เมียนมาเริ่มสงบ ‘ปานปรีย์’ขีดเส้น ห้ามล้ำอธิปไตย

นายกฯ บินด่วนแม่สอด หลังประชุม ครม. 23 เม.ย. ตรวจผลกระทบสถานการณ์เมียนมา แผนเผชิญเหตุ-ศก.ชายแดน "สุทิน" ยันคนหนีภัยเข้าไทยต้องดูแลทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีอะไรน่ากังวล ทอ.นำเครื่องบินตรวจตลอดเวลา ปชช.ในพื้นที่สบายใจได้ "ปานปรีย์"   กำชับกองทัพเมียนมาห้ามรุกล้ำอธิปไตยไทย รวมทั้งห้ามมีลูกหลงการสู้รบมาฝั่งไทยด้วย "พ่อเมืองตาก" ระบุสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ผู้ลี้ภัยบางคนอยากกลับบ้านห่วงทรัพย์สิน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ว่า ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและติดตามสถานการณ์อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเวลา 14.00 น. นายกฯ และคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งเรื่องสถานการณ์ทั่วไป การปฏิบัติจากฝ่ายไทย และแผนเผชิญเหตุสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมา สภาพเศรษฐกิจและการค้าชายแดนจังหวัดตาก รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมา

จากนั้นนายกฯ จะเดินทางไปยังสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1  บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อพบปะเยี่ยมประชาชนชาวไทย รวมทั้งศึกษาสภาพภูมิสังคม การค้าตามแนวชายแดนบริเวณตลาดริมเมย ก่อนเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 17.00 น. ของวันเดียวกัน

ด้านนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาซึ่งติดกับบริเวณชายแดนไทย อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า ล่าสุดได้รับรายงานว่าสถานการณ์สู้รบมีความเข้มข้นขึ้น โดยเป็นไปตามความคาดหมายของเรา ทำให้เกิดผลกระทบในฝั่งของประเทศไทย โดยมีผู้หนีภัยการสู้รบมาในประเทศไทย ซึ่งเราได้ให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมที่เราต้องดูแลทั้งสองฝ่าย แม้จะกระทบกับเราบ้าง แต่ไม่มีอะไรที่น่าวิตก

นายสุทินเปิดเผยว่า ในวันที่ 23 เมษายนนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่ อ.แม่สอด เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลด้านความมั่นคง และภายใน 1-2 วันนี้ ตนก็จะลงพื้นที่เช่นเดียวกัน โดยระหว่างนี้ได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพรวมไปถึงฝ่ายปกครองดูแลประชาชนอย่างเต็มที่

ส่วนที่มีกระสุนที่เกิดจากการสู้รบตกมายังบ้านเรือนของประชาชนในฝั่งไทย นั้น นายสุทินกล่าวว่า เราจะต้องมีการปรามและเตือน แม้จะทราบว่าเจตนาไม่ได้ทำร้ายเรา แต่ต้องมีการป้องกันเต็มที่ โดยกองทัพอากาศได้นำเครื่องบินเฝ้าตรวจทางอากาศตลอดเวลา สามารถสกัดกั้นได้ทันที ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่สบายใจได้ว่ากองทัพของเราสามารถดูแลสถานการณ์ได้ โดยเราได้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ในบางเรื่องอาจจะสุดวิสัย สำหรับการรายงานด้านการข่าวนั้น คิดว่าน่าจะยังคงสู้รบกันไปอีกสักระยะหนึ่ง

ด้านนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดสถานการณ์การสู้รบในบริเวณชายแดนดังกล่าว และมีผู้ลี้ภัยอพยพมาที่ชายแดนไทย แต่เมื่อสถานการณ์สงบลง ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ก็จะเดินทางกลับเมียนมา ซึ่งจากที่ได้รับรายงานล่าสุดเย็นวานนี้ ทราบว่ามีคนเมียนมาอพยพมาจำนวน 3,000 คน ซึ่งอยู่ในการดูแลของกองทัพ และหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย

ส่วนกรณีที่มีกระสุนปืนลูกหลงจากการสู้รบตกมาที่ฝั่งไทยนั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่ายังไม่ปรากฏความเสียหาย และยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนลูกหลง อย่างไรก็ดี ได้แจ้งเตือนฝ่ายเมียนมาไปแล้วว่าให้ใช้ความระมัดระวังขั้นสูงสุด เนื่องจากไทยไม่ต้องการให้เกิดการรุกล้ำอธิปไตยและดินแดนไทย ไม่ว่าจะทางบกหรือทางอากาศ เช่นเดียวกับการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ต้องไม่ให้เข้ามาในดินแดนไทย รวมทั้งเกิดอันตรายกับประชาชนชาวไทย

ส่วนความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการรับมือสถานการณ์เมียนมาของนายกรัฐมนตรี นายปานปรีย์เปิดเผยว่า  จะมีการประชุมคณะกรรมการดังกล่าวในช่วงเช้าวันอังคารที่ 23 เม.ย.67 ก่อนการประชุม ครม. และหลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่อำเภอแม่สอด เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ในด้านบทบาทการเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพ (Peace Broker) ในเมียนมานั้น นายปานปรีย์กล่าวว่า ได้หารือกับอาเซียนแล้ว โดยได้มีการออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องให้สถานการณ์ในเมียนมากลับสู่ความสงบและเกิดสันติภาพโดยเร็วที่สุด และมีการดำเนินการและเจรจาในการรับบทบาทเป็นตัวกลางอยู่ แต่ยังมีอุปสรรคในด้านที่ไม่ทราบว่าใครเป็นใคร รวมทั้งการสู้รบยังคงดำเนินอยู่ตลอดเวลา แต่ย้ำว่าได้มีการเจรจากันในระดับหนึ่งแล้ว

วันเดียวกัน นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปดูสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อทราบสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กองพลน้อยที่ 6 และ KNUPC รวมทั้งกองกำลัง PDF กองกำลังปกป้องประชาชนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง หลายจุด โดยเฉพาะจุดปะทะที่บริเวณบ้านเหย่ปู่ ห่างจากด่านพรมแดนไทย- เมียนมา (แม่สอด-เมียวดี) ตรงข้ามบ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นจุดที่มีการสู้รบหนักที่สุด ทั้งการใช้โดรนทิ้งระเบิดของฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมา และฝ่ายเมียนมาใช้เครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติการทางอากาศ ทำให้มีคนเสียชีวิต ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งฝ่ายต่อต้าน ซึ่งหลังจากไปพื้นที่พักพิงมาแล้วได้เดินทางไปที่ สภ.แม่สอด เข้าหารือกับฝ่ายตำรวจ

โดยผู้ว่าฯ ตากได้พบกับ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 (ผบช.ภาค 6) และ พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.)  ได้ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด ติดตามสถานการณ์ชายแดนเช่นกัน ซึ่งได้ประชุมร่วมกันในห้องประชุมถึงสถานการณ์การสู้รบและการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย

นายสมชัยกล่าวว่า ได้ไปติดตามสถานการณ์ชายแดนและดูผู้หนีภัยจากการสู้รบ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 3 แห่ง ผู้หนีภัยจากการสู้รบในพื้นที่ อ.อุ้มผาง พบพระ อ.แม่สอด ทั้งหมด 3,000 คนเศษ จากเดิน 5 จุด ล่าสุดการสู้รบเบาบางลงในบางพื้นที่ ผู้หนีภัยบอกว่าอยากกลับไปดูบ้านเพราะเป็นห่วงทรัพย์สิน ก็ให้กลับไป ส่วนทางประเทศไทยยังคงประสานงานกับคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาส่วนท้องถิ่น (ทีบีซี) เหมือนเดิม จากนี้ไปในการวางแผนการรองรับผู้หนีภัยจากการสู้รบ จะมีการปรับแผนกันบ้าง ซึ่งได้หารือกับฝ่ายตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรด้วย ส่วนเรื่องปลอดภัยของผู้ลี้ภัยนั้น มีความปลอดภัยแน่นอน

รายงานข่าวแจ้งโดยสรุปว่า ยอดผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบในพื้นที่ อ.แม่สอด และ อ.อุ้มผาง ประกอบด้วย

อ.แม่สอด พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 2 แห่ง ดังนี้ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ท่าข้ามสินค้า 25 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด มียอดผู้อพยพ 791 คน (ชาย 246 คน, หญิง 338, เด็ก 207 คน) รวม 791 คน, พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ท่าทรายรุจิรา ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด มียอดผู้อพยพ 2,018 คน (ชาย 852 คน, หญิง 670 คน, เด็ก 496 คน)

สำหรับการให้การช่วยเหลือของส่วนราชการและองค์กรเอกชน-ทหาร,   ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง ดูแล/จัดระเบียบพื้นที่-กิ่งกาชาด, ฝ่ายปกครอง จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และที่พักอาศัย อ.อุ้มผาง มีพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 1 แห่ง ดังนี้ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านหนองหลวง ต.หนองหลวง ​อ.อุ้มผาง ยอดเดิม 77 คน (ชาย 16 คน, หญิง 21 คน, ด.ช.10, ด.ญ. 21 คน) (เด็กเล็ก ชาย 4 คน, หญิง 5 คน)

สำหรับสถานการณ์การสู้รบในวันนี้   มีเครื่องบินเมียนมามาทิ้งระเบิดหลายรอบใส่จุดที่ฝ่ายต่อต้านอาศัยอยู่ดังก้องถึง อ.แม่สอด แต่ในช่วงบ่ายกลับเงียบลง และได้มีการปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2   ห้ามและงดการผ่านเข้า-ออก.            

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อวดคนอีสาน 10 เดือน ผลงานเพียบ ไตรมาส 4 ได้เงินหมื่นแน่

นายกฯ พบชาวหนองพอก อวดผลงาน 10 เดือน ราคาพืชผลการเกษตรดี ยันเร่งแก้ปัญหาน้ำประปา ปราบหนี้นอกระบบให้หมด ย้ำ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไตรมาส 4 ได้แน่