาฯ

“ในส่วนตัวของผมไม่เคยติดยึดกับตำแหน่งใดๆ ถ้าทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชนผมก็ต้องทำเต็มที่ แต่ถ้าทำไม่ได้หรือไม่สามารถทำได้ ผมก็ไม่ติดยึด  พร้อมที่จะไป แต่ผมขอเรียนว่าตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ เป็นเสาหลักประชาธิปไตย ต้องทำหน้าที่เป็นกลาง ไม่สามารถมีใครมาแทรกแซงได้ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดชัดเจน ประธานและรองประธานสภาฯ ต้องไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผูกพัน หรือมีการแทรกแซงจากพรรคการเมือง ผมไม่มีอะไรส่วนตัว แต่เกียรติศักดิ์ศรีสภาฯ ผมในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติต้องรักษาไว้” นายวันมูหะมัดนอร์ย้ำ

'ชลน่าน' ทำได้ทุกหน้าที่

เมื่อถามว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ  เลือกมาจากที่ประชุม จึงไม่มีเหตุใดที่จะต้องเปลี่ยนกลางคัน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ประเพณีที่เคยปฏิบัติมาไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งประธานสภาฯ  ต้องมีความเป็นกลาง ไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองใด เมื่อถามว่ายืนยันจะทำหน้าที่นี้ต่อไปหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ถ้าตนละเลย เท่ากับว่าตนไม่รักษาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมอบให้ไว้ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีใครส่งสัญญาณมา ถึงส่งสัญญาณก็เป็นสัญญาณที่รับไม่ได้ มันไม่มีเหตุใดๆ ที่จะต้องเปลี่ยนตำแหน่ง ถ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ก็ต้องไปเอง ตนถือว่าต้องให้ประโยชน์ประชาชน เกียรติศักดิ์ศรีสภา เดินไปให้ตรงแนวทาง  จะมาบิดๆ เบี้ยวๆ เพื่ออย่างใดอย่างหนึ่งตนว่าไม่ถูก

อย่างไรก็ดี ยังมีรายงานข่าวออกมาว่า  สำหรับตำแหน่งประธานสภาฯ ที่มีกระแสข่าวว่า นพ.ชลน่านจะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ แทนนั้น เนื่องจากมีประสบการณ์การเป็น สส.หลายสมัย และทำหน้าที่ในสภาได้ดี โดยล่าสุดค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า นพ.ชลน่านมีแนวโน้มจะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ มากกว่านายสุทิน เนื่องจากนายสุทินเป็นคนที่มีความประนีประนอม อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมการประชุมได้ดีเท่า นพ.ชลน่าน ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ คนปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาบทบาทของนายวันมูหะมัดนอร์ในฐานะประธานสภาฯ ก็ถือว่ายังสามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่คาดว่าจะลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ตนได้โอกาสทำงานตรงไหนก็จะทำงานตรงนั้นให้ดีที่สุด ส่วนน้อยใจหรือไม่ที่มีชื่อว่าจะหลุดจาก ครม.นั้น ไม่น้อยใจ และไม่รู้สึกกังวลด้วย เพราะในมิติทางการเมือง เรามาจากประชาชน ซึ่งตนมาจากประชาชนตั้งแต่ปี 40 ตนเชื่อมั่นในเรื่องที่ประชาชนมอบอำนาจให้ อำนาจประชาชนยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าได้มีโอกาสใช้อำนาจของประชาชนมาทำงานให้ประชาชน นี่คือความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ว่า ยังไม่มีการพูดคุยว่าจะเปลี่ยนตัว และในรายละเอียดก็มีการปรึกษาอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้มีการจะเปลี่ยนตัว

“จริงๆ ไม่มีการคุยว่าจะยึดคืน และไม่เคยมี สส.มาพูดคุยว่าอยากให้ประธานสภาฯ มาจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงไม่มีการคุยกันเรื่องนี้ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะพูดเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยย้ำ

นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พท. เปิดเผยว่า จ.เชียงใหม่เป็นบ้านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จ.อุดรธานีก็เป็นบ้านท่านอีกหลัง หากท่านจะมาภาคอีสาน ท่านก็น่าจะมา จ.อุดรธานีเป็นจังหวัดแรก ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าท่านจะมาวันไหน แต่เชื่อมั่นว่าจะมา เพราะ จ.อุดรธานีก็เป็นเมืองที่มีคนรักท่าน และไม่จำเป็นต้องมีการเชิญท่านมา คงแล้วแต่ท่านสะดวก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯซวยแล้ว! ภาคปชช.อ้างคำวินิจฉัยกฤษฎีกาคุณสมบัติ 'ทนายถุงขนม' ยื่นป.ป.ช.เอาผิด

สืบเนื่องจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี เฉพาะตามมาตรา 160(6) ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญ